เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1146 พันธมิตรสี่ฝ่าย
แปลโดย iPAT
สามวันผ่านไป
ใต้ดินของแดนน้ำแข็ง แท่นบูชาพระแม่ธรณี
ธูปสี่ดอกถูกจุดและส่งเขม่าควันลอยขึ้นสู่อากาศ
ผู้อมตะสี่ฝ่ายยืนอยู่ที่นี่ด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
ฟางหยวนยืนรวมอยู่ในกลุ่มนี้
เสียงสังญญาณดังขึ้นก่อนที่กลองจะส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง
ซื่อจงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวเสียงดัง “ข้า ผู้อมตะซื่อจงแห่งเผ่ามนุษย์หินยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเผ่าพันธุ์ทั้งสี่จะรวมเป็นหนึ่ง เราจะแบ่งปันโชคลาภและหายนะ”
จากนั้นเขาก็กระตุ้นใช้พลังงานอมตะและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นในแท่นบูชาพระแม่ธรณี
เกลียวควันพุ่งขึ้นสู่ด้านบนก่อนจะวกกลับลงมายังร่างของซื่อจงและหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
‘ดูเหมือนนี่จะเป็นวิธีสร้างพันธสัญญาโบราณบนเส้นทางแห่งข้อมูล…’ ฟางหยวนคิด
ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพยายามเจรจากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเพื่อสร้างพันธมิตร
แต่เรื่องราวกลับราบรื่นอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจึงเริ่มกล่าวถึงเมืองหมึกของเผ่ามนุษย์หมึก
หลังจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเข้าใจรายละเอียด พวกเขาก็ตกลงอย่างง่ายดาย
บรรพชนผมยาวและผู้อมตะอวี๋เยี่ยนเป็นสหายที่ดีมาตั้งแต่อดีตกาล บรรพชนผมยาวทิ้งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเอาไว้เบื้องหลังขณะที่ผู้อมตะอวี๋เยี่ยนก่อตั้งเมืองหมึก ดังนั้นทั้งสองเผ่าพันธุ์จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาตลอด
เนื่องจากเผ่ามนุษย์ขนเป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์หมึก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะกลุ่มนี้จึงเลือกที่จะเชื่อพวกเขา
สุดท้ายเผ่าพันธุ์ทั้งสี่จึงบรรลุข้อตกลง
เหตุการณ์ในวันนี้สืบเนื่องมาจากการพูดคุยครั้งนั้น
พวกเขาใช้วิธีโบราณเพื่อสร้างสัญญาพันธมิตรอย่างเป็นทางการ
ผู้อมตะทุกคนผลัดกันเดินออกไปข้างหน้าและสร้างข้อตกลงพันธมิตร
เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็เข้าใจกลไกบางอย่าง
‘ดูเหมือนมันไม่ใช่วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่มันใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีเพื่อสร้างผลลัพธ์เช่นเดียวกับวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล นี่เหมือนกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้า ข้อตกลงหนึ่งร้อยปี’
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
มันเป็นเรื่องยากหากเขาต้องการทำลายข้อตกลงพันธมิตรนี้ในอนาคต เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถแก้ไขได้โดยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่ต้องเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพี
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ถึงคราวของท่านแล้ว” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผมที่สิบสองกล่าวเตือนมาจากด้านข้างด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ นับตั้งแต่ภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงประสบความสำเร็จและได้ยินว่าฟางหยวนครอบครองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ทัศนคติของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่มีต่อฟางหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาให้ความเคารพฟางหยวนเป็นอย่างมาก
ฟางหยวนพนักหน้าก่อนจะเดินออกไปและทำเช่นเดียวกับผู้อมตะซื่อจง
ทุกการกระทำของเขาอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของทุกคนในที่เกิดเหตุ
เมื่อเห็นว่าฟางหยวนสร้างข้อตกลงพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย รอยยิ้มของเสวี่ยเอ๋อกลายเป็นยิ่งน่ารักมากขึ้น
แน่นอนว่าพวกเขานึกไม่ถึงว่าฟางหยวนกำลังคิดหาวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตรนี้อยู่ตลอดเวลา
ฟางหยวนเข้าร่วมกับนิกายหลางหยาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
ในทำนองเดียวกันการเข้าร่วมพันธมิตรสี่ฝ่ายก็เป็นเพราะฟางหยวนถูกบังคับโดยสถานการณ์และมันจะง่ายขึ้นหากเขาต้องการหยิบยืมพลังอำนาจของพันธมิตรเพื่อการบ่มเพาะของตัวเขาเอง
‘ให้ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับมนุษย์กลายพันธุ์และต่อต้านมนุษย์ มันเป็นไปไม่ได้เลย!’
‘มนุษย์เหนือกว่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่างสมบูรณ์ แม้พวกเขาจะสร้างพันธมิตรสี่ฝ่าย แต่พวกเขาจะทำสิ่งใดได้?’
‘อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ไม่สามารถมองข้าม ในชีวิตแรกของข้าพวกเขาเป็นพันธมิตรกันหรือไม่?’
ความคิดของฟางหยวนล่องลอยออกไป
เขาไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนี้
ในชีวิตแรกของเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งเลือด เรื่องเกี่ยวกับภาคเหนือ เขาไม่รู้มากนักโดยเฉพาะรายละเอียดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังประเภทนี้
‘ข้าไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับมนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้ในชีวิตแรก บางทีพวกเขาอาจถูกกวาดล้างหรืออาจซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและถูกทำลายไปพร้อมกันโดยวังสวรรค์ ตรงข้ามกับเผ่ามนุษย์หมึก พวกเขาทำได้ดีอย่างน่าประทับใจ’
ขณะที่ฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ เขาลอบมองไปที่โม่ตันซาน
คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์หมึกที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ
โม่ตันซานอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนผิวสีดำผมสีขาว เขาดูสง่างามขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรมาก
‘คนผู้นี้เป็นตัวละครที่น่าเกรงขามเช่นกัน’ ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ในใจ
เขาจำได้ว่าในสงครามห้าภูมิภาค โม่ตันซานผู้นี้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งของเผ่ามนุษย์เพื่อพัฒนาและขยายกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อกองกำลังเผ่ามนุษย์ของภาคเหนือต้องการปราบปรามเขา เขาก้มศีรษะให้กับเผ่าหลิวโดยไม่สนใจศักดิ์ศรีและกลายเป็นคนรับใช้คนสนิทของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหลิวทันที
เผ่าหลิวเป็นหนึ่งในกองกำลังใหญ่ ดังนั้นกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกจึงได้รับการคุ้มครองและสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคง
ต่อมาเมื่อเผ่าหลิวอ่อนแอลง ราชามนุษย์หมึกโม่ตันซานรีบละทิ้งเผ่าหลิวและเข้าร่วมกับหม่าหงหยุน
ก่อนที่ฟางหยวนจะระเบิดตัวเอง เผ่ามนุษย์หมึกยังสามารถครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของที่ราบภาคเหนือทั้งหมด หากฟางหยวนกล่าวเรื่องนี้ออกไป ผู้ใดจะเชื่อเขา
ในพันธมิตรทั้งสี่ เผ่ามนุษย์หมึกอ่อนแอที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
แต่ในชีวิตแรกของฟางหยวน มนุษย์หมึกกลับรุ่งเรืองมาก
โม่ตันซานรู้ว่าเมื่อใดควรเดินหน้าเมื่อใดควรถอย นี่ทำให้เผ่ามนุษย์หมึกมีข้อได้เปรียบมาก
ราวกับสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของฟางหยวน โม่ตันซานหันหน้ามาหาเขาและเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจ
มันเป็นรอยยิ้มประจบสอพลอที่ให้ความรู้สึกว่าเขากำลังโค้งคำนับอยู่
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆและเผยรอยยิ้มเช่นเดียวกันตอบกลับไป
การแสดงออกของโม่ตันซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รับการยอมรับจากบุคคลสำคัญเช่นฟางหยวน
‘น่าเกรงขามอย่างแท้จริง’ ทักษะการแสดงของฟางหยวนเหนือกว่าคนธรรมดาแต่ทักษะการแสดงของโม่ตันซานผู้นี้กลับไม่ด้อยไปกว่าเขา
‘โลกที่กว้างใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญมากมาย ข้าไม่สามารถดูแคลนผู้คนเหล่านี้’ ฟางหยวนเตือนตัวเองแต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง
สถานการณ์ของภาคเหนืออธิบายได้ว่าเกิดคลื่นใหญ่ขึ้นทีละระลอก
การล่มสลายของเผ่าไห่และการเข้ายึดครองของเผ่าไป่ซูยังไม่คลี่คลาย ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็เริ่มปรับแต่งวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์
ในมุมมืดกองกำลังที่ซ่อนตัวอยู่กำลังสร้างพันธมิตรสี่ฝ่ายกันอย่างลับๆ
แม้มนุษย์กลายพันธุ์จะมีสถานะต่ำต้อย แต่พันธมิตรนี้ไม่สามารถดูแคลน เพราะการคงอยู่ของมังกรหินแรกกำเนิดที่มีความแข็งแกร่งระดับแปด แน่นอนว่าในความคิดของคนอื่นๆยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนอีกด้วย
ฟางหยวนถูกบังคับให้เข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเล็กน้อยก็คือไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ในทั้งสี่ฝ่าย
มิฉะนั้นมันอาจส่งผลร้ายต่อเขา
นอกจากนั้นหลังจากนี้เขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อฟางหยวนอย่างมาก
แต่เขาไม่มีทางเลือก
การเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งหมายถึงการฉกชิงปราณพิภพซึ่งจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเผ่ามนุษย์หิน นี่เป็นเหตุผลที่เผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะไม่สนใจค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งเขตแดนสนามรบสีเทาเพื่อกำจัดฟางหยวน
แต่นอกเหนือจากการสูญเสีย ฟางหยวนยังได้กำไร
เขาสามารถทำการค้าขายกับเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะ นี่จะทำให้รายได้ต่อเดือนของเขาบรรลุถึงระดับใหม่
ลืมมนุษย์หิมะไปก่อน ประเด็นหลักคือความต้องการวิญญาณความเด็ดเดี่ยวของเผ่ามนุษย์หินสูงกว่ามนุษย์!
เหตุผล?
เรื่องนี้เห็นได้ชัดเมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ฟางหยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพิ่มจำนวนประชากรเผ่ามนุษย์หินในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู
วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหล่อเลี้ยงมนุษย์หิน
นอกจากนี้ฟางหยวนยังขายทรัพยากรบางอย่างที่เขาได้รับจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานให้กับเผ่ามนุษย์หิน เผ่ามนุษย์หิมะ และเผ่ามนุษย์หมึก เรื่องนี้ทำให้ผมที่หกรู้สึกกังวลและโกรธมาก
‘ฟางหยวนทำกำไรมหาศาล! ข้าควรทำอย่างไร? ข้าต้องหยุดการเติบโตของเขา!’
ถึงเวลาอำลา
“ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านต้องไปเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ? เหตุใดท่านไม่อยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันหรือสองวัน?” เสวี่ยเอ๋อพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฟางหยวนอยู่ต่อ
ฟางหยวนส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “เราจัดตั้งพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้สำคัญเกินไป ข้าต้องกลับไปรายงานจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นการส่วนตัว เจ้ามั่นใจได้ว่าข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน สหายที่เกิดจากการต่อสู้ ข้ารู้สึกชอบที่นี่นัก”
ฟางหยวนสนใจทักษะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะเหล่านี้รวมถึงท่าไม้ตายของพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้วในแง่ของพลังงานแห่งเต๋า ร่างกายของเขาก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะอยู่มากที่สุด
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเผ่ามนุษย์หิมะในปัจจุบัน เขาสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ แต่ฟางหยวนไม่ได้วางแผนที่จะสละวิญญาณอมตะดวงใดของเขา เขามีแผนที่ดีกว่า
ตัวอย่างเช่นในอนาคตเมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บางคนไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติของตนและต้องการท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขา
ในเวลานั้นฟางหยวนจะฉวยโอกาสเรียกร้องวิญญาณอมตะ
ในอดีตไห่ฟานเคยทำสิ่งนี้หลายครั้งและได้รับวิญญาณอมตะจำนวนมาก
โดยธรรมชาติเสวี่ยเอ๋อย่อมไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาตรงหน้านางกำลังเก็บงำเจตนาชั่วร้ายเอาไว้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยแผนการ นางก้มศีรษะลงและรู้สึกลังเล
แต่ในไม่ช้าดวงตาของนางก็เผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขณะที่นางเงยหน้าขึ้นและส่งบางสิ่งให้กับฟางหยวน
“ผู้อาวุโสฟางหยวน นี่เป็นของขวัญอำลาจากข้า” เสวี่ยเอ๋อพยายามรักษาความสงบแต่เสียงของนางยังสั่นเทา
ฟางหยวนมองและพบว่ามันเป็นไข่มุกน้ำแข็ง!