เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1146

ตอนที่ 1146

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1146 พันธมิตรสี่ฝ่าย

แปลโดย iPAT

สามวันผ่านไป

ใต้ดินของแดนน้ำแข็ง แท่นบูชาพระแม่ธรณี

ธูปสี่ดอกถูกจุดและส่งเขม่าควันลอยขึ้นสู่อากาศ

ผู้อมตะสี่ฝ่ายยืนอยู่ที่นี่ด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม

ฟางหยวนยืนรวมอยู่ในกลุ่มนี้

เสียงสังญญาณดังขึ้นก่อนที่กลองจะส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง

ซื่อจงก้าวไปข้างหน้าและกล่าวเสียงดัง “ข้า ผู้อมตะซื่อจงแห่งเผ่ามนุษย์หินยินดีที่จะเข้าร่วมพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเผ่าพันธุ์ทั้งสี่จะรวมเป็นหนึ่ง เราจะแบ่งปันโชคลาภและหายนะ”

จากนั้นเขาก็กระตุ้นใช้พลังงานอมตะและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นในแท่นบูชาพระแม่ธรณี

เกลียวควันพุ่งขึ้นสู่ด้านบนก่อนจะวกกลับลงมายังร่างของซื่อจงและหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

‘ดูเหมือนนี่จะเป็นวิธีสร้างพันธสัญญาโบราณบนเส้นทางแห่งข้อมูล…’ ฟางหยวนคิด

ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพยายามเจรจากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเพื่อสร้างพันธมิตร

แต่เรื่องราวกลับราบรื่นอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจึงเริ่มกล่าวถึงเมืองหมึกของเผ่ามนุษย์หมึก

หลังจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเข้าใจรายละเอียด พวกเขาก็ตกลงอย่างง่ายดาย

บรรพชนผมยาวและผู้อมตะอวี๋เยี่ยนเป็นสหายที่ดีมาตั้งแต่อดีตกาล บรรพชนผมยาวทิ้งแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเอาไว้เบื้องหลังขณะที่ผู้อมตะอวี๋เยี่ยนก่อตั้งเมืองหมึก ดังนั้นทั้งสองเผ่าพันธุ์จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาตลอด

เนื่องจากเผ่ามนุษย์ขนเป็นพันธมิตรกับเผ่ามนุษย์หมึก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะกลุ่มนี้จึงเลือกที่จะเชื่อพวกเขา

สุดท้ายเผ่าพันธุ์ทั้งสี่จึงบรรลุข้อตกลง

เหตุการณ์ในวันนี้สืบเนื่องมาจากการพูดคุยครั้งนั้น

พวกเขาใช้วิธีโบราณเพื่อสร้างสัญญาพันธมิตรอย่างเป็นทางการ

ผู้อมตะทุกคนผลัดกันเดินออกไปข้างหน้าและสร้างข้อตกลงพันธมิตร

เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็เข้าใจกลไกบางอย่าง

‘ดูเหมือนมันไม่ใช่วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่มันใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีเพื่อสร้างผลลัพธ์เช่นเดียวกับวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล นี่เหมือนกับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของข้า ข้อตกลงหนึ่งร้อยปี’

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

มันเป็นเรื่องยากหากเขาต้องการทำลายข้อตกลงพันธมิตรนี้ในอนาคต เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถแก้ไขได้โดยวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่ต้องเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปฐพี

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ถึงคราวของท่านแล้ว” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผมที่สิบสองกล่าวเตือนมาจากด้านข้างด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ นับตั้งแต่ภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงประสบความสำเร็จและได้ยินว่าฟางหยวนครอบครองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ทัศนคติของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่มีต่อฟางหยวนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาให้ความเคารพฟางหยวนเป็นอย่างมาก

ฟางหยวนพนักหน้าก่อนจะเดินออกไปและทำเช่นเดียวกับผู้อมตะซื่อจง

ทุกการกระทำของเขาอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของทุกคนในที่เกิดเหตุ

เมื่อเห็นว่าฟางหยวนสร้างข้อตกลงพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์จึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย รอยยิ้มของเสวี่ยเอ๋อกลายเป็นยิ่งน่ารักมากขึ้น

แน่นอนว่าพวกเขานึกไม่ถึงว่าฟางหยวนกำลังคิดหาวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตรนี้อยู่ตลอดเวลา

ฟางหยวนเข้าร่วมกับนิกายหลางหยาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

ในทำนองเดียวกันการเข้าร่วมพันธมิตรสี่ฝ่ายก็เป็นเพราะฟางหยวนถูกบังคับโดยสถานการณ์และมันจะง่ายขึ้นหากเขาต้องการหยิบยืมพลังอำนาจของพันธมิตรเพื่อการบ่มเพาะของตัวเขาเอง

‘ให้ข้าอยู่ฝ่ายเดียวกับมนุษย์กลายพันธุ์และต่อต้านมนุษย์ มันเป็นไปไม่ได้เลย!’

‘มนุษย์เหนือกว่ามนุษย์กลายพันธุ์อย่างสมบูรณ์ แม้พวกเขาจะสร้างพันธมิตรสี่ฝ่าย แต่พวกเขาจะทำสิ่งใดได้?’

‘อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ไม่สามารถมองข้าม ในชีวิตแรกของข้าพวกเขาเป็นพันธมิตรกันหรือไม่?’

ความคิดของฟางหยวนล่องลอยออกไป

เขาไม่รู้คำตอบสำหรับคำถามนี้

ในชีวิตแรกของเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งเลือด เรื่องเกี่ยวกับภาคเหนือ เขาไม่รู้มากนักโดยเฉพาะรายละเอียดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังประเภทนี้

‘ข้าไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับมนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้ในชีวิตแรก บางทีพวกเขาอาจถูกกวาดล้างหรืออาจซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและถูกทำลายไปพร้อมกันโดยวังสวรรค์ ตรงข้ามกับเผ่ามนุษย์หมึก พวกเขาทำได้ดีอย่างน่าประทับใจ’

ขณะที่ฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้ เขาลอบมองไปที่โม่ตันซาน

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกเผ่ามนุษย์หมึกที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

โม่ตันซานอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยกลางคนผิวสีดำผมสีขาว เขาดูสง่างามขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรมาก

‘คนผู้นี้เป็นตัวละครที่น่าเกรงขามเช่นกัน’ ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ในใจ

เขาจำได้ว่าในสงครามห้าภูมิภาค โม่ตันซานผู้นี้ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งของเผ่ามนุษย์เพื่อพัฒนาและขยายกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อกองกำลังเผ่ามนุษย์ของภาคเหนือต้องการปราบปรามเขา เขาก้มศีรษะให้กับเผ่าหลิวโดยไม่สนใจศักดิ์ศรีและกลายเป็นคนรับใช้คนสนิทของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหลิวทันที

เผ่าหลิวเป็นหนึ่งในกองกำลังใหญ่ ดังนั้นกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกจึงได้รับการคุ้มครองและสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างมั่นคง

ต่อมาเมื่อเผ่าหลิวอ่อนแอลง ราชามนุษย์หมึกโม่ตันซานรีบละทิ้งเผ่าหลิวและเข้าร่วมกับหม่าหงหยุน

ก่อนที่ฟางหยวนจะระเบิดตัวเอง เผ่ามนุษย์หมึกยังสามารถครอบครองพื้นที่หนึ่งในสามของที่ราบภาคเหนือทั้งหมด หากฟางหยวนกล่าวเรื่องนี้ออกไป ผู้ใดจะเชื่อเขา

ในพันธมิตรทั้งสี่ เผ่ามนุษย์หมึกอ่อนแอที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย

แต่ในชีวิตแรกของฟางหยวน มนุษย์หมึกกลับรุ่งเรืองมาก

โม่ตันซานรู้ว่าเมื่อใดควรเดินหน้าเมื่อใดควรถอย นี่ทำให้เผ่ามนุษย์หมึกมีข้อได้เปรียบมาก

ราวกับสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของฟางหยวน โม่ตันซานหันหน้ามาหาเขาและเผยรอยยิ้มอย่างจริงใจ

มันเป็นรอยยิ้มประจบสอพลอที่ให้ความรู้สึกว่าเขากำลังโค้งคำนับอยู่

ฟางหยวนหัวเราะเบาๆและเผยรอยยิ้มเช่นเดียวกันตอบกลับไป

การแสดงออกของโม่ตันซานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รับการยอมรับจากบุคคลสำคัญเช่นฟางหยวน

‘น่าเกรงขามอย่างแท้จริง’ ทักษะการแสดงของฟางหยวนเหนือกว่าคนธรรมดาแต่ทักษะการแสดงของโม่ตันซานผู้นี้กลับไม่ด้อยไปกว่าเขา

‘โลกที่กว้างใหญ่มีผู้เชี่ยวชาญมากมาย ข้าไม่สามารถดูแคลนผู้คนเหล่านี้’ ฟางหยวนเตือนตัวเองแต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง

สถานการณ์ของภาคเหนืออธิบายได้ว่าเกิดคลื่นใหญ่ขึ้นทีละระลอก

การล่มสลายของเผ่าไห่และการเข้ายึดครองของเผ่าไป่ซูยังไม่คลี่คลาย ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็เริ่มปรับแต่งวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์

ในมุมมืดกองกำลังที่ซ่อนตัวอยู่กำลังสร้างพันธมิตรสี่ฝ่ายกันอย่างลับๆ

แม้มนุษย์กลายพันธุ์จะมีสถานะต่ำต้อย แต่พันธมิตรนี้ไม่สามารถดูแคลน เพราะการคงอยู่ของมังกรหินแรกกำเนิดที่มีความแข็งแกร่งระดับแปด แน่นอนว่าในความคิดของคนอื่นๆยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนอีกด้วย

ฟางหยวนถูกบังคับให้เข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรนี้

แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเล็กน้อยก็คือไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่ในทั้งสี่ฝ่าย

มิฉะนั้นมันอาจส่งผลร้ายต่อเขา

นอกจากนั้นหลังจากนี้เขาจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็ง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อฟางหยวนอย่างมาก

แต่เขาไม่มีทางเลือก

การเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งหมายถึงการฉกชิงปราณพิภพซึ่งจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเผ่ามนุษย์หิน นี่เป็นเหตุผลที่เผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะไม่สนใจค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งเขตแดนสนามรบสีเทาเพื่อกำจัดฟางหยวน

แต่นอกเหนือจากการสูญเสีย ฟางหยวนยังได้กำไร

เขาสามารถทำการค้าขายกับเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะ นี่จะทำให้รายได้ต่อเดือนของเขาบรรลุถึงระดับใหม่

ลืมมนุษย์หิมะไปก่อน ประเด็นหลักคือความต้องการวิญญาณความเด็ดเดี่ยวของเผ่ามนุษย์หินสูงกว่ามนุษย์!

เหตุผล?

เรื่องนี้เห็นได้ชัดเมื่อพิจารณาถึงช่วงเวลาที่ฟางหยวนใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเพิ่มจำนวนประชากรเผ่ามนุษย์หินในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหล่อเลี้ยงมนุษย์หิน

นอกจากนี้ฟางหยวนยังขายทรัพยากรบางอย่างที่เขาได้รับจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานให้กับเผ่ามนุษย์หิน เผ่ามนุษย์หิมะ และเผ่ามนุษย์หมึก เรื่องนี้ทำให้ผมที่หกรู้สึกกังวลและโกรธมาก

‘ฟางหยวนทำกำไรมหาศาล! ข้าควรทำอย่างไร? ข้าต้องหยุดการเติบโตของเขา!’

ถึงเวลาอำลา

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านต้องไปเร็วเช่นนี้เลยงั้นหรือ? เหตุใดท่านไม่อยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันหรือสองวัน?” เสวี่ยเอ๋อพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฟางหยวนอยู่ต่อ

ฟางหยวนส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “เราจัดตั้งพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้สำคัญเกินไป ข้าต้องกลับไปรายงานจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นการส่วนตัว เจ้ามั่นใจได้ว่าข้าจะกลับมาอย่างแน่นอน สหายที่เกิดจากการต่อสู้ ข้ารู้สึกชอบที่นี่นัก”

ฟางหยวนสนใจทักษะบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะเหล่านี้รวมถึงท่าไม้ตายของพวกเขา

ท้ายที่สุดแล้วในแง่ของพลังงานแห่งเต๋า ร่างกายของเขาก็มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะอยู่มากที่สุด

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเผ่ามนุษย์หิมะในปัจจุบัน เขาสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ แต่ฟางหยวนไม่ได้วางแผนที่จะสละวิญญาณอมตะดวงใดของเขา เขามีแผนที่ดีกว่า

ตัวอย่างเช่นในอนาคตเมื่อผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์บางคนไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติของตนและต้องการท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างของพวกเขา

ในเวลานั้นฟางหยวนจะฉวยโอกาสเรียกร้องวิญญาณอมตะ

ในอดีตไห่ฟานเคยทำสิ่งนี้หลายครั้งและได้รับวิญญาณอมตะจำนวนมาก

โดยธรรมชาติเสวี่ยเอ๋อย่อมไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาตรงหน้านางกำลังเก็บงำเจตนาชั่วร้ายเอาไว้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยแผนการ นางก้มศีรษะลงและรู้สึกลังเล

แต่ในไม่ช้าดวงตาของนางก็เผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขณะที่นางเงยหน้าขึ้นและส่งบางสิ่งให้กับฟางหยวน

“ผู้อาวุโสฟางหยวน นี่เป็นของขวัญอำลาจากข้า” เสวี่ยเอ๋อพยายามรักษาความสงบแต่เสียงของนางยังสั่นเทา

ฟางหยวนมองและพบว่ามันเป็นไข่มุกน้ำแข็ง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท