เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1148

ตอนที่ 1148

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1148 เวลาพักสั้นๆ

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่สวรรค์สีเหลือง

“โอ้?” เขาหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเห็นกองสินค้าที่อยู่ด้านหน้า

“นี่คือดินไหลงั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม

เจตจำนงของผู้อมตะหานอวี๋ตื่นขึ้น เมื่อเห็นลูกค้า เขาเร่งกล่าว “พวกมันคือดินไหล!”

หลังจากพูดคุยเรื่องราคา เขาถามต่อ “ท่านต้องการเท่าใด?”

ดินไหลเป็นทรัพยากรระดับห้า มันเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์มาก

ฟางหยวนพยักหน้าอยู่ในใจและกล่าว “ข้าต้องการทั้งหมด”

ผู้อมตะหานอวี๋กล่าวเสียงสั่น “ทั้งหมด? ข้ามีมันอยู่ในคลังจำนวนมาก!”

ฟางหยวนยืนยัน “ถูกต้อง ทั้งหมด หินวิญญาณอมตะสองร้อยก้อน ราคานี้ใช่หรือไม่?”

หานอวี๋เร่งพยักหน้า “ใช่ ใช่”

สวรรค์สีเหลืองมีสินค้าทุกประเภทและมีวิญญาณแสงสมบัติช่วยตรวจสอบคุณภาพ

ฟางหยวนสามารถประเมินราคาได้โดยพิจารณาแสงสมบัติที่เกิดขึ้น

“มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ” ฟางหยวนกล่าว

“ได้เลยๆ” หานอวี๋เร่งตอบสนอง

สถานการณ์ไม่เป็นไปตามความคาดหมายของเขา

เขาเป็นผู้อมตะระดับหกที่ผ่านภัยพิบัติพิภพมาเพียงครั้งเดียว เขาพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนามิติช่องว่างของตน ในอดีตเขาต้องลดราคาลงอย่างมากเพื่อขายมันออกไป แต่ผู้ใดจะคิดว่ามันจะขายหมดอย่างรวดเร็วเช่นนี้

นี่เป็นข่าวดีสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

หานอวี๋ถือหินวิญญาณอมตะสองร้อยก้อนเอาไว้ในมือขณะที่ร่างเจตจำนงของเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น

‘ในชีวิตแรก ข้าก็เป็นเช่นนี้’ ฟางหยวนถอนหายใจ

หานอวี๋เป็นบรรทัดฐานของผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่ ฟางหยวนในชีวิตแรกยังยากลำบากกว่านี้เพราะเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือด

แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป

เพียงธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยวก็ทำให้เขาได้รับกำไรมหาศาล

หลังจากขายทรัพยากรของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานออกไป ความมั่งคั่งของฟางหยวนถึงบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน มันไม่ใช่เพียงสองร้อยหินวิญญาณอมตะแต่เขาสามารถนำสองพันหินวิญญาณอมตะออกมาได้โดยไม่กระพริบตา

โดยรวมแล้วสถานการณ์ทางการเงินของฟางหยวนค่อนข้างดี

หลังจากซื้อดินไหลฟางหยวนยังเดินไปรอบๆและซื้อดินอีกหลายประเภท

เมื่อบรรลุเป้าหมาย ฟางหยวนจึงถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกจากสวรรค์สีเหลือง

เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิและควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเพื่อจัดการพื้นที่ต่างๆของภาคใต้น้อย

ทิวทัศน์ของภาคใต้น้อยเปลี่ยนไปอย่างมาก

มันเต็มไปด้วยป่าไม้และพืชพันธุ์นานาชนิด

นอกจากพืชพันธุ์ทั่วไปยังมีทรัพยากรคุณภาพสูงปะปนอยู่มากมาย

ต้นไม้ดนตรีมีอยู่มากที่สุด

เดิมทีภาคใต้น้อยว่างเปล่าแต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

นอกจากนกยังมีกวาง กระรอก วานร อสรพิษ พยัคฆ์ และสัตว์อื่นๆ พวกมันทำให้เกิดระบบนิเวศที่เหมาะสม

มีภูเขานับร้อยลูกที่ถูกเคลื่อนย้ายมากจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

หากเป็นผู้อมตะทั่วไป พวกเขาย่อมไม่สามารถเคลื่อนภูเขา แต่วิญญาณอมตะยกภูเขาทำให้ฟางหยวนได้รับสิ่งนี้

ท่ามกลางภูเขาเหล่านั้น ภูเขาที่สูงที่สุดคือภูเขามรดกอมตะ

ศาลาหินยังอยู่บนภูเขา ฟางหยวนไม่ได้ลบมันออกไป แต่มรดกที่อยู่ภายในถูกยึดครองไปแล้ว

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็ควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งทั้งหมดและบังคับให้พวกมันจัดการทรัพยากรในตำแหน่งที่แตกต่างกัน

ฟางหยวนสังเกตอยู่ชั่วครู่และรู้สึกพึงพอใจ

“ด้วยดินเหล่านี้พืชเหล่านั้นจะเติบโตขึ้นได้ดี”

มิติช่องว่างของฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่ไม่มาก นั่นเป็นเหตุผลที่ภาคใต้น้อยไม่เคยมีภูเขามาก่อน

ความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่ได้รับมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแทบทั้งสิ้น

ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีภูเขาและพืชพันธุ์รวมถึงสิ่งมีชีวิต มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

แต่หลังจากย้านมาอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน พวกมันเริ่มขาดสารอาหารเนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีของฟางหยวนมีอยู่น้อยมาก

ฟางหยวนต้องซื้อดินที่อุดมสมบูรณ์เช่นดินไหลมาเพื่อแก้ปัญหานี้

“แต่นี่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ”

“ดินเหล่านี้เป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง มันจะสูญสลายไป”

ดินเหล่านี้เป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่ภายใน แน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะ หลังจากต้นไม้และพืชพันธุ์ดูดซับสารอาหารจากดินเหล่านี้ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีจะสูญสลายไป

“ด้วยการก้าวข้ามภัยพิบัติหรือดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีจากผู้อมตะคนอื่นๆ มันจะช่วยแก้ปัญหาของข้า” ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

ฟางหยวนไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าที่แดนน้ำแข็งและต้องเลือกสถานที่ใหม่ที่อุดมสมบูรณ์

เมื่อฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งต่อไป ปัญหาของเขาจะบรรเทาลง

สำหรับการสังหารผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีและดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากพวกเขา นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีระดับต่ำมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่มากขณะที่ผู้อมตะระดับสูงแข็งแกร่งเกินไป ฟางหยวนไม่ต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อจัดการพวกเขา

จนถึงตอนนี้ฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาแล้วสี่ครั้ง

เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ต้องการกำจัดเขา ภัยพิบัติเหล่านั้นจึงรุนแรงกว่าภัยพิบัติทั่วไปมาก แต่นี่ก็ทำให้ฟางหยวนได้รับผลประโยชน์มหาศาล

นอกจากนั้นมิติช่องว่างจักรพรรดิยังยกระดับขึ้นอย่างมากเพราะทรัพยากรจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่เกินไป มันจึงมีเพียงภาคใต้น้อยเท่านั้นที่มีชีวิตชีวา สำหรับภูมิภาคอื่นๆ พวกมันมีทรัพยากรอยู่บ้างแต่ยังไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนภาคใต้น้อย

โดยรวมแล้วทรัพยากรที่ฟางหยวนสะสมไว้สามารถเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดเช่นชูตู๋ สำหรับฟงจิวเก้อ เนื่องจากเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากกองกำลังใหญ่ ฟางหยวนจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับคนผู้นี้

หลังจากจัดการกับทรัพยากรดินทั้งหมด ฟางหยวนเริ่มค้นวิญญาณผู้อมตะที่ถูกจองจำไว้

ในมิติช่องว่างจักรพรรดิมีเชลยศึกอมตะอยู่มากมาก

ครั้งนี้เขาให้ความสนใจกับเชลยอมตะจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

จากการค้นวิญญาณครั้งก่อน ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งโชคจากเฟิงจุนและท่าไม้ตายอมตะซ่อนตัวของเฉินเล่อ

“เจ้าไม่ใช่ไห่เจิ้ง! เจ้าคือผู้ใด?”

“คนชั่วไร้ยางอาย หากมีความกล้าก็ฆ่าข้าซะ!”

“ช่วยข้า โปรดช่วยข้า ตราบเท่าที่ท่านคืนชีพให้ข้า ข้าจะเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน!”

ท่ามกลางดวงวิญญาณทั้งหมด บางคนถาม บางคนสาปแช่ง บางคนต้องการตาย และบางคนต้องการมีชีวิตอีกครั้ง

ฟางหยวนไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของไห่เจิ้งอีกต่อไป หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยก็ต้องใช้พลังงานอมตะขณะที่วิญญาณทัศนคติยังต้องพึ่งพาพลังจิต

ฟางหยวนไม่สนใจเสียงกรีดร้องของดวงวิญญาณเหล่านี้

ทุกวันเขาจะค้นวิญญาณเชลยศึกชั่วระยะเวลาหนึ่ง

“ข้าจะดึงความทรงจำทั้งหมดของพวกเขาออกมาภายในสามวัน”

หลังจากค้นวิญญาณ ฟางหยวนดึงสติกลับมา

เขาออกจากเมืองเมฆาและไปยังหุบเขาเหล่าโป

ฟางหยวนขัดเกลาจิตวิญญาณอย่างยากลำบากอยู่ที่นั่น ด้วยการพึ่งพาภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป จิตวิญญาณของเขาพัฒนาไปได้ไกลมาก

อย่างไรก็ตามเขายังไม่มั่นใจที่จะนำดวงวิญญาณกลับเข้าร่างเดิมของเขา

“นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด”

“แม้รากฐานด้านจิตวิญญาณของข้าจะพัฒนาขึ้น แต่มันยังยากที่จะหลบเลี่ยงกับดักที่นิกายเงาวางไว้”

“ผู้ใดจะรู้ว่าอิงอู๋เซี่ยจะวางกับดักชนิดใดไว้บ้าง บางทียิ่งจิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งมากเท่าใด กับดักของนิกายเงาก็ยิ่งร้ายแรงมากเท่านั้น”

“อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าข้ามีภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป เมื่อเขาวางกับดัก ไม่มีทางที่เขาจะไม่พิจารณารายละเอียดเหล่านี้”

การบ่มเพาะประจำวันของฟางหยวนสิ้นสุดลงแต่การแสดงออกของเขายังเคร่งขรึม

ตราบเท่าที่เขาสามารถใช้วิญญาณสติปัญญา ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นราวกับจุดระเบิด

ปัญหามากมายที่เขาเผชิญอยู่จะถูกแก้ไขอย่างง่ายดาย

“ข้ามีวิญญาณสติปัญญาและร่างเดิม ตอนนี้เหลือเพียงกุญแจดอกสุท้ายเท่านั้น” ฟางหยวนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

ฟางหยวนอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างมีความสุขเป็นเวลาเจ็ดวัน

เขาใช้ช่วงเวลานี้ในการบ่มเพาะโดยไม่หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียว

รากฐานด้านจิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นอีกครั้ง เขาสามารถค้นวิญญาณของเชลยศึกอมตะทั้งเก้าได้อย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนยังใช้แต้มผลงานของนิกายหลางหยาแลกเปลี่ยนคริสตัลสวรรค์บางส่วน เขายังกระจายภารกิจหลอมรวมวิญญาณออกไป

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณวัน วิญญาณเดือน วิญญาณปี เขาต้องการพวกมันเป็นจำนวนมาก

เขาใช้แต้มผลงานเพื่อขอให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยหลอมรวมวิญญาณเหล่านี้ให้กับเขา นี่ทำให้เขาสามารถประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก

เจ็ดวันต่อมาเขาออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและมุ่งหน้าสู่ทะเลตะวันออก!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท