เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1145

ตอนที่ 1145

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1145 ระดับแปดคือกฎ

แปลโดย iPAT

หลายวันผ่านไปตั้งแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจากนิกายหลางหยาเริ่มเจรจากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้

ยิ่งพวกเขาพูดคุยกันมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งพบหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น

สิ่งนี้เกิดจากปัจจัยภายนอก

กองกำลังเผ่ามนุษย์มีขนาดใหญ่มากขณะที่เผ่ามนุษย์กลายพันธุ์แทบไม่สามารถอยู่รอด

แม้ผมที่หกจะเป็นสายลับของนิกายเงาแต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านพันธมิตรของทั้งสองฝ่าย ตรงข้าม เขาทำงานอย่างหนักเพื่อมัน

ในแง่มุมหนึ่งผมที่หกรู้ดีว่าตัวเขาเพียงลำพังไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายกลายเป็นศัตรู

อีกแง่มุมหนึ่งผมที่หกใช้โอกาสนี้แสดงทักษะของตนเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามากขึ้น

สุดท้ายเป้าหมายของนิกายเงาก็คือเป้าหมายของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้เขาจะเสียชีวิตไปแล้วแต่ความปรารถนาของเขาก็อยู่เหนือกว่าขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์

ทั้งสองฝ่ายเจรจากันได้อย่างราบรื่น ผมที่หกขายข้อมูลเกือบทั้งหมดของฟางหยวนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากฝ่ายตรงข้าม

ดังนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินจึงเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวนเป็นอย่างดี

ฟางหยวนเคยครอบครองวิญญาณกาลเวลาและเป็นผู้กลับชาติมาเกิด

เขายังเป็นปีศาจต่างโลกและเป็นผู้ทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงรวมถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ

เรื่องนี้ทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์รู้สึกใกล้ชิดกับฟางหยวนมากขึ้น

ฟางหยวนทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงทำให้กองกำลังเผ่ามนุษย์ของภาคเหนืออ่อนแอลงอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องดีต่อกองกำลังเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขามีความสุขมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ภายในแท่นบูชาพระแม่ธรณีเมื่อได้ยินเสวี่ยเอ๋อถามเกี่ยวกับอนาคต ฟางหยวนตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น “แม้ข้าจะมีวิญญาณกาลเวลาแต่ข้าได้สูญเสียวิญญาณดวงนี้ไปแล้ว หลังจากกำเนิดใหม่ หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป เจ้ายังรู้ว่าข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงถูกต้องหรือไม่?”

“ถูกต้อง ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านเป็นบุคคลที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง” เสวี่ยเอ๋อกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย

“ข้ารู้สึกชื่นชมท่านอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้” ซื่อเจิ้งกล่าวเสริม

ฟางหยวนถูจมูกและถอนหายใจ “ข้าเป็นผู้กลับชาติมาเกิดและรู้ความลับบางอย่าง แม้ข้าจะไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แต่ข้าก็เข้าร่วมในการต่อสู้ชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือเพื่อให้รับผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง แผนเดิมของข้าคือการไปเยี่ยมมันและรับผลประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ข้ากลับต้องเปลี่ยนแผนการเพราะอุบัติเหตุบางอย่าง ข้าทำได้เพียงปรับตัวไปตามสถานการณ์กระทั่งทำให้วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลงในที่สุด”

เสวี่ยเอ๋อและซื่อเจิ้งเผยรอยยิ้มมีความสุข

ซื่อเจิ้งกล่าว “คำกล่าวของผู้อาวุโสฟางหยวนมีความหมายลึกซึ้ง”

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ผู้ใดอยากถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะทั้งหมดบนโลกใบนี้ นั่นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”

เสวี่ยเอ๋อยิ้ม “จากสิ่งที่ข้าเห็น ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นวีรบุรุษโดยธรรมชาติ แม้ท่านจะทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงโดยบังเอิญ แต่หากเป็นผู้อื่น พวกเขาจะทำได้หรือไม่?”

“เป็นเพราะเหตุนี้ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา หลังจากนั้นสิ่งต่างๆก็เกิดขึ้น ข้าเข้าร่วมนิกายหลางหยาและค้นพบว่ามนุษย์กลายพันธุ์แท้จริงแล้วไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามนุษย์ พวกเขามีความจริงใจและความภักดีที่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้ห้าภูมิภาคจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่แต่พื้นที่สำหรับมนุษย์กลายพันธุ์กลับลดน้อยลงทุกวัน นี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สวรรค์ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ดังนั้นมนุษย์กลายพันธุ์ควรอยู่ร่วมกับมนุษย์”

ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงใจ

ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ดวงตาของเสวี่ยเอ๋อกลายเป็นสีแดง

ซื่อเจิ้งรู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน “หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์เข้าใจและมีความคิดเช่นเดียวกับนายท่านฟางหยวน โลกจะดีขึ้นมาก!”

คำกล่าวของฟางหยวนทำให้มนุษย์กลายพันธุ์ที่ได้ยินรู้สึกยอมรับ ฟางหยวนกระทั่งถูกยกระดับจากผู้อาวุโสเป็นนายท่าน

“แต่ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้า” เสวี่ยเอ๋อมีความฉลาดเฉลี่ยวและไม่ใช่ตัวละครที่จะสามารถหลอกลวงได้โดยง่าย

“ข้ากำลังจะกล่าวถึง” ฟางหยวนกระแอมไอ “การทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงไม่ใช่ความตั้งใจของข้า อันที่จริงก่อนที่ข้าจะเกิดใหม่ มันไม่เคยพังทลายลง!”

“อา…” เสวี่ยเอ๋อและซื่อเจิ้งมองหน้ากัน

“สถานการณ์ของภาคเหนือเปลี่ยนไปมาก วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง หม่าหงหยุนถูกลักพาตัว ปีศาจอมตะเซี่ยหูหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ก่อนที่ข้าจะเกิดใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ฟางหยวนกล่าวเสริม

เสวี่ยเอ๋อและซื่อเจิ้งเลือกที่จะเชื่อเขา

รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง “แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสรุปผลลัพธ์ใช่หรือไม่? หากเราปล่อยให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ความแข็งแกร่งของผู้อมตะภาคเหนือจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง”

ฟางหยวนหันหน้าไปถาม “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าต้องการหยุดมัน?”

เขาไม่สามารถปฏิเสธว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินกลุ่มนี้มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้

เนื่องจากมังกรหินแรกกำเนิดมีความแข็งแกร่งระดับแปด

ความสามารถของมังกรหินแรกกำเนิดไม่เคยถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามันทรงพลังถึงระดับใด

“ไม่อย่างแน่นอน” ซื่อเจิ้งส่ายศีรษะ “เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ถูกต้อง พวกเราอยู่อย่างสงบที่นี่ เหตุใดเราต้องเปิดเผยตัวตนและไปรุกรานผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้นำกองกำลังพันธมิตรภูเขาหิมะที่มีผู้ใต้บังคับบัญชามากมาย” เสวี่ยเอ๋อส่ายศีรษะเช่นกัน

พวกเขาเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี

แม้พวกเขาจะสามารถยึดครองวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์แต่พวกเขาก็ต้องเปิดเผยตัวตนและดึงดูดความเกลียดชังจากผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือ

กองกำลังเผ่ามนุษย์จะวิ่งเข้ามาในเวลานั้น ลืมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ไปก่อน แม้จะมีมังกรหินแรกกำเนิดอีกหลายตัว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งการรุกรานของกองกำลังเผ่ามนุษย์

ฟางหยวนพยักหน้าและไม่กล่าวสิ่งใดอีก

‘มนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเขาล้วนเป็นตัวตนชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความแข็งแกร่งหรือสติปัญญา พวกเขาก็มีความโดดเด่นทั้งสองแง่มุม ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มีจำนวนมากเกินไปหากเปรียบเทียบกับพวกเขา ผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างสมบูรณ์ โชคดีที่ข้ามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด!’

ตราบเท่าที่เขาครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด มนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มนี้จะกลายเป็นรากฐานของเขาและไม่ใช่แหล่งที่มาของปัญหา

เมื่อคนมีกำลังมาก ผู้ใดจะกล้าหาเรื่อง

พลังการต่อสู้ระดับแปด เพียงตวัดนิ้วก็สามารถบดขยี้ผู้อื่นได้ราวมดตัวเล็กตัวน้อย

นี่เป็นเหตุผลที่กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินไม่กล้าสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน นอกจากนั้นพวกเขายังต้องแสดงความจริงใจและพยายามผูกมิตรกับเขาอีกด้วย

ทุกคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดมีค่าเพียงพอที่คนอื่นๆจะเข้าหา

ในกรณีที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า ผู้อมตะระดับแปดก็คือเจ้าเหนือหัว

‘ในความเป็นจริงสถานการณ์และโครงสร้างของภาคเหนือเกิดจากความขัดแย้งของผู้อมตะระดับแปด ความแข็งแกร่งคือกฎของโลกใบนี้’

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

‘แต่หากพวกเขารู้ว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของข้าตายไปแล้ว พวกเขาจะแสดงออกอย่างไร?’ ฟางหยวนรู้สึกว่ามันค่อนข้างตลกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่เนื่องจากอาหารมีไม่เพียงพอ มันจึงใกล้ตายเพราะความหิวโหย

ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดทำให้มันดูมีชีวิตชีวาเพื่อหลอกศัตรู

อย่างไรก็ตามหลังจากเก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลับเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันก็ตายไปอย่างรวดเร็ว

สัตว์อสูรแรกกำเนิดตายเพราะความหิวโหย นี่เป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างแท้จริง

แต่!

นั่นอาจไม่เกิดขึ้นอีกในชีวิตต่อไปของมัน

ความสามารถที่น่าทึ่งอีกประการหนึ่งของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็คือมันจะออกไข่ก่อนตายและถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง!

เป็นความจริงที่ฟางหยวนสูญเสียสัตว์อสูรแรกกำเนิดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้รับไข่ของสัตว์อสูรแรกกำเนิดมาไว้ในการครอบครองรวมถึงศพของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่โตเต็มวันอีกหนึ่งซาก

เขาสามารถยอมรับผลลัพธ์นี้!

เหตุผลประการแรก ฟางหยวนไม่พอใจอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวเดิม เนื่องจากเขาต้องปลอมแปลงสายเลือดเผ่าไห่เพื่อสั่งการมัน

ประการที่สอง มีจุดอ่อนมากมายหลังจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตเต็มวัย ด้วยพลังการต่อสู้ระดับแปด มันกลายเป็นเรื่องยากที่ผู้อมตะระดับหกเช่นฟางหยวนจะควบคุมมันได้โดยยังไม่ต้องกล่าวถึงธรรมชาติที่หยิ่งผยองของมัน มีความเป็นไปได้สูงมากที่มันจะหันมาต่อสู้กับฟางหยวน

ดังนั้นความตายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจึงไม่ใช่ข่าวร้ายสำหรับฟางหยวน

เกี่ยวกับไข่นก ฟางหยวนสามารถพึ่งพามรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเพื่อดัดแปลงความทรงจำของมัน เมื่อมันฟักออกมา มันจะฟังคำสั่งของฟางหยวนโดยตรง

ปีศาจอมตะเซี่ยหูเริ่มหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนขึ้นในโลกของผู้อมตะภาคเหนือ

อย่างไรก็ตาม…

หลังจากความตื่นตระหนก โลกของผู้อมตะภาคเหนือกลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาด

นี่เป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เหยากวง ปรมาจารย์ห้าธาตุ และองค์ชายฟงเซี่ยนไม่ได้เคลื่อนไหว หากผู้อมตะระดับแปดเอ่ยปาก แม้ผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดจะคัดค้าน มันก็ไร้ประโยชน์

ผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดได้อย่างเท่าเทียมในช่วงสองหรือสามพันปีที่ผ่านมาของห้าภูมิภาคมีฟงจิวเก้อเพียงผู้เดียว

แม้ปีศาจอมตะเซี่ยหูทำเรื่องเลวร้ายกว่านี้ คนอื่นๆก็ไม่สามารถหยุดเขา

กลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ใต้แดนน้ำแข็งเลือกที่จะเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ด้านข้างเช่นกัน

สำหรับฟางหยวน เขาไม่มีความคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว

หลังจากทั้งหมดปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นผู้อมตะระดับแปด แม้ฟางหยวนจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาก็จะถูกบดขยี้จนเละเป็นโจ๊กหากเข้าแทรกแซงเรื่องนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท