เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1157

ตอนที่ 1157

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1157 กวาดล้าง

แปลโดย iPAT

อีกฝ่ายมองมาที่ฟางหยวน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เส้นผมยุ่งเหยิงและแสดงออกด้วยความรู้สึกที่โศกเศร้า

ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวน ‘ติงฉี’

หลายวันก่อนผู้อมตะฮวาตี้เตือนฟางหยวนเกี่ยวกับปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีที่มายังทะเลไหลเชี่ยว ติงเยี่ยนเป็นน้องชายของเขาที่ตายด้วยน้ำมือของหลิวชิงหยู

เมื่อฟางหยวนเห็นคนผู้นี้ เขาจึงสามารถคาดเดาได้โดยธรรมชาติ

จากนั้นผู้อมตะอีกกลุ่มก็พุ่งตามเข้ามาในฟองอากาศใบนี้

มีสองคนที่ฟางหยวนคุ้นหน้า

หนึ่งคือถังซ่ง อีกหนึ่งคือเจาลี่

ถังซ่งตะโกน “ติงฉี เจ้าพยายามไปที่ใด? หนึ่งปีหลังจากนี้จะเป็นวันครบรอบการตายของเจ้า! น่าเสียดายที่น้องชายของเจ้าตายไปแล้ว ไม่มีผู้ใดส่งเครื่องเซ่นไหว้ให้เจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

ติงฉีราวกับไม่ได้ยินสิ่งใด เขามองฟางหยวนและกัดฟันแน่น “มันคือเจ้า! เจ้าพึ่งได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่น้องชายข้าพยายามค้นหา ดังนั้นเจ้าก็เป็นฆาตกรที่ฆ่าน้องชายของข้า!”

“อันใด!?” ผู้อมตะที่ติดตามติงฉีมาหันหน้าไปทางฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ

ฟางหยวนยิ้ม “น่าสนใจ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าได้รับมรดก”

ติงฉีเผยรอยยิ้มเย็นชา “เพราะข้ามีวิญญาณอมตะร่องรอยโลหิต”

หลังกล่าวจบคำ เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดวงนี้ทันที

แสงสีเลือดส่องประกายขึ้นบนเกาะและแสดงภาพที่ฟางหยวนรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

เจาลี่และถังซ่งกรีดร้องด้วยความโกรธ “เขาขโมยมรดกของเรา!”

“เจ้าคือผู้ใด?”

“มอบมรดกมา!”

ฟางหยวนยิ้มกว้าง เขาไม่สนใจผู้อมตะทั้งสองแต่มองไปที่ติงฉีด้วยความอยากรู้อยากเห็น “วิญญาณอมตะร่องรอยโลหิต นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อนี้”

“นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดที่ข้ากับน้องชายสร้างขึ้น นอกจากนี้เรายังสร้างวิญญาณอมตะคำสาบานเลือดอีกด้วย!” ติงฉีกล่าวด้วยความโกรธและโศกเศร้า

เจาลี่ ถังซ่ง และผู้อมตะคนอื่นๆโกรธมากเช่นกัน

หลิวชิงหยูรวบรวมผู้คนและเดินทางมายังทะเลไหลเชี่ยว เรื่องนี้ทำให้ติงฉีปรากฏตัวขึ้น

ข้อมูลนี้หลุดออกไปทำให้เจาลี่และถังซ่งรวบรวมกลุ่มผู้อมตะเดินทางมาที่นี่ แรกเริ่มพวกเขาสงสัยว่าหลิวชิงหยูได้รับเบาะแสเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเดินทางมาที่นี่แต่สุดท้ายกลับพบติงฉี

ติงฉีมาที่นี่นานแล้วและใช้วิญญาณอมตะร่องรอยโลหิตเพื่อเตรียมการบางอย่าง

สองฝ่ายต่อสู้กันแต่ติงฉีเพียงผู้เดียวไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก เขาต้องหลบหนีพร้อมกับต่อสู้ ระหว่างนั้นฟางหยวนเข้ามาและรับมรดก ติงฉีรู้สึกถึงบางสิ่งและรีบวิ่งมาที่นี่โดยไม่สนใจสิ่งใด

‘วิญญาณอมตะร่องรอยโลหิต น่าสนใจ’ ฟางหยวนมองติงฉีด้วยคยวามชื่นชนและถอนหายใจ ‘อัจฉริยะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกเขามีพรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง’

พี่น้องคู่นี้ได้ค้นคว้าและสร้างวิญญาณอมตะร่องรอยโลหิตและวิญญาณอมตะคำสาบานเลือด นี่เป็นความสามารถที่หาได้ยากอย่างแท้จริง

“จะถอนหายใจเพื่อสิ่งใด? มอบมรดกมา!”

“ถูกต้อง มรดกของข้า เจ้ากล้าแยกมันจากเรางั้นหรือ?”

เจาลี่และถังซ่งกรีดร้อง

พวกเขาทำงานอย่างหนักและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้รับมรดกนี้แต่คนนอกที่ไม่รู้จักกลับฉกชิงมันไป

เจาลี่และถังซ่งถือว่ามรดกนี้เป็นของพวกเขาไปแล้ว เมื่อฟางหยวนฉกชิงมันไป แล้วพวกเขาจะทนได้อย่างไร?

เจาลี่และถังซ่งเลิกสนใจติงฉีและหันไปหาฟางหยวน

แต่ติงฉีเร็วกว่า เขาโจมตีฟางหยวนโดยตรง “ฆาตกร มอบชีวิตของเจ้ามา!”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “เจ้าต้องการชีวิตของข้าแต่ข้าจะไม่เล่นกับเจ้า มรดกเป็นของข้าแล้ว”

หลังกล่าวจบคำฟางหยวนพุ่งออกจากฟองอากาศและเข้าไปในกระแสน้ำ

“ตาม!”

“เราต้องจับเขาไม่ว่าจะตายหรือมีชีวิต!”

เจาลี่และถังซ่งตะโกนด้วยความโกรธ พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำกล่าวสุดท้ายของฟางหยวนที่ทำให้พวกเขายิ่งโกรธมากขึ้น

กลุ่มผู้อมตะออกไปและไล่ล่า

ในสภาพแวดล้อมพิเศษ กลุ่มผู้อมตะสามารถเคลื่อนที่ไปตามกระแสน้ำเท่านั้น ระหว่างกระบวนการนี้การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งไปที่ฟางหยวน

ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะเพื่อปกป้องตนเองขณะเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่สามารถมองข้าม ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

“โอ้ การเคลื่อนไหวของคนผู้นี้ช่างคุ้นเคยนัก!” เจาลี่รู้สึกงุนงง

ดวงตาของถังซ่งเบิกกว้าง เขาต้องการรับมรดกและไม่ได้คิดสิ่งอื่นใด

ระหว่างทั้งสองฝ่ายมีปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีอยู่ตรงกลาง

ดวงตาของเขาเป็นสีแดงเลือดและเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร “ตาย ตาย น้องชายของข้าตายและเจ้าฉกชิงผลประโยชน์จากเขา เจ้าต้องตาย ข้าจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”

ความโกรธทำให้เขาสูญเสียเหตุผลและอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง

ฟางหยวนหันหลังกลับและหลบการโจมตีเป็นครั้งคราว

กลุ่มผู้อมตะไล่ล่าฟางหยวนอยู่เป็นเวลานานแต่ยังไร้ประโยชน์และสูญเสียพลังงานอมตะไปเป็นจำนวนมาก

ที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น มันเป็นสถานที่พิเศษ

ฟองอากาศปรากฏขึ้นด้านหน้าทำให้พวกเขาคิดว่าฟางหยวนเข้าไปภายใน

“ตามเข้าไป!”

“เร็ว ล้อมมันไว้!”

“มีบางสิ่งผิดปกติ เหตุใดเขาถึงเข้าไปในฟองอากาศแทนที่จะหลบหนี?”

กลุ่มผู้อมตะปิดล้อมฟองอากาศใบนี้เอาไว้แต่พวกเขาไม่ได้เข้าไปและยังรู้สึกสงสัย

ร่างสีแดงเลือดพุ่งเข้าไปในฟองอากาศราวกับลูกศร

มันคือปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉี เขาเด็ดเดี่ยวมากกว่าผู้อมตะเหล่านั้น

กลุ่มผู้อมตะเริ่มกระสับกระส่าย หลังจากชั่วครู่พวกเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ถังซ่งพุ่งเข้าไปตามด้วยเจาลี่และคนอื่นๆ

“แปลก ที่นี่ที่ใด?”

“เมือง?”

กลุ่มผู้อมตะพบเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่มันพังทลายราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่นี่

นอกจากนั้นมันยังเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่น ดูเหมือนมันจะถูกทิ้งร้างมานานหลายปี

“แปลก ที่นี่คือทะเลไหลเชี่ยว แต่ดูเหมือนจะมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน”

“พวกเขาไม่ควรเป็นผู้อมตะแต่มนุษย์ธรรมดาสามารถอาศัยอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

กลุ่มผู้อมตะวิพากษ์วิจารณ์

“แล้วคนผู้นั้นอยู่ที่ใด?”

“ติงฉีก็หายตัวไปเช่นกัน”

“ไม่ ติงฉีอยู่ที่นั่นและกำลังเผชิญหน้ากับท่านถังซ่ง”

“ผู้อมตะที่รับมรดกหายไปจริงๆ ดูเหมือนเขาจะซ่อนตัวอยู่ด้านใน”

“ค้นหาเขาและบังคับให้เขาส่งมอบมรดก!”

ขณะที่กลุ่มผู้อมตะกำลังจะเคลื่อนไหว พวกเขากลับได้ยินเสียงของฟางหยวนดังลงมาจากท้องฟ้า “พวกเจ้าจงสนุกกับสิ่งนี้เพราะมันจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พวกเจ้าจะตาย”

หลังสิ้นเสียง ท้องฟ้ากลายเป็นมืดครึ้ม

กลุ่มผู้อมตะเงยหน้าขึ้นและแสดงออกด้วยความตกใจ

เพราะพวกเขาเห็นมือขนาดใหญ่จำนวนมหาศาลปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด

กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่แผ่กระจายออกไปทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

“เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นภาพลวงตา หากเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาต้องวิ่งหนี!?” เจาลี่ตะโกน

ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้อมตะเพิ่มสูงขึ้น พวกเขารู้สึกว่าเจาลี่กล่าวได้ถูกต้อง

พวกเขาเริ่มโจมตี

“บึม!”

ด้วยเสียงที่ดังสนั่น กำปั้นยักษ์พุ่งลงมาบดขยี้กลุ่มผู้อมตะและทำให้พวกเขากลายเป็นเศษเนื้อในเสี้ยวพริบตา

“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” เจาลี่ปีนขึ้นมาจากหลุมและกวาดตามองไปรอบๆด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักหักหัง

ผู้อมตะที่รอดชีวิตรู้สึกตกใจและหวาดกลัวมาก

แม้พวกเขาจะมีจำนวนมากกว่าแต่พวกเขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์

‘กับดักของนิกายเงามีประโยชน์จริงๆ ฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนคิดและกระตุ้นใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนต่อไป

ดวงตาของกลุ่มผู้อมตะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นกำปั้นยักษ์จำนวนมากปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้อีกครั้ง

“มันมาอีกแล้ว!”

“อดทนไว้ พวกเราต้องรอด!”

“ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย นำไพ่ตายของทุกคนออกมา พวกเราต้องรอดไปจากที่นี่”

กลุ่มผู้อมตะตะโกนด้วยความกังวล การแสดงออกของพวกเขาแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

“บึม!”

กำปั้นยักษ์ทั้งหมดทิ้งตัวลงมา ครั้งนี้มีเพียงสามคนที่รอดชีวิต

เจาลี่ ถังซ่ง และปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉี

กำปั้นยักษ์ถูกใช้เป็นครั้งที่สาม ผู้อมตะทั้งสามตกอยู่ในความสิ้นหวัง

“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีช่วงเวลาที่ง่ายดายแม้ข้าจะตายก็ตาม!” ติงฉีระเบิดตัวเอง

เจาลี่และถังซ่งพยายามต่อต้านแต่ยังไร้ประโยชน์

ในที่สุดพวกเขาก็ตายภายใต้น้ำมือของฟางหยวน

“แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ เมืองจิ๋ว ชางยอดเยี่ยมสมคำล่ำลือ” ฟางหยวนยกย่องและถอนหายใจ

มีบ่อน้ำอยู่ด้านหน้าเขา

ผิวน้ำด้านในแสดงภาพเมืองที่ถูกทำลายโดยกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนสามครั้ง

มีคราบเลือดและเศษเนื้อของกลุ่มผู้อมตะกระจัดกระจายอยู่รอบๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท