เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1158

ตอนที่ 1158

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1158 เมืองจิ๋ว

แปลโดย iPAT

เมืองจิ๋วถูกกล่าวถึงในตำนานมนุษย์คนแรก

ตำนานกล่าวว่า

วันหนึ่งบุตรสาวคนที่สี่ของมนุษย์คนแรกเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยที่ติดอยู่ในเหวธรรมดาบังเอิญพบมนุษย์จิ๋วผู้หนึ่ง

มนุษย์จิ๋วกำลังร้องไห้ เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถามมนุษย์จิ๋วว่าเขาร้องไห้เพราะเหตุใด

มนุษย์จิ่วกล่าวขณะร้องไห้ “ข้าสูงที่สุดในเผ่า ข้าภูมิใจกับเรื่องนี้ วันนี้ข้าออกมาปีนเขาแต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะพบบางคนอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้ มีคนยักษ์เช่นเจ้าอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยพบเห็นมนุษย์เช่นเจ้า ดังนั้นข้าจึงร้องไห้”

หลังจากนั้นเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยกับมนุษย์จิ๋วผู้นี้จึงกลายเป็นสหายที่ดีและไม่เคยแยกจากกัน

“มนุษย์จิ๋ว เจ้าอยู่ที่ใด เจ้าไม่มีพี่น้องงั้นหรือ? เหตุใดข้าไม่เคยเห็นครอบครัวของเจ้าเลย?” เส้นไห่หลุนฮุ้ยถามมนุษย์จิ๋ว

มนุษย์จิ๋วนำเสิ้นไห่หลุนฮุ่ยไปที่บ่อน้ำและกล่าว “ดูบ่อนี้นี้สิ บ้านเดิมของข้าอยู่ด้านใน”

เส้นไห่หลุนฮุ้ยยื่นศีรษะออกไปเพื่อมองสิ่งที่อยู่ในบ่อน้ำ

จากนั้นนางจึงตะโกนว่า “อา…มีมนุษย์จิ๋วมากมาย”

นางเห็นมนุษย์จิ๋วจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ในบ่อน้ำ

มันเป็นเมืองที่สงบสุข

แต่ในจังหวะนี้มนุษย์จิ๋วในเมืองกลับส่งเสียงกรีดร้อง

“เหตุใดท้องฟ้าถึงมืดเช่นนี้ มันเป็นเวลากลางคืนแล้วงั้นหรือ?”

“มีเสียงฟ้าร้องแต่ไม่มีฝนไม่มีฟ้าผ่า!”

มนุษย์จิ๋วในเมืองตกลงสู่ความสับสนวุ่นวาย

“ครอบครัวของเจ้าอยู่ที่นี่ เหตุใดเจ้าถึงออกมานอกบ่อ? เจ้าไม่อยากอยู่กับพวกเขางั้นหรือ?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถาม

มนุษย์จิ๋วส่ายศีรษะ “พวกเขาเนรเทศข้า พวกเขาคิดว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาด”

“โอ้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยอยากรู้อยากเห็น

มนุษย์จิ๋ซตอบด้วยความโศกเศร้า “ข้าบอกพวกเขาว่าโลกที่พวกเราอาศัยอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆและมีโลกใบใหญ่อยู่ด้านนอก แต่พวกเขาไม่เชื่อข้า พวกเขาบอกให้ข้าหยุดกล่าวเรื่องไร้สาระ”

“ข้ายังบอกพวกเขาด้วยว่าภูเขาที่อยู่นอกเมืองของพวกเราเป็นเพียงเนินดินเล็กๆ แต่พวกเขาไม่เชื่อข้าและคิดว่ามันเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก พวกเขาบอกให้ข้าหยุดพูดโกหก”

“ภูเขาลูกใด?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถาม

“ภูเขาน้อยลูกนั้น” มนุษย์จิ๋วชี้นิ้วออกไป

เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยหัวเราะคิกคัก “มันสามารถเรียกว่าภูเขางั้นหรือ? มันยังเล็กกว่าฝ่ามือข้า!”

เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยปรบมือ “เช่นนั้นให้ข้าบอกความจริงกับพวกเขา”

มนุษย์จิ๋วส่ายศีรษะ “ไร้ประโยชน์”

เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยไม่เชื่อ นางตะโกนออกไปและทำให้มนุษย์จิ๋วในบ่อน้ำตกใจมาก

พวกเขารู้สึกว่าวันนี้แปลกประหลาดเกินไป

ท้องฟ้าไม่เพียงมืดลงแต่ยังมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ

“สวรรค์กำลังโกรธเกรี้ยว ข้ากลับใจแล้ว ข้าขอสารภาพผิด!”

“ไม่ มันเป็นสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดกินสวรรค์ ตอนนี้มันกำลังเรอ!”

“ช่วยด้วย! โลกใบนี้กำลังจะพังทลาย!”

มนุษย์จิ๋วบางคนคุกเข่าลงบนพื้นและอ้อนวอน บางคนสิ้นหวัง ขณะที่บางคนวิ่งไปรอบๆอย่างบ้าคลั่ง

ลมหายใจของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยทำให้เกิดพายุกรรโชกแรงขึ้นในบ่อน้ำ

น้ำลายของนางทำให้เกิดพายุฝนขนาดใหญ่

คำกล่าวของนางเหมือนเสียงฟ้าร้องและทำให้มนุษย์จิ๋วรู้สึกปวดแก้วหู

ในที่สุดเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยก็ยอมแพ้ นางนอนแผ่หราอยู่ข้างบ่อน้ำและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เหตุใดมนุษย์จิ๋วเหล่านี้ช่างโง่เขลานัก? เหตุใดพวกเขาไม่ออกมาจากบ่อน้ำและมองดูโลกกว้างเหมือนเจ้า?”

มนุษย์จิ๋วสายศีรษะและถอนหายใจ “พวกเขาคิดว่าตนเองใหญ่โตมาก พวกเขาคิดว่าโลกของพวกเขามีเพียงเท่านั้น”

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงปีนออกมา?” เสิ้นไห่หลุนฮุ้ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

มนุษย์จิ๋วเผยรอยยิ้มขมขื่น “เพราะข้าตระหนักว่าตนเองเล็กและไร้นัยสำคัญเพียงใด ดังนั้นข้าจึงออกมาและต้องการเห็นว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่เพียงใด”

…..

ฟางหยวนเดินเป็นวงกลมรอบบ่อน้ำ

นี่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพเช่นเดียวกับภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป

เพื่อจัดการฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยวางกับดักโดยใช้เมืองจิ๋ว แต่ฟางหยวนได้รับข้อมูลนี้มาจากหลิวชิงหยูและสามารถใช้ประโยชน์จากมันในการกำจัดผู้อมตะของทะเลตะวันออก

เป็นเช่นที่ตำนานกล่าวไว้ ลมหายใจของเสิ้นไห่หลุนฮุ้ยกลายเป็นพายุกรรโชกแรงขณะที่น้ำลายกลายเป็นพายุฝน

ฟางหยวนอยู่นอกบ่อน้ำและใช้ท่าไม้ตายอมตะทำให้พลังอำนาจของมันเพิ่มขึ้นหลายร้อยหรือหลายพันเท่าเมื่อมันปรากฏขึ้นในบ่อน้ำ

แต่ฟางหยวนยังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

เขาต้องใช้พลังงานอมตะมากขึ้นหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า!

แม้ฟางหยวนจะใช้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเพียงสามครั้งแต่ค่าใช้จ่ายของมันใกล้เคียงกับการใช้งานหนึ่งร้อยครั้ง

หากบางคนเข้าไปในเมืองจิ๋วโดยปราศจากความเข้าใจ พวกเขาจะติดอยู่ในกับดัก หากพวกเขาตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองและรู้ว่านี่คือเมืองจิ๋ว พวกเขาจะสามารถหลบหนี

ตำนานกล่าวว่าเมื่อมนุษย์จิ๋วตระหนักถึงความเล็กและไร้นัยสำคัญของตนเอง เขาจึงต้องการเห็นโลกภายนอกและสามารถปีนออกมาได้สำเร็จ

อาจกล่าวได้ว่าการออกจากเมืองจิ๋วทั้งยากและง่าย

แน่นอนว่าอิงอู๋เซี่ยไม่ได้คิดว่าเมืองจิ๋วจะสามารถกำจัดฟางหยวน

ประการแรก เขาไม่ต้องการสังหารฟางหยวน

ประการที่สอง ฟางหยวนจะตระหนักถึงความจริงอย่างรวดเร็วและสามารถใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดหลบหนีออกมา

อิงอู๋เซี่ยใช้เมืองจิ๋วเพื่อขัดขวางฟางหยวนเท่านั้นแต่ไม่ได้ใช้มันเพื่อสังหารฟางหยวน

ด้านฟางหยวน เขาต้องการยึดครองเมืองนี้

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพจะช่วยพัฒนามิติช่องว่างของเขาได้เป็นอย่างดี

วิญญาณอมตะยกภูเขา!

ฟางหยวนพยายาม

แต่เมืองจิ๋วสั่นสะเทือนขึ้นเพียงเล็กน้อย

วิญญาณอมตะยกภูเขาสามารถยกภูเขาแต่เมืองจิ๋วไม่ใช่ภูเขา แม้มันจะอยู่บนพื้นและต้องการปราณพิภพเช่นเดียวกันก็ตาม

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

ฟางหยวนพยายามเป็นครั้งที่สอง

อย่างไรก็ตามเมื่อกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเข้าใกล้เมืองจิ๋ว มันกลับหดตัวลงอย่างรวดเร็วก่อนหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ

“ดูเหมือนนิกายเงาจะสามารถควบคุมเมืองจิ๋วแต่พวกเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเช่นกัน”

ฟางหยวนทดลองอีกสองสามครั้งแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ความพยายามที่ดีที่สุดคือครั้งแรก วิญญาณอมตะยกภูเขาทำให้เมืองจิ๋วสั่นสะเทือนเล็กน้อย

“ในกรณีนี้วิญญาณอมตะยกภูเขามีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่วิญญาณอมตะยกภูเขาเพียงดวงเดียวยังไม่เพียงพอ ข้าต้องคิดค้นท่าไม้ตายอมตะหากต้องการย้ายเมืองจิ๋ว”

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนตัดสินใจทิ้งมันไว้ก่อน

เขาเข้าไปในบ่อน้ำ ร่างกายของเขาหดเล็กลงเมื่อเข้าไปในเมืองจิ๋ว

ปล้นสะดมสนามรบ!

มีเพียงเจาลี่และถังซ่งที่เหลือซากศพที่สมบูรณ์เอาไว้ ฟางหยวนนำพวกมันเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

สำหรับผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขากลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉีระเบิดตัวเองแต่มิติช่องว่างของเขาถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

นอกจากเขา ผู้อมตะคนอื่นๆก็ทิ้งมิติช่องว่างเอาไว้เช่นกัน

ในไม่ช้าปราณสวรรค์พิภพในบ่อน้ำก็เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ก่อนที่แดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากจะก่อตัวขึ้น

ฟางหยวนใช้เวลาส่วนใหญ่เข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้และสำรวจพวกมัน

ลืมเรื่องวิญญาณอมตะไปได้เลย

แต่ผู้อมตะของทะเลตะวันออกล้วนมั่งคั่งด้วยทรัพยากรเว้นเพียงปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดติงฉี

แม้ทรัพยากรส่วนใหญ่ของติงฉีจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดของฟางหยวนอนุญาตให้เขากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของติงฉี

ท่ามกลางแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ บางแห่งมีจิตวิญญาณแผ่นดินแต่บางแห่งไม่มี

แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ปราศจากจิตวิญญาณแผ่นดิน ฟางหยวนนำทรัพยากรออกไปทั้งหมด

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะปล้นสะดมทรัพยากรของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณแผ่นดิน แต่นั่นเป็นเพียงผลประโยชน์ระยะสั้น ไม่ใช่ผลประโยชน์ระยะยาว

ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และตัดสินใจไม่ใช้กำลัง

หลังจากอยู่ในบ่อน้ำชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาออกมาและเริ่มดัดแปลงฟองอากาศใบนี้

ฟองอากาศใบนี้มีทะเลและเกาะอยู่ภายใน ด้วยการจัดเตรียมของอิงอู๋เซี่ย คนนอกจะตกลงสู่บ่อน้ำทันทีเมื่อพวกเขาเข้าไป

แต่ฟางหยวนได้รับข้อมูลมาจากหลิวชิงหยู เขาไม่ได้ตกลงสู่กับดักและยังสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

หากอิงอู๋เซี่ยรู้ว่าแผนการของเขาไม่เพียงล้มเหลวแต่มันยังช่วยเหลือฟางหยวน เขาอาจกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ

ฟางหยวนเพิ่มวิธีการบางอย่างเข้าไปเพื่อซ่อนฟองอากาศใบนี้เอาไว้

จากนั้นเขายังย้ายตำแหน่งของฟองอากาศใบนี้

ในความเป็นจริงอิงอู๋เซี่ยเคยทำสิ่งเดียวกันนี้มาก่อนหน้า

ฟองอากาศใบนี้กับเมืองจิ๋วไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกเริ่ม อิงอู๋เซี่ยต้องการวางกับดับฟางหยวน ดังนั้เขาจึงทุ่มเทความพยายามเพื่อย้ายฟองอากาศใบนี้มาที่นี่

ท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว ฟางหยวนไม่สามารถควบคุมทิศทางและถูกพัดไปตามกระแส

โชคดีที่เขามีหอยนางรมห้องลับ เขาสามารถพักผ่อนอยู่ภายใน

ฟางหยวนนำฟองอากาศย้ายไปยังกระแสน้ำสายอื่น

กล่าวได้ว่าเขาทุ่มเททั้งเวลาและความพยายามมากกว่าอิงอู๋เซี่ยนับสิบเท่า

หลังจากเสร็จสิ้น ฟางหยวนเดินทางต่อไปยังฐานทัพของอิงอู๋เซี่ย

ที่นั่นเป็นเกาะที่อยู่ในฟองอากาศใบหนึ่ง

ฟางหยวนเข้าไปใต้ดินแต่คฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายเงาและค่ายกลวิญญาณต่างๆหายไปแล้ว

สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่เคยอยู่ที่นี่ก็หายไปเช่นกัน

นี่เป็นลักษณะพิเศษของทะเลไหลเชี่ยว กระแสน้ำทุกสายจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะตีสนิทเมี่ยวหมิงเฉิน” หลังกล่าวจบคำฟางหยวนส่งวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลไปยังสวรรค์สีเหลืองทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท