เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1165

ตอนที่ 1165

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1165 เย่ฟานปะทะไป่หนิงปิง

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนมองพื้นที่เน่าเปื่อยและถอนหายใจ

“ในที่สุดข้าก็สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้า!”

ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดการกระแสน้ำทมิฬ แต่ด้วยมรดกของไห่ฟาน เขาจึงสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติได้โดยไม่ยากลำบากมากนัก

ภูมิประเทศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฟางหยวนต้องกู้คืนสภาพแวดล้อม โชคดีที่ภาคตะวันตกน้อยเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งอยู่แล้ว ดังนั้นความสูญเสียของฟางหยวนจึงไม่มากนัก

ในความเป็นจริงฟางหยวนสามารถทิ้งสถานที่แห่งนี้ไว้โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไข

โชคลาภและภัยพิบัติมีความสัมพันธ์ไม่ต่างจากเหรียญสองด้าน

สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเพาะปลูก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมพิเศษ พืชและสัตว์ที่ดุร้ายหลายชนิดยังสามารถอาศัยและเติบโตขึ้น

แน่นอนว่าฟางหยวนต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้างออกไป

แต่นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

สิ่งสำคัญคือภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าสิ้นสุดลงแล้ว

หลังจากกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนสรุปว่าภัยพิบัติพิภพครั้งนี้รุนแรงกว่าสี่ครั้งแรกแต่ไม่เกินความคาดหมายของเขามากนัก

มีเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถก้าวข้าม นั่นคือความแข็งแกร่งของฟางหยวนที่เพิ่มสูงขึ้น

‘ดูเหมือนภัยพิบัติพิภพจะไม่เป็นปัญหาสำหรับข้าอีกต่อไป พวกมันไม่สามารถหยุดข้า ตอนนี้มีเพียงภัยพิบัติมนุษย์ที่ข้าต้องระวัง’

ฟางหยวนคิดถึงภัยพิบัติมนุษย์ที่เกิดขึ้นในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่และรู้สึกถึงอันตราย

ภัยพิบัติมนุษย์น่าสะพรึงกลัวมาก กระทั่งมังกรหินแรกกำเนิดยังปรากฏตัวขึ้น สิ่งนี้เกินขีดจำกัดของฟางหยวน โชคดีที่แผนการต้มตุ๋นทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด

‘เนื่องจากภัยพิบัติพิภพไม่สามารถสังหารข้า นั่นหมายความว่าตอนนี้เจตจำนงสวรรค์กำลังปลุกระดมภัยพิบัติมนุษย์’

‘เจตจำนงสวรรค์กำลังวางแผนใช้ภัยพิบัติมนุษย์เพื่อทำลายข้า’

‘ข้าไม่พบภัยพิบัติมนุษย์ในภัยพิบัติพิภพครั้งนี้เพราะข้าเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ เจตจำจงสวรรค์ไม่สามารถตรวจสอบแผนการของข้าล่วงหน้าและเนื่องจากข้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันจึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะสร้างภัยพิบัติมนุษย์!’

เจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่เจตจำนงปลอม มันส่งอิทธิพลต่อผู้คนได้ไม่มากนัก หลังจากทั้งหมดมนุษย์มีสติปัญญาสูงที่สุดท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนตระหนักว่าไม่ควรเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในสถานที่เดิมๆ

‘อย่างไรก็ตามครั้งนี้ข้าต้องการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีแต่สุดท้ายข้ากลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด’

ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ

แต่เจตจำนงสวรรค์ไม่ต้องการให้ฟางหยวนได้รับสิ่งที่เขาต้องการ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงส่งภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งความมืดมาแทนภัยพิบัติบนเส้นทางแห่งปฐพี

หลังจากใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบ ฟางหยวนพบว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของเขาเพิ่มขึ้นและเข้าใกล้หนึ่งหมื่นร่องรอย

‘ก่อนหน้านี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืดของข้ามีน้อยมากแต่หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ มันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเก้าพันร่องรอย! ข้าทำกำไรได้มากทีเดียว!’

แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความมืดของฟางหยวนจะต่ำแต่เขามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด

วิญญาณอมตะดวงนี้มีประโยชน์มาก มันสามารถซ่อนการคงอยู่ของเขาจากการรับรู้ของเจตจำนงสวรรค์ได้ในระดับหนึ่ง เทพธิดาเจียงหยูเคยใช้สิ่งนี้เพื่อซ่อนร่างสุดยอดกายาของไห่ลั่วหลันมาแล้ว

สำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ฟางหยวนใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน

สถานการณ์ที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานยังไร้ทางออก

ชูตู๋มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดขณะเดียวกันเขาก็ได้รับการปกป้องจากถ้ำสวรรค์ มันถือเป็นปราการที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังเป็นฝ่ายเหนือกว่า แม้เขาจะไม่สามารถทะลวงเข้าไปและถูกผลักดันออกมาซ้ำๆ

แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถโจมตีหรือล่าถอยได้ดังใจปรารถนา หากเปรียบเทียบ ชูตู๋ทำได้เพียงป้องกันและไม่รู้ว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะโจมตีหรือใช้วิธีใดต่อไป

‘ชูตู๋จะพ่ายแพ้ในที่สุดแต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงขีดจำกัดของเขา’ ฟางหยวนประเมิน

เขาคิดว่าหากชูตู๋ตายในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะได้รับประโยชน์หรือเสียประโยชน์

หลังจากพิจารณาฟางหยวนสรุปว่าชูตู๋มีชีวิตอยู่ดีกว่า

มีเหตุผลหลายประการ

ประการแรก ฟางหยวนลงทุนกับชูตู๋ไปมากแล้ว นั่นคือวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติระดับเจ็ด หากชูตู๋เสียชีวิต วิญญาณอมตะดวงนี้จะถูกทำลายไปพร้อมกับเขา

ประการที่สอง ชูตู๋เป็นพันธมิตรของฟางหยวน ฟางหยวนไม่สามารถละทิ้งชูตู๋หากชูตู๋ขอความช่วยเหลือ

ประการที่สาม ภัยพิบัติของฟางหยวนจะรุนแรงขึ้นทุกครั้ง วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติที่อยู่กับชูตู๋สามารถช่วยฟางหยวนได้มาก การดำรงอยู่ของชูตู๋มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของฟางหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย

ประการที่สี่ หากฟางหยวนประสบความสำเร็จในการช่วยปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ในอนาคตฟางหยวนจะสามารถเก็บเกี่ยวคริสตัลสวรรค์ที่ถือกำเนิดขึ้นในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานได้อีกครั้ง

‘ดูเหมือนข้าต้องช่วยชูตู๋ต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู’ ฟางหยวนตัดสินใจ

อย่างไรก็ตามเขาไม่รีบร้อนลงมือ

เขาพึ่งก้าวข้ามภัยพิบัติ เขาต้องการเวลาพักผ่อนและเติมเต็มองุ่นเขียวอมตะ

นี่เป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผล มันไม่ถือเป็นการทำผิดข้อตกลงพันธมิตร แม้ชูตู๋จะรู้ เขาก็ไม่สามารถตำหนิฟางหยวน

…..

ภาคใต้ ภูเขามงกุฎสุริยัน

ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่ดวงจันทร์ส่องสว่าง

“ผู้ใดอีก?” เย่ฟานยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ด้วยความเย่อหยิ่ง

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณฝ่ายตรงข้ามรู้สึกลังเลและหวาดกลัว

“เย่ฟาน เจ้าถูขับกไล่ออกจากตระกูลของเจ้า เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเราก็เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นกัน เหตุใดเจ้าต้องสร้างความยากลำบากให้กับพวกเรา?” ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งกล่าว

เย่ฟานหัวเราะ “ก่อนที่เราจะต่อสู้กัน พวกเจ้าพยายามใช้จำนวนคนที่มากกว่าจัดการข้า เหตุใดตอนนี้พวกเจ้าไม่กล่าวถึงเรื่องนั้น? พวกเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นเดียวกันงั้นหรือ? ยึดครองภูเขาและปล้นชิงผู้คน ในฐานะผู้ใช้วิญญาณ พวกเจ้ากลั่งแกล้งผู้อ่อนแอกว่าและสังหารมนุษย์ธรรมดาอย่างไร้ยางอาย พวกเจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจ ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษ!”

“พวกเราบริสุทธิ์ โจรชั่วที่แท้จริงตายไปแล้วโดยน้ำมือของเจ้า พวกเราเพียงถูกบังคับให้ทำเท่านั้น”

“นอกจากนี้ตั้งแต่นายท่านปีศาจขาวมาที่นี่ พวกเราก็หยุดอาชญากรรมทั้งหมด!”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณกรีดร้อง

การแสดงออกของเย่ฟานผ่อนคลายลง

ตามข้อมูลที่เขาได้รับ สถานการณ์เป็นเช่นนี้จริงๆ

ตั้งแต่ไป่หนิงปิงเข้ายึดครองภูเขามงกุฎสุริยันและภูเขาแห่งความเงียบ นางเข้าควบคุมกลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจและไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำเรื่องชั่วร้ายใดๆ

“ฮืม หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้พวกเจ้าตายไปแล้ว ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” เย่ฟานตะคอก “ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลเฉิง ข้าต้องผ่านภูเขามงกุฎสุริยันและภูเขาแห่งความเงียบ ข้าจะรออยู่ที่นี่ บอกให้ปีศาจขาวออกมาพบข้า มิฉะนั้นข้าจะฆ่าทุกคนที่นี่!”

เย่ฟานเข้าใจสถานกาณณ์เป็นอย่างดี

เขารู้ว่าการป้องกันของภูเขาแห่งความเงียบแข็งแกร่งกว่าภูเขามงกุฎสุริยัน เขาเพียงผู้เดียวไม่สามารถผ่านมันไปได้

การแจ้งเตือนศัตรูเพื่อล่อให้ปีศาจขาวออกมาเป็นวิธีที่ดีที่สุด

แต่ในขณะที่เย่ฟานกล่าว เสียงที่เย็นชาสายหนึ่งกลับดังขึ้น “ไม่จำเป็น ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”

หลังจากนั้นเงาร่างมากกว่าสิบร่างจึงปรากฏขึ้นบนภูเขา

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจส่งเสียงโห่ร้อง “นายท่านปีศาจขาว! นายท่านปีศาจขาวมาช่วยพวกเราแล้ว!”

เย่ฟานเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดที่พึ่งปรากฏตัวแข็งแกร่งกว่าผู้คนบนภูเขามงกุฎสุริยัน พวกเขาล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณปีศาจหรือผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียง

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเย่ฟานมากที่สุดคือหญิงที่อยู่ตรงกลาง

หญิงผู้นี้อยู่ในชุดคลุมขาว เส้นผมของนางเป็นสีเงินที่เงางามและส่องประกาย ดวงตาของนางเป็นสีฟ้าราวกับน้ำทะเลที่เงียบสงบ ใบหน้าของนางซีดขาว การแสดงออกเย็นชา แต่ความงามอันเป็นที่สุดของนางไม่สามารถปกปิด

นางนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่อย่างผ่อนคลายและกระทั่งปิดเปลือกตาลง มีมนุษย์หิมะสี่ตนแบกเก้าอี้ของนางเอาไว้

หัวใจของเย่ฟานสั่นสะท้าน

เขาท่องเที่ยวไปทั่วและเห็นสิ่งต่างๆมามากมาย แต่ในแง่ของรูปลักษณ์ ไป่หนิงปิงมีความงามระดับเทพ! ผู้เดียวที่สามารถแข่งขันกับนางมีเพียงเฉิงซินซื่อ

“นายท่านปีศาจขาว พวกเราพยายามปกป้องที่นี่อย่างเต็มที่แล้ว” ในจังหวะนี้ผู้ใช้วิญญาณปีศาจผู้หนึ่งเร่งคุกเข่าลงและคลานเข้าไปหาไป่หนิงปิง

“ผู้ที่พยายามหลบหนีและไม่ยอมต่อสู้เช่นเจ้าสมควรตาย” ไป่หนิงปิงเปิดเปลือกตาขึ้น ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณปีศาจที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแข็งค้างและตายในเวลาต่อมา

ผู้ใช้วิญญาณปีศาจตกตะลึง ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว

เย่ฟานตกใจเช่นกัน ความประทับใจแรกที่ดีต่อไป่หนิงปิงหายไปอย่างสิ้นเชิง

“ดังคาด! เจ้ากระทั่งสังหารคนของตนเอง!” เย่ฟานตะโกนด้วยความโกรธ

ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มบางและชี้นิ้วไปที่เย่ฟาน

เย่ฟานรู้สึกถึงมวลอากาศเย็นที่พุ่งเข้าปกคลุมขาซ้ายของเขาเอาไว้

เขามองลงไปเพื่อเห็นขาซ้ายของเขามีชั้นน้ำแข็งก่อตัวขึ้น

‘นี่เป็นท่าไม้ตายชนิดใด ข้าใช้ท่าไม้ตายสายป้องกันไปแล้วแต่กลับไม่สามารถป้องกันมัน!’ เย่ฟานตกใจมาก

ตลอดมาวิธีการป้องกันของเขาไม่เคยล้มเหลว แต่ตอนนี้มันกลับไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงต่อหน้าไป่หนิงปิง

‘การบ่มเพาะของปีศาจขาวอยู่ในระดับใดกันแน่? วิธีการของข้าได้รับมาจากท่านหญิงเฉิงชิงชิงที่เป็นผู้อมตะ! แต่มันกลับไร้ประโยชน์! ดูจากการแสดงออกของนาง นางยังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด ข้าจะตายอยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ หัวใจของเย่ฟานจมดิ่งลง

เขาประเมินไป่หนิงปิงต่ำเกินไปมาก เขาไม่เคยคิดว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ แต่หลังจากตกตะลึง เย่ฟานยังสามารถสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็ว เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นเมื่อเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท