เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1143

ตอนที่ 1143

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1143 ข้า…มีความสุขมาก

แปลโดย iPAT

ใต้ดินของแดนน้ำแข็ง

ในห้องโถงขนาดใหญ่ เก้าอี้และโต๊ะหินถูกจัดเรียงเป็นวงกลม เถาวัลย์หนาเลื้อยพันอยู่บนผนัง

กองไฟสามกองกำลังลุกไหม้อยู่กลางห้อง

นี่เป็นพิธีการที่ตกทอดมาจากยุคบรรพกาล เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์จัดงานเลี้ยงต้อนรับแขก พวกเขาจะจุดไฟสามกอง

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ มนุษย์หิน และมนุษย์ขนรวมถึงฟางหยวนนั่งอยู่ในห้องโถงแห่งนี้

ผลไม้ทุกชนิดถูกวางไว้ด้านหน้าทุกคนขณะที่คนรับใช้เผ่ามนุษย์หินเริ่มรินสุราให้กับทุกคน

“นี่คือสุราเหงือกปลาของพวกเราชาวมนุษย์หิน โปรดลิ้มลอง!” ซื่อจงยืนขึ้นกล่าวพร้อมกับถ้วยสุราที่อยู่ในมือ

ซื่อจงเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์หิน เขาไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อสังหารฟางหยวน

ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยอัญมณีหลากหลายชนิด

นี่คือรูปแบบของชนเผ่ามนุษย์หิน

ร่างกายของมนุษย์หินถูกสร้างขึ้นมาจากหิน ในช่วงชีวิตที่ยาวนานแร่ทองคำและแร่ทุกชนิดจะเติบโตขึ้นบนร่างกายของพวกเขา มนุษย์หินถือเอาสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และมีเกียรติ ยิ่งมนุษย์หินมีตำแหน่งสูงเท่าใด ร่างกายของพวกเขาก็ยิ่งงดงามมากเท่านั้น

ไม่เพียงซื่อจงแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินคนอื่นๆก็อยู่ในรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกัน

เนื่องจากซื่อจงเป็นผู้เปิดปากเชิญ ดังนั้นทุกคนจึงยกถ้วยสุราของตนเองขึ้นมา

ซื่อจงและคนอื่นๆดื่มสุราคำโตมีเพียงฟางหยวนที่จิบเบาๆเท่านั้น

ซื่อจงวางถ้วยสุราลงโดยไม่เหลือสุราแม้แต่หยดเดียว

จากนั้นเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น

ผู้อมตะคนอื่นๆทำเช่นเดียวกัน

บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

มีเพียงฟางหยวนที่วางถ้วยสุราลงโดยมีสุราเหลืออยู่ในถ้วย

อย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะคนอื่นๆต่างเมินเฉยต่อสิ่งนี้

ตรงข้ามกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ผมที่หกเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ฟางหยวน “ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านกำลังทำสิ่งใด เหตุใดท่านจึงกระทำการไม่สุภาพเช่นนี้? เจ้าภาพดื่มสุราจนหมดถ้วย ในฐานะแขก พวกเราไม่ควรเหลือสุราทิ้งไว้ นี่คือการแสดงความเคารพต่อเจ้าภาพ อา…ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าท่านเป็นมนุษย์ไม่ใช่พวกเรา ไม่แปลกใจเลยที่ท่านไม่รู้จักประเพณีที่ตกทอดมาจากยุคโบราณของพวกเรา”

ผมที่หกเป็นสายลับที่อยู่ในนิกายหลางหยา เขาใช้ประโยชน์จากทุกสถานการณ์เพื่อสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนยิ้มและกล่าวอย่างสะดวกสบาย “ข้าจะไม่รู้ประเพณีนี้ได้อย่างไร? มันเป็นเพียงแค่สุรานี้คือน้ำลายที่ถูกทิ้งไว้โดยปลากระพงใต้ดิน ข้าไม่อยากดื่มมัน”

“ท่าน!” การแสดงออกของผมที่หกกลายเป็นมืดครึ้มแต่เขาลอบมีความสุขอยู่ภายใน คำกล่าวของฟางหยวนชัดเจนว่าเป็นการสร้างความขุนเคืองให้กับฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นสิ่งที่ผมที่หกตั้งใจให้เกิดขึ้น

ในจดหมายที่ฟางหยวนส่งกลับไปยังนิกายหลางหยาไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดทั้งหมด เขาอธิบายเพียงภาพรวมเท่านั้น ผมที่หกและคนอื่นๆไม่รู้ว่าฟางหยวนนำอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาและทำให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะต้องประนีประนอม

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้มอบภารกิจค้นหาพันธมิตรเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้กับฟางหยวนมานานแล้ว

ตั้งแต่ฟางหยวนค้นพบมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ เขาก็สามารถทำภารกิจให้กับนิกายได้สำเร็จและจะได้รับรางวัลจากนิกายหลางหยา

ในฐานะสมาชิกนิกาย ผมที่หกไม่ต้องการเห็นฟางหยวนได้รับผลประโยชน์และพัฒนา ตอนนี้เขากล่าวสิ่งเหล่านี้เพื่อกำหราบฟางหยวน

“ฮ่าฮ่าฮ่า เนื่องจากผู้อาวุโสฟางหยวนไม่ชอบสุราชนิดนี้ เช่นนั้นเราจะเปลี่ยนเป็นสุราชนิดอื่น ข้าจะนำสุราหมาป่าน้ำแข็งออกมาจากโรงกลั่นของข้า!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะหัวเราะ

มนุษย์หิมะมีร่างกายสีขาวราวหิมะและมีดวงตาสีน้ำเงินพร้อมเส้นผมสีฟ้า

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะผู้นี้ไม่สวมเสื้อและเผยให้เห็นรอยสักสีน้ำเงินเข้มบนหน้าอก ผมสีฟ้าของเขาถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่มั่นคงและไร้กังวล

บุคคลผู้นี้มีนามว่าปิงเจา เขาก็คือผู้อมตะหอกน้ำแข็งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น

ไม่นานคนรับใช้เผ่ามนุษย์หิมะก็นำสุราชนิดใหม่ออกมา

ถ้วยสุราทำจากน้ำแข็ง สุราที่อยู่ภายในสร้างไอเย็นลอยขึ้นสู่อากาศ

“กล่าวตามตรงข้าเองก็ไม่ชอบดื่มสุราเหงือกปากเช่นกัน ดังนั้นโปรดลิ้มลองสุราชนิดนี้” ปิงเจากล่าว

ฟางหยวนกวาดตามองสุราและกล่าวโดยไม่ให้ความเคารพใดๆ “ให้ข้าลองดูก่อน”

“เชิญ” ปิงเจาหัวเราะ

เพียงเมื่อปิงเจากล่าวจบ ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นดื่มจมหมดในครั้งเดียว

ผู้อมตะทั้บงหมดมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนจะปรบมือและโห่ร้องเสียงดัง

ฟางหยวนมองผมที่หกอย่างระมัดระวังและลอบหัวเราะอยู่ภายใน

เขารู้ความตั้งใจของสหายผู้นี้

อย่างไรก็ตามผมที่หกจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายใดๆขึ้นกับฟางหยวนเพราะนิกายเงาต้องการเก็บร่างของฟางหยวนเอาไว้เพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง

สิ่งที่ผมที่หกทำได้มีเพียงการยับยั้งความก้าวหน้าของฟางหยวนเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ผมที่หกพยายามทำเรื่องนี้โดยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยา

แต่ผมที่หกไม่เคยคาดคิดว่าฟางหยวนจะมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้มันสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หิน

ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่าง ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากให้ความเคารพ!

นี่คือจุดแข็ง

ในใจของพวกเขาไม่ว่าผมที่หกจะยั่วยุหรือกล่าวสิ่งใด มันก็ไร้ประโยชน์ หลังจากทั้งหมดฟางหยวนสำคัญกว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทั้งหมดรวมกัน

มนุษย์กลายพันธุ์ให้ความเคารพต่อความแข็งแกร่งมาก นี่เป็นประเพณีของพวกเขามาตั้งแต่ยุคบรรพกาล

เนื่องจากยุคบรรพกาลเป็นยุคแห่งการดื่มเลือดกินเนื้อ ช่วงเวลาแห่งสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้พวกเขาถูกสังหารโดยมนุษย์ มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอด

ฟางหยวนตั้งใจทำเรื่องต่างๆให้ดูยากขึ้นเพราะต้องการให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้รู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลา

หากฟางหยวนไม่ทำมัน พวกเขาจะรู้สึกสบายใจเกินไป

ฟางหยวนเข้าใจธรรมชาติของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือเพื่อตรวจสอบความตั้งใจของฝ่ายตรงข้าม

ตอนนี้ฟางหยวนมั่นใจอย่างสมบูรณ์แล้วว่าเขาปลอดภัย

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ ผมที่หกตกใจมาก

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินเข้ารุมล้อมฟางหยวนขณะที่ปล่อยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนทิ้งไว้โดยไม่สนใจ

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าขอดื่มให้ท่าน”

“ผู้อาวุโสฟางหยวนช่างเป็นนักดื่มที่ยอดเยี่ยมนัก!”

ฟางหยวนไม่ปฏิเสธพวกเขาและดื่มทุกครั้ง

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมองหน้ากันด้วยความสับสน

ผมที่หกรู้สึกสับสนมาก ‘ฟางหยวนใช้เสน่ห์เล่ห์กลใดถึงทำให้พวกเขาหลงใหลและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้?’

หากฟางหยวนเป็นมนุษย์ขน นั่นอาจสมเหตุสมผล แต่เขาอยู่ในร่างที่แท้จริงซึ่งเป็นมนุษย์

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าเสวี่ยเอ๋อจะรินสุราให้ท่าน” ระหว่างงานเลี้ยง ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะเดินเข้ามาหาฟางหยวนและช่วยรินสุราแทนคนรับใช้

ผู้อมตะชายเผ่ามนุษย์ขนมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ผมที่หกแทบตะโกนออกมา ‘พวกเจ้าบ้าไปแล้ว! พวกเจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ฟางหยวนเป็นมนุษย์! เขาเป็นมนุษย์! มนุษย์ที่เข่นฆ่าพวกเราเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์!”

“เสวี่ยเอ๋อ เจ้าคือมนุษย์หิมะที่ค้นพบร่างจริงของข้าใช่หรือไม่?” ฟางหยวนมองผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะผู้นี้

ผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะก้มศีรษะลงและเผยรอยยิ้มเขินอาย “ข้าเชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ผู้อาวุโสฟางหยวนคือวีรบุรุษที่แท้จริง”

ผมที่สิบสองแทบพ่นสุราออกมาจากปากเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

ผมที่หกลอบสาปแช่งผู้อมตะหญิงเผ่ามนุษย์หิมะ ‘เจ้าตั้งใจทำสิ่งใด!? เฮ้ เฮ้ เหตุใดเจ้าต้องหน้าแดงและก้มศีรษะลงด้วยท่าทางเขินอาย? เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกงั้นหรือว่าเจ้าสนใจเจ้าหมอนั่น! เจ้าเป็นมนุษย์หิมะ คิดถึงสถานะของตนเองบ้าง!’

“ข้าไม่สมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ” ฟางหยวนหัวเราะ

ปิงเจาถือถ้วยสุรามาหาเขา “หากผู้อาวุโสฟางหยวนไม่ใช่วีรบุรุษแล้วผู้ใดยังจะสามารถอ้างตัวเป็นวีรบุรุษได้อีก?”

เสวี่ยเอ๋อแนะนำตัวในเวลาที่เหมาะสม “นี่คือท่านพี่ปิงเจา เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าของเรา ปกติแล้วเขาเป็นคนเย็นชาและภาคภูมิใจในตนเอง มีเพียงผู้อาวุโสฟางหยวนเท่านั้นที่ทำให้เขาชื่นชมได้เช่นนี้”

ฟางหยวนยืนขึ้นและประเมินผู้อมตะผู้นี้ “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าคือคนที่ใช้หอกน้ำแข็งคู่ต่อสู้กับข้าหลายสิบกระบวนท่าถูกต้องหรือไม่?”

ปิงเจาหัวเราะและยกนิ้วให้ “ผู้อาวุโสฟางหยวน สายตาของท่านช่างแหลมคมนัก!”

ฟางหยวนไม่ได้กล่าวต่อแต่ยกถ้วยสุราขึ้นดื่มให้กับปิงเจา

ปิงเจามีความสุขมากและดื่มสุราจนหมดถ้วย

เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้งขณะที่เสวี่ยเอ๋อปรบมืออยู่ด้านข้าง “วีรบุรุษย่อมดึงดูดวีรบุรุษ”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึง ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา ตรงข้าม ทุกคนต่างมองไปที่ฟางหยวน

ผมที่หกแทบยกมือขึ้นตุบโต๊ะ

ทัศนคติของปิงเจาทำให้เขารู้สึกแย่

เขากรีดร้องอยู่ในใจ ‘พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด!? หญิงที่ชื่อเสวียเอ๋อ เพียงเห็นผู้ชายหน้าตาดีถึงกับตื่นเต้นจนไม่สามารถเก็บอาการ ดูสีหน้าของเจ้า ดูวิธีหัวเราะของเจ้า มันบอกได้ชัดเจนว่าเจ้าต้องการสิ่งใดจากฟางหยวน! ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้ายังเป็นวีรบุรุษของเผ่าอยู่หรือไม่? เจ้าต้อนรับและใกล้ชิดมนุษย์ราวกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือด เจ้าต้องการทรยศต่อเผ่าของตนเองงั้นหรือ!?’

ปิงเจาถอนหายใจ “เปรียบเทียบกับผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าจะถือเป็นวีรบุรุษได้อย่างไร? ผู้อาวุโสฟางหยวนครอบครองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสฟางหยวนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา เผ่าของพวกเราอาจพบภัยพิบัติร้ายแรงจริงๆ”

“อา…กระไรนะ!? อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมองหน้ากันด้วยความตกใจ

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ท่านมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดงั้นหรือ!?” ในที่สุดผมที่หกก็ไม่สามารถอดทนและผุดลุกขึ้นยืน

ฟางหยวนลูบจมูกของตนและกล่าวด้วยท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “ไม่นานมานี้ข้าร่วมมือกับชูตู๋เพื่อไปยังถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานได้สำเร็จ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ของการเดินทางครั้งนี้”

“อันใด!?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอุทานด้วยความตกใจมาก

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หินมองหน้ากัน

ผมที่หกก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

ในช่วงเวลานี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะและมนุษย์หิมเหล่านี้จึงให้ความสำคัญกับฟางหยวนมากนัก

สัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด!

ผมที่หกไม่สามารถรับแรงกระแทกนี้ ขาของเขากลายเป็นไร้เรี่ยวแรงและล้มลงนั่งบนเก้าอี้หินอีกครั้ง

“ข้าไม่มีเวลาแจ้งให้พวกเจ้ารู้ มา สมาชิกนิกายหลางหยาของเรามาดื่มเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง” ฟางหยวนยิ้มและยกถ้วยสุราขึ้น

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตอบสนองโดยเผยให้เห็นถึงความสุข

“นิกายหลางหยาของเรามีความแข็งแกร่งระดับแปดแล้วในเวลานี้!”

“ผู้อาวุโสฟางหยวนของเราช่างไร้เทียมทาน น่าทึ่งมาก!”

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ก่อนหน้านี้เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของข้า ข้ามีตาแต่หามีแววไม่!”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนแสดงออกด้วยการยอมรับ

นี่คือพลังอำนาจของความแข็งแกร่งระดับแปด!

ผมที่หกยกถ้วยสุราขึ้นด้วยรอยยิ้มแต่ภายในแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธ

ฟางหยวนมองผมที่หกและเผยรอยยิ้มบาง “ผู้อาวุโสหก เหตุใดมือของท่านถึงสั่นเช่นนั้น?”

ผมที่หกยิ้มและกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง “นี่เป็นเพราะข้าตื่นเต้นกับผู้อาวุโสฟางหยวนและนิกายหลางหยาของเรา ข้า…มีความสุขมาก…”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท