เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1152

ตอนที่ 1152

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1152 ภูเขาแสงห้าสี

แปลโดย iPAT

“ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ…”

ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูมีเป็ดตัวหนึ่งร้องเรียกฟางหยวน

นี่คือจิตวิญญาณแผ่นดินที่หลิวชิงหยูทิ้งไว้เบื้องหลัง

การปรากฏตัวของมันแตกต่างและแปลกประหลาดมาก

ฟางหยวนตั้งใจฟัง แม้เขาจะไม่เข้าใจภาษาเป็ด แต่เขายังสามารถคาดเดา

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณสวรรค์ของไห่ฟานก็เป็นระฆังทองเหลืองที่ไม่สามารถสื่อสาร

“เงื่อนไขของการรับสืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูคือ…” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ

แม้หลิวชิงหยูจะถูกสังหารโดยฟางหยวนแต่เจตจำนงที่เขาทิ้งไว้ไม่เกี่ยวกับฟางหยวน เขาไม่ได้พยายามตามหาอิงอู๋เซี่ยเช่นกัน

แต่มันเกี่ยวกับเบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

“เบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกสลักไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน” ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะดาบบินออกมาแสดงให้จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดดูและอธิบาย

ครู่ต่อมาจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดจึงใช้จงอยปากจิกรองเท้าของฟางหยวนอย่างมีความสุข

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูไปแล้ว!

อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ค่อนข้างรกร้าง

ไม่ใช่ว่าหลิวชิงหยูมีรากฐานที่เลวร้าย แต่หลังจากเข้าร่วมนิกายเงา ทรัพยากรทั้งหมดของเขาถูกยึดครองไปโดยอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยไม่ได้ยึดวิญญาณอมตะของหลิวชิงหยูเพราะเขาต้องการเก็บพลังการต่อสู้ของหลิวชิงหยูเอาไว้ใช้เหมือนแรงงานทาส

แต่อิงอู๋เซี่ยนำทรัพยากรทั้งหมดของหลิวชิงหยูไปเพื่อให้เขาไม่มีอนาคต หากหลิวชิงหยูต้องการบ่มเพาะต่อไป เขาต้องพึ่งพานิกายเงาเท่านั้น

ฟางหยวนคิดก่อนจะเข้าใจเรื่องนี้

สำหรับวิญญาณอมตะของหลิวชิงหยู พวกมันถูกทำลายไปแล้ว

“มีสิ่งใดเหลืออยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้บ้าง?” ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆและขมวดคิ้ว

แดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูถูกรื้อค้นและตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

นี่ทำให้ฟางหยวนรับรู้ถึงความรู้สึกของชูตู๋ในเวลานั้น

จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดส่งเสียง “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ…”

ฟางหยวนหันหน้ากลับมา “พาข้าไปที่นั่น”

จิตวิญญาณแผ่นดินนำฟางหยวนไปยังปลายทาง มันเป็นภูเขาสีรุ้งที่ไม่เตี้ยไม่สูง หินบนภูเขาส่องประกายหลากหลายสีสัน

ภูเขาลูกนี้ไม่มีต้นไม้แต่มีหญ้าหลายชนิด หญ้าเหล่านี้ส่องแสงออกมาเช่นกัน

“ภูเขาแสงห้าสี หญ้าสิบสี” ฟางหยวนพึมพำ

นี่เป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งแสง

สภาพแวดล้อมพิเศษของภูเขาลูกนี้สามารถสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งแสงจำนวนมาก

เห็นได้ชัดว่าภูเขาแสงห้าสีได้รับการดูแลอย่างดีโดยหลิวชิงหยู

“อิงอู๋เซี่ยไม่มีวิญญาณอมตะยกภูเขา เขาไม่มีวิธีเคลื่อนย้ายภูเขาลูกนี้และทำได้เพียงทิ้งมันไว้ที่นี่เท่านั้น” ฟางฟยวนคาดเดา

วิธีการเคลื่อนย้ายภูเขาหายากมากในโลกใบนี้

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนสามารถเคลื่อนย้ายหุบเขาเหล่าโป กระทั่งผู้อมตะระดับแปดองค์ชายฟงเซี่ยนยังรู้สึกตกใจ

แม้อิงอู๋เซี่ยจะได้รับความมั่งคั่งบางส่วนจากนิกายเงาแต่เขายังขาดวิธีเคลื่อนย้ายภูเขา

เมื่อเห็นภูเขาแสงห้าสีและไม่สามารถเคลื่อนย้าย อิงอู๋เซี่ยรู้สึกรำคาญใจมาก

โดยปราศจากความลังเล ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะยกภูเขาย้ายภูเขาแสงห้าสีไปยังมิติช่องว่างของเขาทันที

เขาวางภูเขาลูกนี้ไว้ในภาคใต้น้อย

ตอนนี้ภูเขามรดกอมตะจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกลายเป็นภูเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองรองจากภูเขาแสงห้าสี

“ในที่สุดข้าก็ได้รับประโยชน์บางอย่าง” ฟางหยวนถอนหายใจ

หากไม่ได้รับภูเขาแสงห้าสี มันจะกลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่

แม้ฟางหยวนจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ แต่จากมุมมองของเขา ชัยชนะที่ปราศจากผลประโยชน์ไม่มีคุณค่าใด

ฟางหยวนสรุปว่าการต่อสู้กับหลิวชิงหยูครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายขาดทุน

เขาใช้พลังงานอมตะจำนวนมากเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป

หลิวชิงหยูบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งแสงและเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงอยู่น้อยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดูดกลืนแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยู

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังได้รับข้อมูลมากมายจากจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดรวมถึงเบาะแสเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

หลังจากนั้นฟางหยวนได้มอบวิญญาณระดับมนุษย์ให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดและสั่งว่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ห้ามเปิดประตูทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ หากศัตรูบุกโจมตีต้องรีบแจ้งเขาผ่านสวรรค์สีเหลืองทันที

พลังงานอมตะระดับเจ็ดของหลิวชิงหยูถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนไม่ได้เก็บพวกมันไว้แต่มอบให้จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ด

“ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ…” จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดหลั่งน้ำตาและกระพือปีกเมื่อฟางหยวนจากมา

ทางเข้าออกของแดนศักดิ์สิทธิ์ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว

‘แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดถูกซ่อนไว้ มันไม่ควรถูกค้นพบ’

‘อย่างไรก็ตามหากเจตจำนงสวรรค์ต้องการทำลายผลประโยชน์ของข้า ยังมีหลายวิธีในการกำจัดแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้’

‘มันจะดีที่สุดหากข้าสามารถรักษาแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเอาไว้ แต่หากไม่ มันก็ไม่ถือเป็นการสูญเสีย หลังจากทั้งหมดมันมีค่าน้อยเกินไป’

ฟางหยวนไม่มีเวลายกระดับการบ่มเพาะและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งแสง เขายังห่างไกลจากระดับเจ็ดอีกมาก

สำหรับการไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยต่อไป?

ฟางหยวนลังเล

ตามข้อมูลที่ได้รับจากจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ด เขาเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยมีผู้อมตะสี่คนรวมตัวเขาเอง ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หินชื่อซื่อหนิว เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี ไห่ลั่วหลันบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งไฟ ไท่เป่ยหยุนเฉิงสูญเสียวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่ตอนนี้เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆาและบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางสายนี้

สำหรับอิงอู๋เซี่ย เขายังอยู่ในร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เขายังใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ การบ่มเพาะของเขาต่ำที่สุด แต่พลังการต่อสู้ของเขากลับสูงสุดหรืออาจอยู่ในอันดับสอง

หากฟางหยวนมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เขาจะออกไล่ล่าทันที

แต่ตอนนี้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลายเป็นไข่ไปแล้ว

ฟางหยวนอาจมีวิญญาณอมตะมากมาย แต่เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น มันยังเป็นเรื่องยากที่จะทำนายได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ

‘ความแข็งแกร่งของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นตามความคาดหมายของข้าจริงๆ’

การเติบโตของฟางหยวนทำให้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆตกใจ แต่ความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆก็ทำให้ฟางหยวนตกใจเช่นกัน

เพียงไม่นานหลังจากประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกลับฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว

นิกายเงาร่วงลงสู่จุดต่ำสุดแต่ก็ยังไม่สามารถมองข้าม

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆยังเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับฟางหยวน

ร่างทารกอมตะทำให้ความขัดแย้งระหว่างนิกายเงากับฟางหยวนไม่สามารถแก้ไข

อิงอู๋เซี่ยยังไม่สนใจฟางหยวนในเวลานี้เพราะเขาต้องการช่วยเหลือร่างหลักเป็นอันดับแรก นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด

ฟางหยวนไม่ได้จัดการอิงอู๋เซี่ยก่อนหน้านี้เพราะเขามีพละกำลังไม่เพียงพอ เขายังต้องรับมือกับภัยพิบัติและพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ

แต่ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานและมีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกไล่ล่าอิงอู๋เซี่ย

หากอิงอู๋เซี่ยสามารถช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ ฟางหยวนรู้ว่าโอกาสของเขาจะหมดไปเพราะอีกฝ่ายคือเทพปีศาจ แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่ฟางหยวนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องกล่าวถึงอีกประการ

นั่นคือวิญญาณสติปัญญา

วิญญาณสติปัญญาไม่ได้หายไป ปัจจุบันมันอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนได้รับร่างเดิมไปแล้ว แต่เขายังเกรงว่าร่างเดิมของเขาจะมีกับดักที่ถูกจัดตั้งไว้โดยอิงอู๋เซี่ย

ฟางหยวนไม่กล้ากระทำการผลีผลาม

เขาเคยคิดที่จะทดลองนำดวงวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นใส่เข้าไปในร่างเดิมของเขา

แต่วิธีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากมาย

ประการแรก เขาต้องกระทำการอย่างลับๆโดยไม่ให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาล่วงรู้

ประการที่สอง แม้เขาจะใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นเพื่อทดสอบ แต่มันยังไม่น่าเชื่อถือ ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอิงอู๋เซี่ยวางกับดักโดยเล็งเป้าหมายที่ดวงวิญญาณของเขาซึ่งอาจมีการระบุว่าเป็นปีศาจต่างโลกหรืออื่นๆที่เฉพาะเจาะจง

ปัญหาในการใช้วิญญาณสติปัญญาจำกัดการเติบโตของฟางหยวน

ดังนั้นเขาจึงต้องเดินทางมายังทะเลตะวันออก

เป้าหมายหลักของเขาก็คือจัดการอิงอู๋เซี่ย!

หากเขาทำสำเร็จ เขาจะสามารถตรวจสอบว่าอิงอู๋เซี่ยวางกับดักไว้หรือไม่ หากเขาวางกับดักเอาไว้จริงๆ มันจะแก้ไขได้อย่างไร?

อิงอู๋เซี่ยกลัวว่าฟางหยวนจะเติบโตเร็วเกินไปขณะที่ฟางหยวนก็กลัวว่าความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถช่วยร่างหลักของเขาได้ในที่สุด

ด้วยเหตุนี้การรับสืบทอมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลจึงเป็นเพียงเรื่องรอง

สิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ก็คืออิงอู๋เซี่ย!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท