เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1166

ตอนที่ 1166

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1166 อสรพิษขาว

แปลโดย iPAT

“เข้ามา แม้ต้องตายข้าก็จะตายในสนามรบ!” เย่ฟานตะโกนด้วยดวงตาส่องประกาย

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจเลียริมฝีปากของตน พวกเขาต้องการพุ่งเข้าสังหารและหั่นร่างของเย่ฟานออกเป็นชิ้นๆ

แต่ไป่หนิงปิงกลับกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่ามันน่าเบื่องั้นหรือหากสังหารเขาโดยตรง? เข้าไปทีละคน”

คำกล่าวเหล่านี้ช่วยชีวิตเย่ฟานเอาไว้ มันทำให้เวลาตายของเขาล่าช้าออกไป

หลังจากใช้เวลากับไป่หนิงปิงมาพอสมควร กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจเริ่มเข้าใจบุคลิกของนาง บางคนประกาศ “เนื่องจากนายท่านปีศาจขาวต้องการชมการแสดงและอนุญาตให้พวกเราสังหารคนผู้นี้ ตราบเท่าที่นายท่านมีความสุข มันก็ถือเป็นเกียรติและวาสนาของข้าแล้ว”

ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ผู้ใช้วิญญาณปีศาจคนอื่นๆรู้สึกอิจฉามาก พวกเขาเสียโอกาสที่ดีที่สุดที่จะกล่าวประโยคประจบประแจงเหล่านี้ไปแล้ว

แต่ในไม่ช้าความคิดของพวกเขากลับเปลี่ยนแปลงไป

เย่ฟานที่ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังสามารถปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาสังหารผู้ใช้วิญญาณปีศาจทีละคน

“น่าสนใจ” ไป่หนิงปิงเฝ้ามองการต่อสู้ทั้งหมดขณะพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ราวกับผู้คนเหล่านั้นไม่ใช่ลูกน้องของนางแต่เป็นคนแปลกหน้า

เย่ฟานรู้สึกรังเกียจ ‘ปีศาจขาวอาจดูงดงามแต่จิตใจของนางชั่วร้ายมาก นางไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่านหญิงซินซื่อ ปีศาจดำที่อยู่กับนางก็คงไม่ใช่คนดีเช่นกัน!’

“อา…” ทันใดนั้นเย่ฟานกลับส่งเสียงกรีดร้องออกมา

ปรากฏว่าแขนขวาของเขาถูกแทงด้วยหอกน้ำแข็ง เลือดไหลทะลักออกมาแต่มันกลับถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว

แขนขวาของเขาไร้ประโยชน์ไปแล้ว

“เอาล่ะ ต่อไป” ไป่หนิงปิงกล่าวเสียงเรียบ

ขวัญกำลังใจของกลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจพุ่งสูงขึ้น

ผู้ใช้วิญญาณปีศาจอีกสองสามคนเข้าสู่สนามรบและใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเย่ฟาน

อย่างไรก็ตามแม้เย่ฟานจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็ยังต่อสู้โดยไม่สนใจชีวิต ในทางตรงข้ามผู้ใช้วิญญาณปีศาจทุกคนล้วนหวาดกลัวต่อความตาย พวกเขาไม่กล้าต่อสู้โดยตรงและเริ่มตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

บางคนพ่ายแพ้ขณะที่บางคนถูกสังหาร

“ไร้ประโยชน์!” ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายขึ้น

ผู้ใช้วิญญาณปีศาจที่พ่ายแพ้แต่ยังมีชีวิตอยู่ถูกแช่แข็งและตายในจุดเกิดเหตุ

ไป่หนิงปิงดุร้ายและโหดเหี้ยมมาก กระทั่งเย่ฟานยังรู้สึกหนาวสั่นอยู่ในหัวใจ

ไป่หนิงปิงกวักมือขวาเบาๆ มนุษย์หิมะทั้งสี่สังเกตเห็นและลดเก้าอี้ไม่ไผ่ลง

ไป่หนิงปิงยืนขึ้นอย่างช้าๆและมองไปที่เย่ฟานด้วยมือไพล่หลัง

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจดีใจมากเมื่อเห็นไป่หนิงปิงกำลังจะเข้าสู่การต่อสู้

เย่ฟานเผยรอยยิ้มขมขื่น ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของไป่หนิงปิงทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง “มีคนที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ ข้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไป ข้าสมควรพบกับชะตากรรมนี้และตายที่นี่ แต่ก่อนที่ข้าจะตาย เจ้าช่วยตอบคำถามของข้าได้หรือไม่?”

“โอ้” ไป่หนิงปิงประเมินเย่ฟานและกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าค่อนข้างกล้าหาญ มีไม่กี่คนที่ไม่หวั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ดีมาก พูดมา”

“ข้าอยากรู้ว่าปีศาจดำเป็นคนเช่นไร?” เย่ฟานถามคำถามที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ

ไป่หนิงปิงขมวดคิ้ว เดิมทีการแสดงออกของนางเย็นชาตลอดเวลา แต่ตอนนี้การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไป

“เขา…” ไป่หนิงปิงมองขึ้นไปบนดวงจันทร์

เย่ฟานตั้งใจฟัง

แต่ไป่หนิงปิงกลับเผยสายตาเย้ยหยันและเย็นชาในเวลาต่อมา

เย่ฟานจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างขณะที่เขาถูกแช่แข็งในพริบตา

ไป่หนิงปิงมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและดวงจันทร์ที่สว่างไสว หลังจากไม่กี่ลมหายใจนางก็ถอนสายตากลับมา

เย่ฟานถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ เขาตายแล้ว!

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณปีศาจรู้สึกหวาดกลัวไปถึงขั้วหัวใจ

แต่เมื่อไป่หนิงปิงก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว แสงสีดำกลับปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังของนาง

“หือ?” รูม่านตาของนางหดเล็กลง นางเห็นร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นด้านหลังเย่ฟาน

ท่ามกลางพวกเขามีผีดิบอมตะที่น่าเกลียดน่ากลัวผู้หนึ่งวางมือไว้บนไหล่ของเย่ฟาน

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะที่แปลกประหลาดบางอย่าง

เส้นขนทั่วร่างของไป่หนิงปิงตั้งชันขึ้น เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของนางปะทุขึ้นถึงจุดสูงสุด!

กลิ่นอายของผู้อมตะพุ่งออกมาจากร่างของนาง จากนั้นนางก็กลายเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาและสง่างาม

“ฮ่าฮ่า ไป่หนิงปิง มิติช่องว่างเทียมของเจ้าถูกมอบให้โดยนิกายเงาของข้า มันสามารถกำหราบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงในร่างของเจ้าและทำให้เจ้าคืนสภาพเป็นผู้ชาย มันยังอนุญาตให้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะเทียมและสามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะ เจ้าสามารถหลอมรวมและใช้วิญญาณอมตะได้เช่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าต้องการใช้มิติช่องว่างเทียมเพื่อต่อสู้กับข้างั้นหรือ?” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเบาๆ

“สมาชิกนิกายเงา?” ไป่หนิงปิงมองอิงอู๋เซี่ยด้วยสายตาเย็นชา

ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ เย่ฟานก็ฟื้นขึ้นอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจากอิงอู๋เซี่ย น้ำแข็งรอบตัวเขาละลายกลายเป็นน้ำขณะที่เขาทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง

ความรู้สึกฟื้นคืนจากความตายทำให้เย่ฟานรู้สึกสยดสยอง

สภาพจิตใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักและทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเอง

“เจ้าไม่สามารถสังหารคนผู้นี้” อิงอู๋เซี่ยมองเย่ฟาน

เขามีวิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาสามารถเห็นโชคดีของเย่ฟาน

ตั้งแต่หลบหนีออกจากทะเลตะวันออก อิงอู๋เซี่ยซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่างของซื่อหนิวและวางแผนรับมือท่าไม้ตายสายตรวจสอบของฟางหยวนมาตลอด

อิงอู๋เซี่ยไม่มีความสำเร็จมากนัก แต่หลังจากอิงอู๋เซี่ยเห็นเย่ฟาน เขาตระหนักว่าโชคของเย่ฟานเชื่อมต่อกับพวกเขา

‘ฟางหยวนเป็นเจ้าของวิญญาณกาลเวลาและเป็นเครื่องมือของเจตจำนงสวรรค์ เขาย้อนเวลากลับมาและรู้ว่าผู้ใดโชคดี การฆ่าเย่ฟานจะเป็นอันตรายต่อโชคดีของข้า’

‘สำหรับไป่หนิงปิง เขาอยู่ภายใต้ข้อตกลงพันธมิตรของนิกายเงา ข้าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหักหลังพวกเรา นอกจากนี้เขายังมีร่างสุดยอดกายา เขาจะเป็นประโยชน์ในการช่วยร่างหลักของข้า’

อิงอู๋เซี่ยคิดเรื่องเหล่านี้ขณะที่เขาโยนวิญญาณระดับห้าออกไป

“อสรพิษขาว!” ไป่หนิงปิงรับมันไว้ด้วยความงุนงง

“นี่เป็นเบาะแสสำคัญในการเดิมพันครั้งเก่าของนักสำรวจห้าเซียง ไป่หนิงปิง เจ้าเป็นทายาทคนสุดท้ายของไป่เซียง เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมในการเดิมพัน” อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างช้าๆ

ไป่หนิงปิงเงียบก่อนจะเปิดปากถาม “นี่คือเหตุผลที่นิกายเงาวางแผนผูกมัดข้างั้นหรือ?”

อิงอู๋เซี่ยไม่ตอบแต่เดินออกจากสถานที่แห่งนี้

ไห่ลั่วหลัน ซื่อหนิว และไท่เป่ยหยุนเฉิงติดตามไปอย่างใกล้ชิด

ไป่หนิงปิงกัดฟันแน่นแต่ยังเดินตามพวกเขาไป

เย่ฟานถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เขายังคุกเข่าอยู่บนพื้นและอ้าปากหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

สำหรับผู้ใช้วิญญาณปีศาจทั้งหมด พวกเขากลายเป็นรูปปั้นก่อนที่สายลมจะพัดมาและทำให้พวกเขากลายเป็นโคลนสีดำที่เน่าเหม็นทิ้งไว้บนพื้น

…..

ภาคเหนือ เนินมังกรผงาด

“นายท่านมาช่วยพวกเราแล้ว นิกายชูของเรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง” ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งทักทายฟางหยวนด้วยความเคารพ

ฟางหยวนพยักหน้าและมองคนผู้นี้

ก่อนที่ชูตู๋จะพบฟางหยวน เขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะที่แดนน้ำแข็ง ด้วยวิธีนี้ชูตู๋จะสามารถฉกชิงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

เมื่อเวลาผ่านไปมีผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ชูตู๋ปฏิบัติกับพวกเขาในฐานะสาวกและสร้างนิกายชูขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

‘แม้ชูตู๋จะสั่งสอนผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเหล่านี้ แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเขา ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ไม่มีวิญญาณอมตะไม่ถือเป็นภัยคุกคาม’ ฟางหยวนประเมินและกวาดตามองเนินมังกรผงาด

เนินดินแห่งนี้ไม่สูงนัก แต่มันเป็นดินแดนแห่งโชคลาภอย่างแท้จริง

เนินมังกรผงาดเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นี่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรประเภทมังกร มีวิญญาณประเภทมังกรถือกำเนิดขึ้นมากมายเช่นวิญญาณมังกรทอง วิญญาณมังกรวารี วิญญาณมังกรพสุธา วิญญาณกรงเล็บมังกร วิญญาณลมหายใจมังกร วิญญาณไข่มุกมังกร และอื่นๆอีกมากมาย

น่าเสียดายที่หลังจากเผ่าไห่ถูกทำลาย สถานที่แห่งนี้ถูกกลุ่มผู้อมตะรื้อค้น

หลังจากไม่กี่เดือนเผ่าไป่ซูเข้าควบคุมสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง พวกเขาส่งผู้อมตะบางคนมาปกป้องและคืนสภาพมันให้รุ่งโรจน์เช่นในอดีต

นี่เป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของเผ่าไป่ซู

“ข้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่ของเผ่าไห่ แต่ทรัพยากรทั้งหมดถูกยึดครองไปโดยผู้อมตะเผ่าไป่ซูเมื่อเร็วๆนี้”

“ฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สี่ของเผ่าไห่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูกลับส่งเพียงผู้อมตะระดับหกมาที่นี่ มันถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเราที่จะบุกโจมตีสถานที่แห่งนี้!”

“ทุกคนประจำตำแหน่ง เราจะบุกโจมตีและต่อสู้ในสนามรบแรก!”

“ตราบเท่าที่พวกเราสามารถสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะระวังตัวและยอมแพ้ในการบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟานในที่สุด!”

ผู้อมตะนิกายชูกล่าวด้วยความตื่นเต้น

หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษเหมือนก่อนหน้า ชูตู๋อาจยอมแพ้ไปแล้ว

แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายธรรมะ แม้เขาจะสามารถขยายอาณาเขต แต่มันก็เป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน

เช่นเดียวกับกองกำลังพันธมิตรผีดิบในอดีตที่ต้องการแก้แค้นปีศาจอมตะเซี่ยหู นางมารผลาญสวรรค์ไม่กล้าต่อสู้กับเขาโดยตรงแต่นางใช้วิธีสร้างปัญหาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา นั่นทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่สามารถอดทนและต้องยอมแพ้ต่อกองกำลังพันธมิตรผีดิบในที่สุด

ชูตู๋มีทั้งสมองและมัดกล้ามเนื้อ กลยุทธ์ของเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจะขึ้นอยู่กับความเสียหายที่ฟางหยวนและผู้อมตะนิกายชูสามารถทำได้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท