เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1151

ตอนที่ 1151

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1151 ทะเลไหลเชี่ยว (2)

แปลโดย iPAT

ห้าผู้อมตะเคลื่อนที่ไปตามผิวน้ำ

‘ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่ฟางหยวนล้มเหลว เขาจะพบกับความทุกข์ทรมาน แม้พวกเราจะไม่สามารถจับตัวเขา แต่เราสามารถชะลอการเติบโตของเขา’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกมีความสุข

ความก้าวหน้าของฟางหยวนรวดเร็วจนน่ากลัว

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถทำสิ่งใด แต่ตอนนี้เมื่อฟางหยวนออกมา ทั้งเจตจำนงสวรรค์และอิงอู๋เซี่ยต่างต้องการมอบบทเรียนให้แก่เขา

แน่นอนว่าอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถเปิดเผยตัวตน

อิงอู๋เซี่ยมีภารกิจสำคัญ นั่นคือการสร้างนิกายเงาขึ้นมาใหม่

‘นี่เป็นเรื่องดี พวกเราสามารถกำหราบฟางหยวนขณะเดียวกันพวกเราก็ไม่ตกหลุมพรางของเจตจำนงสวรรค์ หือ?’ ทันใดนั้นดวงตาของอิงอู๋เซี่ยพลันกระตุกขึ้นอย่างกะทันหัน

“ระวัง! สัตว์อสูรใต้ทะเลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันแปลกมาก!” อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้ว

“มันเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย” ผู้อมตะระดับเจ็ดซื่อหนิวกล่าว

“ตูม!”

น้ำทะเลระเบิดขึ้นสู่อากาศ ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดคิด

“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า…อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ผู้อมตะทั้งห้าตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบฟางหยวน

“เจ้าคือ?” ร่างของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น

เขาใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบโชคและเห็นโชคของฟางหยวนเชื่อมต่อกับโชคของไห่ลั่วหลัน

อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับไห่ลั่วหลันขณะที่ไห่ลั่วหลันเชื่อมโยงโชคกับฟางหยวน

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนปรากฏตัว เขาจึงไม่สามารถปกปิดโชคที่เชื่อมต่อกัน

นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยตระหนักว่าคนผู้นี้ก็คือฟางหยวน!

“เร็ว! ใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!” เขาตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก

สมาชิกอีกสามคนกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศทันที

ผู้อมตะสี่คนหายตัวไปอย่างสมบูรณ์

เหลือเพียงสองคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

หลิวชิงหยู “…..”

ฟางหยวน “…..”

ทั้งสองมองหน้ากันภายใต้ความเงียบงัน

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

มันสามารถนำกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหลบหนีจากผู้อมตะวังสวรรค์ ประสิทธิภาพของมันย่อมไม่ธรรมดา

ฟางหยวนได้เห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก

ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพูดไม่ออก

แม้เขาจะสามารถคาดเดา แต่หลังจากได้เห็นกับตาของตนเอง เขายังรู้สึกตกใจเล็กน้อย

‘นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมแต่ตราบเท่าที่ข้ารู้สึกถึงโชคของพวกเขา ข้าจะพบพวกเขาในที่สุด ตอนนี้ข้าควรกำจัดคนผู้นี้เป็นอันดับแรก!’

ฟางหยวนหันหน้าไปทางหลิวชิงหยู

หลิวชิงหยู “…..”

เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของฟางหยวน หลิวชิงหยูค่อยๆบินถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

เขารู้สึกขมขื่นกว่าฟางหยวนมาก

เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่มันกลับถูกฉกชิงไป

หลังจากสังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เบาะแสสำคัญสูญหาย

เขากลับทะเลไหลเชี่ยวแต่บังเอิญพบอิงอู๋เซี่ยขณะที่ผู้ช่วยของเขาเสียชีวิตทั้งหมด สุดท้ายเขาต้องยอมจำนน

เขาทำสัญญาพันธมิตรโดยไม่สนใจความสูญเสียและมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มที่เรียกว่านิกายเงา

อย่างไรก็ตามบางคนกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

หลังจากนั้นกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

‘นี่มันเรื่องบัดซบใด!?’ หลิวชิงหยูต้องการสถบสาปแช่งแต่เขากล่าวออกมาไม่ได้

การสาปแช่งพันธมิตรจะได้รับผลกระทบจากฟันเฟือง

ดังนั้นอารมณ์ของหลิวชิงหยูในเวลานี้จึงเลวร้ายมาก

หลิวชิงหยูไม่รู้จักฟางหยวนแต่เขารู้ว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก

ครั้งนี้ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนแบบสุ่มโดยไม่คิดมาก ในแง่ของกลิ่นอาย เขาไม่ได้ปกปิด เป้าหมายหลักของเขาคือการสังหารอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่หลิวชิงหยูไม่

‘เพียงผู้อมตะระดับหก เหตุใดพวกเจ้าต้องวิ่งหนี!?’

‘วิ่งหนีเพื่อสิ่งใด?’

‘พวกเรามีผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสองคนและมีผู้อมตะระดับหกอีกสามคน พวกเราต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ เหตุใดต้องหลบหนี?’

‘อ๊าก…เหตุใดต้องวิ่งหนี!?’

หลิวชิงหยูกรีดร้องอยู่ภายใน

แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบ

เขาเข้าร่วมนิกายเงาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ อิงอู๋เซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะมาเร็วเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดกับหลิวชิงหยู

หากอิงอู๋เซี่ยบอกหลิวชิงหยูว่าสาเหตุที่พวกเขาต้องวิ่งหนีเป็นเพราะฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด! หลิวชิงหยูจะไม่กรีดร้องและจะหนีเร็วยิ่งกว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

ไม่

เขาไม่สามารถวิ่งเร็วกว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

แต่ในแง่ของความพยายาม เขาจะเหนือกว่าอย่างแน่นอน

พลังการต่อสู้ระดับแปดไม่ใช่เรื่องตลก การฆ่าพวกเขาง่ายราวกับการฆ่ามด

‘นี่คือพลังอำนาจของความแข็งแกร่งระดับแปด’ ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหนีไปด้วยความฉลาดและเด็ดเดี่ยว ในทำนองเดียวกัน หากเป็นฟางหยวน เขาก็จะหนีเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการหลบหนีจากมังกรแรกกำเนิด แต่เขาไม่สามารถหลบหนีแม้จะต้องการก็ตาม

ไม่จำเป็นต้องละอายใจหากต้องหลบหนี

สำหรับปีศาจเฒ่าเช่นฟางหยวน การล่าถอยชั่วคราวคือกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้

อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตายไปแล้ว

แม้ฟางหยวนจะบอกเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่เขาก็ขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

ดังนั้นผมที่หกจึงไม่ได้รับข้อมูลนี้และไม่สามารถรายงานอิงอู๋เซี่ย

ตอนนี้เหลือเพียงหลิวชิงหยู สถานการณ์นี้ดีมากสำหรับฟางหยวน

แรกเริ่มฟางหยวนรู้สึกกังวลเล็กน้อยหากต้องไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย หลังจากทั้งหมดพวกเขามีความได้เปรียบด้านจำนวนคนโดยเฉพาะผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสองคน

ฟางหยวนจำหลิวชิงหยูได้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบซื่อหนิว

ตอนนี้ฟางหยวนวางแผนที่จะสังหารหลิวชิงหยูเป็นอันดับแรก

การกำจัดหลิวชิงหยูจะทำให้นิกายเงาอ่อนแอลง

‘หลังจากฆ่าเขา ข้าจะสามารถค้นวิญญาณและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย’ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนก็ลงมือทันที

ดาบประหารชีวิต!

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่ทรงพลังออกมาทันที

แม้หลิวชิงหยูจะเย้ยหยันฟางหยวนอยู่ภายในแต่เขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

มันเป็นตรรกะที่เรียบง่ายมาก สิ่งที่ทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหวาดกลัวและหลบหนีทันที สิ่งนั้นย่อมอันตรายมาก

หลิวชิงหยูต้องให้ความสำคัญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้

ขณะที่แสงดาบพุ่งออกมา หลิวชิงหยูก็เคลื่อนที่หลบการโจมตีของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

‘ชายผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกแต่มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ?’ หลิวชิงหยูรู้สึกขมขื่น เขามีวิญญาณอมตะระดับหกเพียงสองดวงและยังพ่ายแพ้ให้กับไห่ลั่วหลันมาก่อนหน้านี้

หลังจากต่อสู้หลายรอบ หลิวชิงหยูก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาก็มีเพียงวิญญาณอมตะระดับหกขณะที่มีท่าไม้ตายอมตะไม่มาก

เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็เข้าใจวิธีการเกือบทั้งหมดของหลิวชิงหยู

ใบหน้าของหลิวชิงหยูปกคลุมไปด้วยเหงื่อ

แม้ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดได้เป็นการชั่วคราว แต่เขาก็มีวิธีป้องกันบนเส้นทางแห่งกาลเวลา กล่าวได้ว่าเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการต่อสู้ครั้งนี้

หลังจากทั้งหมดความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้าเร็วเกินไป!

ในอดีตหลิวชิงหยูไล่ตามฟางหยวนและทำให้เขาต้องวิ่งหนี แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกำลังจัดการเขา

แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาเหนือกว่าหลิวชิงหยูไปไกลมาก

‘ไม่แปลกใจเลยที่อิงอู๋เซี่ยวิ่งหนี นี่คือสัตว์ประหลาด! เขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ จากการแสดงออก เขายังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด!’ หลิวชิงหยูสูญเสียแรงจูงใจในการต่อสู้

เขาต้องการยอมแพ้

แต่ตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้า เขาทำข้อตกลงพันธมิตรกับนิกายเงาไปแล้ว เขาไม่สามารถยอมจำนนต่อศัตรูได้อีก

เขาเหลือเส้นทางเพียงสายเดียว นั่นคือต่อสู้จนตัวตาย!

“หากมีความกล้าก็ตามข้ามาก!” หลิวชิงหยูหลบการโจมตีของฟางหยวนและกลายเป็นสายรุ้งพุ่งข้ามท้องฟ้า

“ไร้เดียวสา” ฟางหยวนเย้ยหยัน เขาขี้นิ้วไปที่หลิวชิงหยู

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปี!

อสูรปีงูฉีกกระชากห้วงมิติและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหลิวชิงหยูอย่างกะทันหัน

หลิวชิงหยูถูกปิดกั้นและไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป

ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติพุ่งเข้าปิดล้อมอยู่ด้านหลัง

แต่ในจังหวะนี้หลิวชิงหยูที่สูญสิ้นความหวังกลับระเบิดตัวเองพร้อมกับดวงวิญญาณอมตะของเขา

ฟางหยวนพยายามเก็บกู้ดวงวิญญาณของหลิวชิงหยูแต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงบางส่วนเท่านั้น

มิติช่องว่างของหลิวชิงหยูตกลงไปใต้ทะเลและกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์

ดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของเขากำลังจะแตกสลาย ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีการของนิกายเงา ฟางหยวนพยายามหลายวิธีแต่ยังไม่สามารถหยุดดวงวิญญาณจากการทำลายตัวมันเอง

ฟางหยวนเร่งค้นวิญญาณ

เขาพบความทรงจำหลายสิบชิ้น

โชคดีที่เขาเห็นฉากการพบกันระหว่างหลิวชิงหยูและกับดักที่อิงอู๋เซี่ยวางเอาไว้

“โอ้ หลังจากอิงอู๋เซี่ยรู้ว่าข้าครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาไม่ต้องการต่อสู้กับข้าแต่ใช้วิธีวางกับดักเพื่อชะลอการเติบโตของข้างั้นหรือ’

ความทรงจำอื่นของหลิวชิงหยูไร้ประโยชน์

สุดท้ายดวงวิญญาณของเขาก็แตกสลายไปอย่างสมบูรณ์

พลังงานแห่งเต๋าของหลิวชิงหยูถูกดึงเข้าสู่มิติช่องว่างของเขาไปแล้ว

ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาต้องการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากหลิวชิงหยู แต่การปล้นชิงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อมตะคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ประตูทางเข้าของมันจึงเปิดออก

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

หากฟางหยวนพลาดโอกาสนี้ มันจะยิ่งยากลำบากในอนาคต

ฟางหยวนเคยฉวยโอกาสเดียวกันนี้เพื่อเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวและรับผลประโยชน์มหาศาลมาแล้วในอดีต

ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องไม่พลาด!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท