เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1153

ตอนที่ 1153

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1153 การต่อสู้ระยะยาว

แปลโดย iPAT

กำแพงพลังงานสีฟ้าปิดบังวิสัยทัศน์ของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเอาไว้

มันคือกำแพงภูมิภาค!

ทะเลไหลเชี่ยวอยู่ใกล้กับกำแพงภูมิภาค ด้วยเหตุนี้เมื่อฟางหยวนเดินทางจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือ เขาจึงเข้าใกล้ทะเลไหลเชี่ยวและพบกับหลิวชิงหยู

อิงอู๋เซี่ยใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเดินทางมาที่นี่โดยตรง

“เราจะข้ามไปอีกครั้งงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ

“คนก่อนหน้านี้คือผู้ใด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม

“ศัตรู ศัตรูที่แข็งแกร่ง! อย่ามองเพียงการบ่มเพาะระดับหกของเขาเพราะแท้จริงแล้วเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด!” อิงอู๋เซี่ยมองไท่เป่ยหยุนเฉิงและเลือกที่จะเปิดเผยข้อมูลบางอย่าง

ไท่เป่ยหยุนเฉิงอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “พลังการต่อสู้ระดับแปด!”

ไห่ลั่วหลันแสร้งตกใจเช่นกัน “ไม่แปลกใจเลยที่เราต้องถอย”

ซื่อหนิวไม่กล่าวสิ่งใด

ไท่เป่ยหยุนเฉิงแสดงออกด้วยความโศกเศร้า “เห้อ…เนื่องจากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด หลิวชิงหยูคงจบสิ้นแล้ว น่าเสียดาย…”

“สามารถตายเพื่อนิกายเงาถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา” ซื่อหนิวกล่าว

“ไปเถอะ เขาอาจไล่ล่าพวกเรา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่สามารถท่องเที่ยวไปในสวรรค์ทั้งเก้า หากมันมาจากสวรรค์ทั้งเก้า มันจะสามารถเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาคได้อย่างอิสระ” ไห่ลั่วหลันลอบส่งข้อความเตือนอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยมองนางและตอบ “ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าตรวจสอบมาแล้ว อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนมาจากไห่ฟาน อินทรีย์ตัวนี้ถูกเลี้ยงไว้ในภาคเหนือ หากมันเข้าสู่กำแพงภูมิภาค มันจะถูกกดดัน ตอนนี้ถือว่าพวกเราค่อนข้างปลอดภัย”

“เป็นเช่นนั้น?” ไห่ลั่วหลันตะลึง

“ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใด? เราไม่สามารถกลับไปที่ภาคกลาง เราจะไปภาคใต้เลยหรือไม่?” ไห่ลั่วหลันถาม

อิงอู๋เซี่ยยิ้มก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณบางดวงออกมาจากร่างกาย

เขาหันหน้ามองไปยังทิศทางของทะเลไหลเชี่ยว

ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขาทำให้เกิดเสียงเบาๆ

ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของผู้อมตะทั้งสี่

“รอ” อิงอู๋เซี่ยกล่าวเพียงคำเดียว

“รอสิ่งใด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกสับสน

“รอศัตรู” อิงอู๋เซี่ยตอบ

ผู้อมตะอีกสามคนมองหน้ากันด้วยความงุนงง

ก่อนหน้านี้พวกเขารีบร้อนล่าถอยออกมา แล้วเหตุใดตอนนี้พวกเขาถึงต้องรอ? ศัตรูมีพลังการต่อสู้ระดับแปด พวกเขาจะรอให้ศัตรูมาฆ่างั้นหรือ?

การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไป “ข้าเข้าใจแล้ว!”

“มันคือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งถาม

ซื่อหนิวไม่ได้แสดงออกแต่ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไห่ลั่วหลันยิ้ม “ไม่อยากรู้งั้นหรือว่าเขารู้ตำแหน่งของพวกเราได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้เขารู้ที่อยู่ของพวกเขาอย่างชัดเจน”

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของซื่อหนิวเปลี่ยนไป

ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวเสียงต่ำ “ไห่ลั่วหลัน เจ้าหมายความว่ามีคนทรยศอยู่ในกลุ่มพวกเรางั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ พวกเราทั้งสี่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร? เว้นเพียงหลิวชิงหยูจะเป็นสายลับ เดี๋ยว! ข้อตกลงพันธมิตรถูกใช้ประโยชน์งั้นหรือ?”

“ความน่าจะเป็นที่บางคนจะทรยศมีต่ำมาก” อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ

เขามองไท่เป่ยหยุนเฉิง

แม้ไท่เป่ยหยุนเฉิงจะถูกขังไว้ในความมืดแต่เขาก็อยู่ภายใต้ข้อตกลงพันธมิตรของอิงอู๋เซี่ย เขาไม่สามารถทรยศ

“เหตุผลที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือเขามีวิธีตรวจสอบที่สามารถติดตามตำแหน่งของพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยกล่าว

“แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเราอยู่ในฐานทัพและแทบไม่ได้ออกมาภายนอก” ไท่เป่ยหยุนเฉิงขมวดคิ้ว

ไห่ลั่วหลันยิ้ม “วิญญาณอมตะมีอยู่มากมาย มีวิธีการที่ยอดเยี่ยมและไม่น่าเชื่ออยู่นับไม่ถ้วน”

“นั่นเป็นเรื่องจริง” ไท่เป่ยหยุนเฉิงพยักหน้า

ไห่ลั่วหลันกล่าวต่อ “หากเราไม่สามารถหาวิธีรับมือ ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ใด ศัตรูก็จะพบพวกเรา มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น”

“ดังนั้นนายท่านจึงตัดสินใจรออยู่ที่นี่เพื่อให้อีกฝ่ายใช้วิธีตรวจสอบของเขา ข้าเข้าใจแล้ว” ซื่อหนิวเข้าใจในที่สุด

ความคิดมากมายก่อตัวและพุ่งชนกันอยู่ในใจของอิงอู๋เซี่ย

แม้เขาจะอยู่ในร่างผีดิบอมตะและไม่สามารถคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เขามีวิธีการมากมายที่สามารถปิดข้อบกพร่องนี้

อิงอู๋เซี่ยคิดอย่างรวดเร็ว ‘ฟางหยวนใช้วิธีใดในการค้นหาตำแหน่งของข้า’

‘ข้ามาที่ทะเลตะวันออกอย่างลับๆ แล้วข้อมูลรั่วไหลได้อย่างไร? เขาสามารถหาตำแหน่งของข้าจากภาคเหนือได้อย่างไร?’

‘นั่นเป็นไปไม่ได้! กระทั่งผู้อมตะของวังสวรรค์ก็ไม่สามารถสรุปสิ่งใดหลังจากที่ข้าใช้ค่ายกลวิญญาณปกปิดร่องรอย’

‘ไม่ว่าสิ่งใดจะอยู่ในมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งนี้!’

เจตจำนงสวรรค์!

อิงอู๋เซี่ยมีคำตอบอยู่ในใจ

‘เมื่อข้าได้รับการแจ้งเตือนจากเจตจำนงสวรรค์ เป็นไปได้ที่ฟางหยวนจะได้รับการแจ้งเตือนในลักษณะเดียวกัน?’

สิ่งนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด

แต่อิงอู๋เซี่ยยังไม่พอใจกับคำตอบนี้

‘หากคนที่อยู่ในสถานการณ์นี้ไม่ใช่ข้าแต่เป็นฟางหยวน เขาจะทำอย่างไร? เขาจะคิดอย่างไร?’

‘เขาจะพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้’

‘แล้วสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่จะเป็นไปได้คือสิ่งใด?’

อิงอู๋เซี่ยถามตัวเองและได้รับคำตอบ ‘อีกฝ่ายมีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่สามารถทะลวงผ่านกำแพงภูมิภาคและยืนยันตำแหน่งของข้า’

อิงอู๋เซี่ยยิ้มเยาะ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขากลับแข็งค้าง

เขานึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง!

ฟางหยวนมีเบาะแสที่สำคัญที่สุดมาตลอด นั่นคือโชคที่เชื่อมต่อกันของพวกเขา

วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค!

แรกเริ่มอิงอู๋เซี่ยไม่มีทางเลือกและต้องขายวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคในสวรรค์สีเหลือง

หลังจากทำธุรกรรมกับฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยได้รับวัสดุในการหลอมรวมที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงนำวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกลับคืนมาจากสวรรค์สีเหลือง

แม้ฟางหยวนจะมีร่างกายใหม่แต่ผลกระทบของวิญญาณเชื่อมโยงโชคยังคงอยู่ ดังนั้นโชคของฟางหยวนจึงยังเชื่อมต่อกับโชคของไห่ลั่วหลัน

อิงอู๋เซี่ยได้รับข้อมูลมากมายจากนิกายเงาเกี่ยวกับวิธีการต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ มีประเด็นหนึ่งกล่าวว่าโชคชะตาเป็นเรื่องยากที่จะท้าทายแต่โชคสามารถใช้ประโยชน์

โชคเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเจตจำนงสวรรค์

แล้วผู้ใดโชคดีกว่ากัน?

โดยไม่ต้องคาดเดา มันเป็นฟางหยวนที่มีวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข!

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข อิงอู๋เซี่ยรู้เรื่องนี้จากผมที่หก

ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคเชื่อมต่อโชคกับไห่ลั่วหลัน

แม้ไห่ลั่วหลันจะไม่เต็มใจแต่นางก็ไม่สามารถต่อต้าน

ด้วยวิธีนี้อิงอู๋เซี่ยกับฟางหยวนจึงมีโชคที่เชื่อมต่อถึงกัน

‘หากเขาตระหนักถึงความสัมพันธ์นี้และใช้วิธีบนเส้นทางแห่งโชค แม้เราจะอยู่ต่างภูมิภาค เขาก็สามารถสัมผัสถึงการคงอยู่ของข้า กรณีนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก’

‘เส้นทางแห่งโชค…’

ร่างกายของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น

เขาเห็นมัน!

ด้วยการใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาเห็นโชคของเขาและโชคของไห่ลั่วหลันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย

‘ดังคาด! วิธีบนเส้นทางแห่งโชค! ฟางหยวนช่างน่าประทับใจนัก ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะใช้ประโยชน์จากมันได้จริงๆ แต่น่าเสียดายที่ข้าค้นพบวิธีการของเจ้าแล้ว’

ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายสดใส

อย่างไรก็ตามกระทั่งอิงอู๋เซี่ยจะรู้แต่เขาก็ไม่สามารถทำลายการเชื่อมต่อของโชค

เขาไม่มีวิญญาณอมตะตัดโชค

แต่เขามีวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณมากมาย บางทีมันอาจสามารถแทรกแซงโชค

เขาทดลองทีละอย่างแต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีนัก

โชคยังสั่นสะเทือน

ในความเป็นจริงอิงอู๋เซี่ยสามารถใช้วิธีกำจัดไห่ลั่วหลันได้โดยตรง

แต่แตกต่างจากหลิวชิงหยู ไห่ลั่วหลันเป็นตัวหมากที่ไม่สามารถโยนทิ้งโดยง่าย

นางมีคุณค่า หากสูญเสียนาง พวกเขาจะไม่สามารถแม้แต่ใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยนจึงล้มเลิกความคิดที่จะกำจัดนางทิ้งไป

‘เช่นนั้นการเข้าสู่มิติช่องว่างจะช่วยได้หรือไม่?’

อิงอู๋เซี่ยเข้าไปในมิติช่องว่างของซื่อหนิวและพบว่าด้วยการใช้วิธีนี้ผสานกับวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ โชคบนศีรษะของเขาหยุดสั่นสะเทือน

เขาสั่งให้ไห่ลั่วหลันเข้าสู่มิติช่องว่างของซื่อหนิว

จากนั้นไท่เป่ยหยุนเฉิงกับซื่อหนิงก็เข้าสู่กำแพงภูมิภาค

ด้านฟางหยวน เขาพึ่งออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคอีกครั้ง

เขาสัมผัสได้ถึงโชคที่เชื่อมต่อกับเขาจากหลายสถานที่

ทะเลตะวันออก ทะเลทรายตะวันตก และภาคใต้

ท่ามกลางสถานที่เหล่านั้น เขารู้สึกถึงการเชื่อมต่อโชคที่ชัดเจนจากทะเลตะวันออก

ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคมีระยะการตรวจสอบที่ยาวไกลมากแต่ผลกระทบของมันไม่โดดเด่นนัก หากไม่ใช่เพราะฟางหยวนเชื่อมต่อโชคเอาไว้ก่อนหน้า เขาจะไม่สามารถตรวจสอบข้ามภูมิภาค

“พวกเขาอยู่ที่ขอบกำแพงภูมิภาค ค่ายกลวิญญาณนี้ช่างน่าทึ่งนัก”

“ฮืม! แม้ชัยชนะเป็นเรื่องยากที่จะได้มา แต่ข้าจะไล่ล่าพวกเจ้า แม้ข้าจะไม่สามารถสังหารพวกเจ้า ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าอ่อนแอลง ตราบเท่าที่ข้าป้องกันไม่ให้พวกเขาสามารถช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ ชัยชนะจะเป็นของข้าในที่สุด”

“แปลก เหตุใดพวกเขาถึงหยุดเคลื่อนไหว?”

“หือ?”

ทันใดนั้นฟางหยวนพลันแสดงออกด้วยความประหลาดใจ

คนสองคนหายไปจากความรู้สึกของเขา

“โอ้ พวกเขารู้สึกตัวแล้ว ช่างรวดเร็วนัก” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

ด้วยวิธีนี้เขาจึงไม่สามารถไล่ล่าฝ่ายตรงข้าม

“แต่ตราบเท่าที่โชคยังเชื่อมต่อกัน พวกเจ้าจะถูกคุกคามจากท่าไม้ตายอมตะของข้า ข้าจะใช้ท่าไม้ตายนี้เป็นครั้งคราวเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของพวกเจ้า พวกเจ้าจงระวังตัวไว้ให้ดี เมื่อข้าพบพวกเจ้า พวกเจ้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล!”

“สิ่งนี้จะทำให้เกิดการต่อสู้ระยะยาว แต่หากพวกเจ้าทำลายการเชื่อมต่อโชค ฮ่าฮ่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการงั้นหรือ?”

“เอาล่ะ ลืมมันไปก่อน ตอนนี้ข้าควรจะไปรับรางวัลในทะเลไหลเชี่ยว”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท