เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1149

ตอนที่ 1149

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1149 ค้นหามรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

แปลโดย iPAT

ลมทะเลพัดไอน้ำขึ้นสู่อากาศ

ฟางหยวนนั่งอยู่บนก้อนเมฆและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกับตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

วิญญาณระดับมนุษย์ดวงนี้มาจากปิงเจา

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะที่ใช้หอกน้ำแข็งในการต่อสู้ระยะประชิดปิงเจาส่งจดหมายมาบอกฟางหยวนเกี่ยวกับความหมายของไข่มุกน้ำแข็งว่ามันไม่ใช่เพียงวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณแต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและบดขยี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

เมฆสีขาวพาเขาเดินทางข้ามผ่านท้องฟ้า สายลมพัดเส้นผมของเขาปลิวไปด้านหลังและเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลา

ฟางหยวนจะไม่รู้ความหมายของไข่มุกน้ำแข็งได้อย่างไร

อย่าลืมว่าเขามีชีวิตมาแล้วห้าร้อยปี แม้ระดับการบ่มเพาะของเขาจะไม่สูงนัก แต่ความรู้รอบตัวของเขาถือว่าไม่น้อย

ไม่เพียงไข่มุกน้ำแข็ง ฟางหยวนยังมีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มสุราของมนุษย์กลายพัฯธุ์

ระหว่างงานเลี้ยงครั้งก่อน ผมที่หกกล่าวหาว่าฟางหยวนไม่รู้จักวัฒนธรรมการดื่มของมนุษย์กลายพันธุ์ แต่ในความเป็นจริงฟางหยวนแสร้งไม่รู้เพื่อตรวจสอบทัศนคติของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินและมนุษย์หิมะเท่านั้น

บางครั้งการทำตัวไร้เดียงสาก็ทำให้พวกเขาเข้าใจหลายสิ่ง

เกี่ยวกับความหมายของไข่มุกน้ำแข็ง ฟางหยวนรู้ดี

การยอมรับไข่มุกน้ำแข็งคือการยอมรับความรักจากเสวี่ยเอ๋อ แต่หากเขาไม่ยอมรับมัน นั่นจะกลายเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มนั้น

แต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อ?

เรื่องนี้มีข้อเสียมากกว่าข้อดี

เผ่ามนุษย์หิมะยอมจำนนต่อฟางหยวนเพราะการคงอยู่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

แต่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลายเป็นไข่ไปแล้ว

แม้ฟางหยวนจะได้รับคริสตัลสวรรค์บางส่วนมาจากการแลกเปลี่ยนแต้มผลงานของนิกายหลางหยา แต่มันยังไม่เพียงพอ เขายังไม่สามารถฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

‘การแต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อจะผูกมัดข้ากับเผ่ามนุษย์หิมะด้วยข้อตกลงบางอย่าง ตอนนี้ข้ามีข้อตกลงกับนิกายหลางหยา ข้อตกลงกับชูตู๋ และข้อตกลงพันธมิตรสี่ฝ่าย อิสรภาพของข้าถูกจำกัดเป็นอย่างมาก หากข้าเพิ่มข้อตกลงเกี่ยวกับการแต่งงานเข้าไป มันจะเป็นเพียงการเพิ่มปัญหาให้กับตนเองเท่านั้น’

แม้ฟางหยวนจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงพันธมิตร แต่เขาก็ต้องรับภารกิจเพื่อตอบแทนฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน

ตัวอย่างเช่นหากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกโจมตี ฟางหยวนต้องเป็นกำลังเสริมให้กับพวกเขา

ดังนั้นหากฟางหยวนแต่งงานกับมนุษย์หิมะ เผ่ามนุษย์หิมะจะทำทุกอย่างเพื่อลดคุณค่าของเขา!

เมื่อเวลานั้นมาถึงฟางหยวนจะไม่สามารถดูแลตัวเอง

‘มนุษย์หิมะและมนุษย์หินอาศัยอยู่ใต้แดนน้ำแข็ง มนุษย์หินมีมังกรหินแรกกำเนิดระดับแปด ดังนั้นมนุษย์หิมะจึงต้องการให้เสวี่ยเอ๋อแต่งงานกับข้าที่มีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดระดับแปดเพื่อคานอำนาจกับเผ่ามนุษย์หิน’

เผ่ามนุษย์หินและเผ่ามนุษย์หิมะอาศัยอยู่รวมกันในพื้นที่เล็กๆ แล้วพวกเขาจะไม่มีความขัดแย้งได้อย่างไร? หลังจากทั้งหมดพวกเขาเป็นสองเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกัน

เนื่องจากสถานการณ์บังคับ พวกเขาจึงต้องอดทนและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

เผ่ามนุษย์หินมีมังกรหินแรกกำเนิด ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้ง เผ่ามนุษย์หิมะจะเป็นฝ่ายสูญเสีย แต่พวกเขาก็ต้องอดทนและยอมรับมัน

เผ่ามนุษย์หินมีสถานะสูงกว่า

สิ่งนี้เห็นได้ชัดจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างการสร้างสัญญาพันธมิตร

ตัวอย่างเช่นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินซื่อจงสามารถเป็นตัวแทนของผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ

‘หากข้าแต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อ นั่นหมายความว่าข้ากำลังเข้าข้างเผ่ามนุษย์หิมะและไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างสองเผ่าพันธุ์’

เมื่อเกิดความขัดแย้งภายใน เสวี่ยเอ๋อจะขอให้ฟางหยวนช่วยไกล่เกลี่ยขณะที่ฟางหยวนในฐานะพันธมิตรจะไม่สามารถปฏิเสธ

แต่เผ่ามนุษย์หินมีประโยชน์กับฟางหยวนมากกว่า

ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ในธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

ฟางหยวนจะทำลายความสัมพันธ์ของเขากับเผ่ามนุษย์หินเพียงเพราะหญิงผู้หนึ่งได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่การลดกำไรของเขาลงงั้นหรือ?

หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนไม่เพียงได้รับจดหมายจากปิงเจา เขายังได้รับจดหมายจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะ และผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินคนอื่นๆ

รวมทั้งเสวี่ยเอ๋อ

เจตนาของพวกเขาคือการผูกมัดฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดพลังการต่อสู้ระดับแปดน่าดึงดูดใจมากเกินไป

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฟางหยวนเดินทางออกจากภาคเหนือและมายังทะเลตะวันออกก็เป็นเพราะเรื่องนี้ เขาต้องการหลีกเลี่ยงปัญหามากมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

‘ข้าได้รับประโยชน์จากมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้แต่ความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งเกินไป เมื่อเกิดเหตุร้าย ข้าอาจตายไปพร้อมกับพวกเขา ข้าต้องกำจัดข้อตกลงพันธมิตรเพื่อให้ข้าสามารถถอนตัวได้อย่างอิสระ’ ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี

ยิ่งไปกว่านั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะรับชูตู๋เข้าร่วมนิกายหลางหยา นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงภัยคุกคาม

หากชูตู๋เข้าร่วมนิกายหลางหยาจริง มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานะของฟางหยวนในนิกายหลางหยา

เหตุผลที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องการชูตู๋อาจเป็นเพราะเขาพิจารณาถึงจุดนี้เช่นกัน

แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมอบภารกิจนี้ให้กับฟางหยวน แต่ฟางหยวนย่อมไม่โง่พอที่จะชักชวนชูตู๋ให้เข้าร่วมกับนิกายหลางหยา

‘มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออก…’ ฟางหยวนคิดถึงสิ่งนี้

นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาเดินทางมาที่นี่

หากฟางหยวนได้รับมรดกนี้ เขาจะสามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตรและนั่นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตามการรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลยังเป็นเป้าหมายรอง ฟางหยวนมีเป้าหมายหลักอีกหนึ่งประการ

หลายวันต่อมา

ทะเลไหลเชี่ยว

‘ข้ายอมแพ้ ไว้ชีวิตข้าด้วย!” หลิวชิงหยูคุกเข่าลงด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและยังมีสหายเป็นผู้อมตะระดับหกอีกสามคน

แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะถูกซุ่มโจมตีบริเวณทะเลไหลเชี่ยวแห่งนี้ ตอนนี้ผู้อมตะระดับหกทั้งสามเสียชีวิตไปแล้ว

ศัตรูของเขาเป็นผู้อมตะลึกลับสี่คน

หลิวชิงหยูมีความรู้กว้างขวางแต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการคงอยู่ของผู้อมตะลึกลับทั้งสี่ในทะเลตะวันออก

ทั้งสี่ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

คนที่มีระดับการบ่มเพาะสูงสุดปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมา นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน

อีกสามคนเป็นผู้อมตะระดับหก หนึ่งเป็นผู้อมตะหญิงที่งดงาม อีกหนึ่งเป็นชายชราที่ดูเป็นมิตร และคนสุดท้ายเป็นผีดิบอมตะที่ดูธรรมดามาก

แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเขาก็เป็นผู้อมตะที่แข็งแกร่งทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หลิวชิงหยูประหลาดใจก็คือผู้นำของพวกเขาไม่ใช่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิน ผู้อมตะหญิง หรือผู้อมตะชรา แต่เป็นผีดิบอมตะระดับหกที่ดูธรรมดาผู้นั้น!

“ยอมแพ้งั้นหรือ? ฮ่าฮ่า เจ้ารู้จักว่าสิ่งใดดีต่อตนเองจริงๆ” ผีดิบอมตะระดับหกลูบคางและหัวเราะเบาๆ

หากฟางหยวนอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ว่าคนผู้นี้คือผู้ใด

ถูกต้อง เขาก็คืออิงอู๋เซี่ย!

“ฮืม ขี้ขลาด ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เราควรฆ่าเขาและให้ซื่อหนิวดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีจากเขา” ไห่ลั่วหลันกล่าวโดยมีเปลวเพลิงสีส้มลุกไหม้ขึ้นบนร่างกาย

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินซื่อหนิวมองอิงอู๋เซี่ยและกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าจะทำตามคำสั่งของนายท่าน”

“ไม่ ไม่!” หลิวชิงหยูตะโกนด้วยความร้อนรน “แม้ข้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่วิญญาณอมตะของข้าเป็นวิญญาณอมตะระดับหกเท่านั้น เทพธิดาผู้นี้มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟอีกมากมาย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้าจะไม่สามารถเอาชนะ!”

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะและโบกมือ “ตอนนี้นิกายเงากำลังขาดกำลังคน ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า อย่าต่อต้าน ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อทำสัญญาพันธมิตร!”

“ขอบพระคุณนายท่านที่ไว้ชีวิต ขอบพระคุณนายท่านที่ไว้ชีวิต!” หลิวชิงหยูกรีดร้องอย่างมีความสุข

สัญญาพันธมิตรของอิงอู๋เซี่ยเข้มงวดมากแต่หลิวชิงหยูไม่สนเพราะเขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น

‘มันเป็นทักษะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ…’ ไห่ลั่วหลันสังเกตจากด้านข้าง อิงอู๋เซี่ยใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเพื่อเลียนแบบวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล

“จากนี้ไปเจ้าจะเป็นสมาชิกของนิกายเงา ลุกขึ้น” หลังจากทำข้อตกลง อิงอู๋เซี่ยจึงเผยรอยยิ้มพึงพอใจ

“นายท่าน ข้าขอมอบวิญญาณอมตะของข้าให้ท่าน” หลิวชิงหยูนำวิญญาณอมตะสองดวงออกมาและชูขึ้นเหนือศีรษะ

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “ข้าไม่สนวิญญาณอมตะของเจ้า เจ้าสามารถเก็บพวกมันเอาไว้ ในอนาคตหากเจ้าทำงานได้ดี ข้าจะมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดให้เจ้าหรือกระทั่งมรดกที่แท้จริงก็ไม่ใช่ปัญหา”

“ขอบพระคุณนายท่าน ขอบพระคุณสำหรับความเมตตา!” หลิวชิงหยูหลั่งน้ำตาด้วยความสุข

“ที่นี่มีเกาะอยู่มากมาย เหตุใดเจ้าถึงมาที่เกาะแห่งนี้?” อิงอู๋เซี่ยถามด้วยความสงสัย

หลิวชิงหยูเผยรอยยิ้มขมขื่น “นายท่าน ทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดของข้า ข้าเพียงพยายามหาที่พัก เห้อ…ข้าต้องอธิบายตั้งแต่ต้น ในทะเลไหลเชี่ยวข้าพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล…”

ปรากฏว่าในเวลานั้นหลิวชิงหยูไล่ตามปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดเพราะต้องการเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูล สุดท้ายเขาสังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแต่กลับไม่ได้รับผลประโยชน์ นอกจากนั้นยังถูกผู้อมตะระดับเจ็ดอีกสองคนสงสัย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาคิดว่าฟางหยวนเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดและยังคิดว่าเบาะแสอยู่ในมือของฟางหยวน

หลิวชิงหยูไม่สามารถละทิ้งเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงนำกลุ่มผู้อมตะจำนวนหนึ่งออกเดินทางสืบหาเบาะแสหรือรอให้ฟางหยวนปรากฏตัวอีกครั้ง

หลังจากได้ยินเรื่องราวของหลิวชิงหยู ไห่ลั่วหลัน อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆจึงเผยรอยยิ้ม

หลิวชิงหยูผู้นี้โชคร้ายเกินไป

เขาต้องการหาที่พักแต่สุดท้ายเขากลับมายังฐานทัพของนิกายเงา

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เดี๋ยว! ผู้อมตะที่เจ้าสงสัยก่อนหน้านี้มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท