เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1161 ทดสอบวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า
แปลโดย iPAT
วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!
แสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน
ฟางหยวนให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ
มันไม่ปลอดภัยหากผู้ใช้วิญญาณใช้วิญญาณที่ไม่รู้จัก ยิ่งระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งอันตราย
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า แม้เขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานมาแล้วแต่เขายังต้องระวังตัว
แสงดาวส่องประกายระยิบระยับขึ้นร่างกายของฟางหยวน
หลังจากชั่วครู่แสงสว่างเหล่านั้นจึงเลือนหายไป
แต่ในความคิดของฟางหยวน มีข้อมูลบางอย่างปรากฏขึ้น เขาสามารถมองเห็นจำนวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในร่างกายของเขา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีอยู่มากที่สุดคือเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง มันมีถึงหนึ่งหมื่นหกพันร่องรอย
ฟางหยวนได้เรียนรู้สิ่งนี้และทำให้หัวใจของเขาพองโตขึ้น
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งร้อยร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะได้สิบส่วน หนึ่งพันร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะได้เท่าตัว หนึ่งหมื่นร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของพลังงานอมตะได้สิบเท่า
นั่นหมายความว่าฟางหยวนสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งได้ถึงสิบหกเท่า
สิ่งสำคัญก็คือการปลดปล่อยพลังอำนาจของวิญญาณอมตะสิบหกเท่าไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ฟางหยวนสามารถใช้พลังงานอมตะเท่ากับผู้อมตะคนอื่นๆ
สิ่งนี้แตกต่างจากเมืองจิ๋ว แม้ท่าไม้ตายอมตะจะแข็งแกร่งขึ้นร้อยเท่าแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน กล่าวคือเขาต้องจ่ายพลังงานอมตะมากขึ้นเกือบร้อยเท่า!
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้อมตะระดับสูงกว่ามีพลังการต่อสู้สูงกว่า
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีมากเป็นอันดับสองของฟางหยวนคือเส้นทางแห่งโชค มันมีอยู่หนึ่งหมื่นห้าพันร่องรอย!”
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคส่วนใหญ่ได้รับมาจากเฟิงจุน คนผู้นี้มีรากฐานที่ยอดเยี่ยม เขาขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจำนวนมากจากที่นั่น’
‘โอ้ ถูกต้อง ภัยพิบัติพิภพราชันพฤกษาเพลิงทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคเช่นกัน’
ต่อจากเส้นทางแห่งโชคคือเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งเสียง
ทั้งสองเส้นทางมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งหมื่นสามพันร่องรอย
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณส่วนใหญ่มาจากฉีช่าย เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งพลังปราณ’
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงมาจากถังซ่ง เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นกัน นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของกองกำลังใหญ่ในทะเลตะวันออก’
ถัดมาเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือด มันมีอยู่หนึ่งหมื่นสองพันร่องรอย พวกมันมาจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เฉิงเทา
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกฎมีหนึ่งหมื่นสองพันร่องรอย พวกมันมาจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เฉินไค
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีมีประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันร่องรอย พวกมันมาจากเจาลี่ ผู้บ่มเพาะสันโดษแห่งทะเลตะวันออก
สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่ง พวกมันมีอยู่เกือบหนึ่งหมื่นร่องรอย
นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายอื่นปะปนกันไป
ตัวอย่างเช่นเส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งไม้ หรือเส้นทางแห่งอาหาร
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้มาจากภัยพิบัตพิภพ บุปผาวายุและวิหคหยกเขียวมอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้และวายุให้ข้า สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งอาหาร ข้าเดาว่ามันมาจากภัยพิบัติฝนน้ำเกลือ’
มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งกาลเวลา และเส้นทางแห่งข้อมูลอยู่เล็กน้อย
‘ก่อนหน้านี้ข้าเข้าร่วมกับพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีเพื่อสร้างข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูล มันทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนหนึ่ง’
‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกมันน่าจะมาจากท่าไม้ตายอมตะข้อตกลงหนึ่งร้อยปีที่ข้าใช้สร้างข้อตกลงกับชูตู๋’
‘สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกมันต้องมาจากข้อตกลงพันธมิตรของนิกายหลางหยา’
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีน้อยที่สุดคือเส้นทางแห่งภูตผี มันยังมีเพียงหนึ่งร้อยร่องรอยเท่านั้น นี่เป็นจำนวนเริ่มต้นของร่างทารกอมตะ
ฟางหยวนพิจารณาตัวเลขเหล่านี้และสามารถสรุป
เส้นทางแห่งหิมะและน้ำเข็งมีมากที่สุด ตามมาด้วยเส้นทางแห่งโชค เส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางแห่งเสียง เส้นทางแห่งกฎ เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางแห่งเลือด พวกมันมีมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย
ต่อมาคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่ง
สุดท้ายคือเส้นทางแห่งอาหาร เส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งไม้ เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งกาลเวลา และอื่นๆ
‘ข้าต่อสู้โดยใช้วิธีบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลัก ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นส่วนสนับสนุน’
‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายคือเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง’
ฟางหยวนพิจารณาสถานการณ์ของตนเองและรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เขามีมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิธีที่เขาใช้ต่อสู้และเส้นทางความสำเร็จระดับปรมาจารย์ทั้งห้าสาย
ตามแผนการบ่มเพาะดั่งเดิมของฟางหยวน เขาต้องการมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
แต่ตอนนี้เขาเข้าร่วมพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ แผนการของเขาจึงมีอุปสรรคมากมาย เขาไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือได้อีกต่อไป นี่ทำให้ฟางหยวนไม่สามารถดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา หากเขาไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากภัยพิบัติ เขาจะก้าวหน้าต่อไปได้อย่างไร
ฟางหยวนครุ่นคิด
‘ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางหลักของตนประมาณหนึ่งหมื่นร่องรอยหรือมากกว่านั้น’
‘ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาเพียงสี่ครั้งแต่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งถึงหนึ่งหมื่นหกพันร่องรอย ขณะเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่งของข้ากลับมีแทบไม่ถึงหนึ่งหมื่นร่องรอย เส้นทางสายอื่นยิ่งมีน้อยกว่า’
เห็นได้ชัดว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่สอดคล้องและสนับสนุนเขา
ผู้อมตะที่บรรลุระดับเจ็ดต้องผ่านภัยพิบัติพิภพมาแล้วประมาณห้าสิบครั้ง ภัยพิบัติสวรรค์ประมาณห้าครั้ง และภัยพิบัติใหญ่หนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้น
ด้วยวิธีนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางหลักของพวกเขาจะบรรลุถึงระดับหนึ่งหมื่นร่องรอย
ฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาเพียงสี่ครั้งแต่เขากลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสามเท่า
ยิ่งภัยพิบัติรุนแรงมากเท่าใด ผู้อมตะก็จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากเท่านั้น
ผู้อมตะทั่วไปจะพบกับภัยพิบัติที่ง่ายกว่าฟางหยวน เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด พวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย
ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงกว่าและมีมิติช่องว่างระดับสูงกว่าจะได้รับโชคลาภที่ยิ่งใหญ่กว่าจากภัยพิบัติที่รุนแรงกว่า
สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนในโลกใบนี้!
แม้มิติช่องว่างจักรพรรดิจะมีทรัพยากรไม่มากแต่ภัยพิบัติพิภพที่รุนแรงถึงขีดสุดทำให้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล
เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ต้องการสังหารฟางหยวน ภัยพิบัติที่ฟางหยวนต้องเผชิญจึงถูกยกระดับขึ้นจนถึงขีดจำกัด
‘แม้พัฒนาการและวิธีการต่อสู้ของข้าจะไม่สอดคล้องกันแต่การเพิ่มขึ้นของพลังงานแห่งเต๋าก็เป็นสิ่งที่ดี หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง รากฐานของข้าจะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนรู้สึกว่าความยากลำบากและการทำงานหนักทั้งหมดที่ผ่านมาคุ้มค่ามาก
กระทั่งทัศนคติของเขาต่อภัยพิบัติพิภพก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
กล่าวได้ว่าภัยพิบัติพิภพแต่ละครั้งคือโอกาสที่ดีที่จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
‘หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพอีกสองหรือสามครั้ง ข้าจะก้าวหน้าขึ้นอีกเท่าใด? รากฐานของข้าจะเติบโตขึ้นอีกเพียงใด?’ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถประเมินสิ่งนี้
มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินมาตรฐาน
ศักยภาพและความเร็วในการเติบโตของเขาไม่สามารถประเมินได้ด้วยวิธีปกติ!
จำนวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ฟางหยวนได้รับจากภัยพิบัติพิภพทั้งสี่ครั้งของเขากระทั่งเหนือกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดบนเส้นทางสายหลักของผู้อมตะระดับเจ็ด!
หลังจากตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของตนเอง ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะบางดวงออกมาและใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบมัน
แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล
เขาตระหนักว่า ‘มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด วิญญาณคือแก่นแท้ของสวรรค์พิภพ วิญญาณระดับมนุษย์มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพียงเล็กน้อยขณะที่วิญญาณอมตะบรรจุพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าสามารถตรวจสอบเพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ไม่สามารถตรวจสอบพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่’
เมื่อฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบวิญญาณระดับมนุษย์ มันได้ผล
แต่การทดสอบของฟางหยวนยังไม่จบสิ้น
จากนั้นฟางหยวนยังนำทรัพยากรอมตะออกมาและใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบพวกมัน
เขาตระหนักว่าแม้เขาจะสามารถตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในทรัพยากรอมตะเหล่านี้แต่เขาต้องจ่ายพลังงานอมตะมากขึ้นเมื่อมันเป็นทรัพยากรอมตะระดับสูงขึ้น
‘วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เมื่อใช้มันตรวจสอบทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าหากเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางสายอื่น สำหรับการตรวจสอบทรัพยากรอมตะที่ขัดแย้งกับเส้นทางแห่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายของมันจะสูงขึ้น’
‘เหตุใดการใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋ากับร่างกายของข้าจึงไม่ทำให้ข้าเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มันเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้าไม่ขัดแย้งกับมันงั้นหรือ?’
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
ความไม่ขัดแย้งกันระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของร่างทารกอมตะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
โดยปกติเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายบนเส้นทางสายอื่นของศัตรู พลังอำนาจของพวกมันจะลดลงเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกันบนร่างของเป้าหมาย แต่ฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจเต็มรูปแบบจากการโจมตีของศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นร่างทารกอมตะยิ่งจะส่งเสริมพลังอำนาจของท่าไม้ตายที่ศัตรูโจมตีเข้ามาอีกด้วย
นี่ทำให้ฟางหยวนไม่สามารถต่อสู้ระยะประชิด
ร่างกายของเขาเหมาะสมกับการต่อสู้ระยะไกล เมื่อมีระยะห่าง เขาจะสามารถคิดและหลบเลี่ยงการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
‘วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าไม่สามารถใช้กับวิญญาณอมตะ เมื่อใช้มันกับทรัพยากรอมตะ ข้ายังต้องคำนึงถึงความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า สรุปแล้วมันมีประโยชน์ไม่มาก’ ฟางหยวนสรุปหลังจากทดลองใช้งาน
ในปัจจุบันเขาคิดได้เพียงสามวิธีในการใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า
หนึ่ง ใช้มันตรวจสอบทรัพยากรอมตะเพื่อป้องกันการถูกผู้อื่นหลอกลวง
สอง ใช้มันตรวจสอบรากฐานและความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม แต่มันใช้เวลาค่อนข้างนานและง่ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะค้นพบ
สาม ใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
สามารถมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นี่จะเป็นข้อได้เปรียบระหว่างการหลอมรวมวิญญาณอมตะ
อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าไม่สามารถค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดของพลังงานแห่งเต๋าหรือส่งอิทธิพลต่อพวกมัน ดังนั้นการใช้งานมันจึงมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก
แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็อนุญาตให้ผู้อมตะเปลี่ยนสถานะจากคนตาบอดเป็นคนที่หลับตาได้