เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1161

ตอนที่ 1161

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1161 ทดสอบวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า

แปลโดย iPAT

วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า!

แสงสีฟ้าส่องประกายขึ้นบนร่างกายของฟางหยวน

ฟางหยวนให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ

มันไม่ปลอดภัยหากผู้ใช้วิญญาณใช้วิญญาณที่ไม่รู้จัก ยิ่งระดับสูงเท่าใด มันก็ยิ่งอันตราย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า แม้เขาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานมาแล้วแต่เขายังต้องระวังตัว

แสงดาวส่องประกายระยิบระยับขึ้นร่างกายของฟางหยวน

หลังจากชั่วครู่แสงสว่างเหล่านั้นจึงเลือนหายไป

แต่ในความคิดของฟางหยวน มีข้อมูลบางอย่างปรากฏขึ้น เขาสามารถมองเห็นจำนวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในร่างกายของเขา

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีอยู่มากที่สุดคือเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง มันมีถึงหนึ่งหมื่นหกพันร่องรอย

ฟางหยวนได้เรียนรู้สิ่งนี้และทำให้หัวใจของเขาพองโตขึ้น

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งร้อยร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะได้สิบส่วน หนึ่งพันร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะได้เท่าตัว หนึ่งหมื่นร่องรอยสามารถขยายพลังอำนาจของพลังงานอมตะได้สิบเท่า

นั่นหมายความว่าฟางหยวนสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งได้ถึงสิบหกเท่า

สิ่งสำคัญก็คือการปลดปล่อยพลังอำนาจของวิญญาณอมตะสิบหกเท่าไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ฟางหยวนสามารถใช้พลังงานอมตะเท่ากับผู้อมตะคนอื่นๆ

สิ่งนี้แตกต่างจากเมืองจิ๋ว แม้ท่าไม้ตายอมตะจะแข็งแกร่งขึ้นร้อยเท่าแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน กล่าวคือเขาต้องจ่ายพลังงานอมตะมากขึ้นเกือบร้อยเท่า!

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้อมตะระดับสูงกว่ามีพลังการต่อสู้สูงกว่า

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีมากเป็นอันดับสองของฟางหยวนคือเส้นทางแห่งโชค มันมีอยู่หนึ่งหมื่นห้าพันร่องรอย!”

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคส่วนใหญ่ได้รับมาจากเฟิงจุน คนผู้นี้มีรากฐานที่ยอดเยี่ยม เขาขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจำนวนมากจากที่นั่น’

‘โอ้ ถูกต้อง ภัยพิบัติพิภพราชันพฤกษาเพลิงทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคเช่นกัน’

ต่อจากเส้นทางแห่งโชคคือเส้นทางแห่งพลังปราณและเส้นทางแห่งเสียง

ทั้งสองเส้นทางมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งหมื่นสามพันร่องรอย

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณส่วนใหญ่มาจากฉีช่าย เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งพลังปราณ’

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเสียงมาจากถังซ่ง เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นกัน นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของกองกำลังใหญ่ในทะเลตะวันออก’

ถัดมาเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเลือด มันมีอยู่หนึ่งหมื่นสองพันร่องรอย พวกมันมาจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เฉิงเทา

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกฎมีหนึ่งหมื่นสองพันร่องรอย พวกมันมาจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เฉินไค

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีมีประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันร่องรอย พวกมันมาจากเจาลี่ ผู้บ่มเพาะสันโดษแห่งทะเลตะวันออก

สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่ง พวกมันมีอยู่เกือบหนึ่งหมื่นร่องรอย

นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายอื่นปะปนกันไป

ตัวอย่างเช่นเส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งไม้ หรือเส้นทางแห่งอาหาร

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้มาจากภัยพิบัตพิภพ บุปผาวายุและวิหคหยกเขียวมอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไม้และวายุให้ข้า สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งอาหาร ข้าเดาว่ามันมาจากภัยพิบัติฝนน้ำเกลือ’

มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งกาลเวลา และเส้นทางแห่งข้อมูลอยู่เล็กน้อย

‘ก่อนหน้านี้ข้าเข้าร่วมกับพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ พวกเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปฐพีเพื่อสร้างข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูล มันทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนหนึ่ง’

‘ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกมันน่าจะมาจากท่าไม้ตายอมตะข้อตกลงหนึ่งร้อยปีที่ข้าใช้สร้างข้อตกลงกับชูตู๋’

‘สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกมันต้องมาจากข้อตกลงพันธมิตรของนิกายหลางหยา’

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีน้อยที่สุดคือเส้นทางแห่งภูตผี มันยังมีเพียงหนึ่งร้อยร่องรอยเท่านั้น นี่เป็นจำนวนเริ่มต้นของร่างทารกอมตะ

ฟางหยวนพิจารณาตัวเลขเหล่านี้และสามารถสรุป

เส้นทางแห่งหิมะและน้ำเข็งมีมากที่สุด ตามมาด้วยเส้นทางแห่งโชค เส้นทางแห่งพลังปราณ เส้นทางแห่งเสียง เส้นทางแห่งกฎ เส้นทางแห่งวารี และเส้นทางแห่งเลือด พวกมันมีมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย

ต่อมาคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่ง

สุดท้ายคือเส้นทางแห่งอาหาร เส้นทางแห่งวายุ เส้นทางแห่งไม้ เส้นทางแห่งปฐพี เส้นทางแห่งกาลเวลา และอื่นๆ

‘ข้าต่อสู้โดยใช้วิธีบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งกาลเวลาเป็นหลัก ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นส่วนสนับสนุน’

‘ข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายคือเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง’

ฟางหยวนพิจารณาสถานการณ์ของตนเองและรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เขามีมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอยแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิธีที่เขาใช้ต่อสู้และเส้นทางความสำเร็จระดับปรมาจารย์ทั้งห้าสาย

ตามแผนการบ่มเพาะดั่งเดิมของฟางหยวน เขาต้องการมุ่งหน้าสู่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

แต่ตอนนี้เขาเข้าร่วมพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ แผนการของเขาจึงมีอุปสรรคมากมาย เขาไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือได้อีกต่อไป นี่ทำให้ฟางหยวนไม่สามารถดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา หากเขาไม่ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากภัยพิบัติ เขาจะก้าวหน้าต่อไปได้อย่างไร

ฟางหยวนครุ่นคิด

‘ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางหลักของตนประมาณหนึ่งหมื่นร่องรอยหรือมากกว่านั้น’

‘ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาเพียงสี่ครั้งแต่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งถึงหนึ่งหมื่นหกพันร่องรอย ขณะเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและเส้นทางความแข็งแกร่งของข้ากลับมีแทบไม่ถึงหนึ่งหมื่นร่องรอย เส้นทางสายอื่นยิ่งมีน้อยกว่า’

เห็นได้ชัดว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่สอดคล้องและสนับสนุนเขา

ผู้อมตะที่บรรลุระดับเจ็ดต้องผ่านภัยพิบัติพิภพมาแล้วประมาณห้าสิบครั้ง ภัยพิบัติสวรรค์ประมาณห้าครั้ง และภัยพิบัติใหญ่หนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้น

ด้วยวิธีนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางหลักของพวกเขาจะบรรลุถึงระดับหนึ่งหมื่นร่องรอย

ฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพมาเพียงสี่ครั้งแต่เขากลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสามเท่า

ยิ่งภัยพิบัติรุนแรงมากเท่าใด ผู้อมตะก็จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากเท่านั้น

ผู้อมตะทั่วไปจะพบกับภัยพิบัติที่ง่ายกว่าฟางหยวน เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด พวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักมากกว่าหนึ่งหมื่นร่องรอย

ผู้ที่มีพรสวรรค์สูงกว่าและมีมิติช่องว่างระดับสูงกว่าจะได้รับโชคลาภที่ยิ่งใหญ่กว่าจากภัยพิบัติที่รุนแรงกว่า

สถานการณ์ของฟางหยวนเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนในโลกใบนี้!

แม้มิติช่องว่างจักรพรรดิจะมีทรัพยากรไม่มากแต่ภัยพิบัติพิภพที่รุนแรงถึงขีดสุดทำให้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล

เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์ต้องการสังหารฟางหยวน ภัยพิบัติที่ฟางหยวนต้องเผชิญจึงถูกยกระดับขึ้นจนถึงขีดจำกัด

‘แม้พัฒนาการและวิธีการต่อสู้ของข้าจะไม่สอดคล้องกันแต่การเพิ่มขึ้นของพลังงานแห่งเต๋าก็เป็นสิ่งที่ดี หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง รากฐานของข้าจะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว’

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนรู้สึกว่าความยากลำบากและการทำงานหนักทั้งหมดที่ผ่านมาคุ้มค่ามาก

กระทั่งทัศนคติของเขาต่อภัยพิบัติพิภพก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

กล่าวได้ว่าภัยพิบัติพิภพแต่ละครั้งคือโอกาสที่ดีที่จะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

‘หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพอีกสองหรือสามครั้ง ข้าจะก้าวหน้าขึ้นอีกเท่าใด? รากฐานของข้าจะเติบโตขึ้นอีกเพียงใด?’ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถประเมินสิ่งนี้

มิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่โตเกินมาตรฐาน

ศักยภาพและความเร็วในการเติบโตของเขาไม่สามารถประเมินได้ด้วยวิธีปกติ!

จำนวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ฟางหยวนได้รับจากภัยพิบัติพิภพทั้งสี่ครั้งของเขากระทั่งเหนือกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดบนเส้นทางสายหลักของผู้อมตะระดับเจ็ด!

หลังจากตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของตนเอง ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะบางดวงออกมาและใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบมัน

แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล

เขาตระหนักว่า ‘มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด วิญญาณคือแก่นแท้ของสวรรค์พิภพ วิญญาณระดับมนุษย์มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพียงเล็กน้อยขณะที่วิญญาณอมตะบรรจุพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่ วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าสามารถตรวจสอบเพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ไม่สามารถตรวจสอบพลังงานแห่งเต๋าที่ยิ่งใหญ่’

เมื่อฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบวิญญาณระดับมนุษย์ มันได้ผล

แต่การทดสอบของฟางหยวนยังไม่จบสิ้น

จากนั้นฟางหยวนยังนำทรัพยากรอมตะออกมาและใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบพวกมัน

เขาตระหนักว่าแม้เขาจะสามารถตรวจสอบร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ในทรัพยากรอมตะเหล่านี้แต่เขาต้องจ่ายพลังงานอมตะมากขึ้นเมื่อมันเป็นทรัพยากรอมตะระดับสูงขึ้น

‘วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล เมื่อใช้มันตรวจสอบทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าหากเปรียบเทียบกับทรัพยากรอมตะบนเส้นทางสายอื่น สำหรับการตรวจสอบทรัพยากรอมตะที่ขัดแย้งกับเส้นทางแห่งข้อมูล ค่าใช้จ่ายของมันจะสูงขึ้น’

‘เหตุใดการใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋ากับร่างกายของข้าจึงไม่ทำให้ข้าเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น มันเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้าไม่ขัดแย้งกับมันงั้นหรือ?’

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

ความไม่ขัดแย้งกันระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของร่างทารกอมตะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

โดยปกติเมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายบนเส้นทางสายอื่นของศัตรู พลังอำนาจของพวกมันจะลดลงเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ขัดแย้งกันบนร่างของเป้าหมาย แต่ฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจเต็มรูปแบบจากการโจมตีของศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นร่างทารกอมตะยิ่งจะส่งเสริมพลังอำนาจของท่าไม้ตายที่ศัตรูโจมตีเข้ามาอีกด้วย

นี่ทำให้ฟางหยวนไม่สามารถต่อสู้ระยะประชิด

ร่างกายของเขาเหมาะสมกับการต่อสู้ระยะไกล เมื่อมีระยะห่าง เขาจะสามารถคิดและหลบเลี่ยงการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

‘วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าไม่สามารถใช้กับวิญญาณอมตะ เมื่อใช้มันกับทรัพยากรอมตะ ข้ายังต้องคำนึงถึงความขัดแย้งระหว่างร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า สรุปแล้วมันมีประโยชน์ไม่มาก’ ฟางหยวนสรุปหลังจากทดลองใช้งาน

ในปัจจุบันเขาคิดได้เพียงสามวิธีในการใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า

หนึ่ง ใช้มันตรวจสอบทรัพยากรอมตะเพื่อป้องกันการถูกผู้อื่นหลอกลวง

สอง ใช้มันตรวจสอบรากฐานและความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม แต่มันใช้เวลาค่อนข้างนานและง่ายที่ฝ่ายตรงข้ามจะค้นพบ

สาม ใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

สามารถมองเห็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นี่จะเป็นข้อได้เปรียบระหว่างการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าไม่สามารถค้นหาตำแหน่งที่แน่ชัดของพลังงานแห่งเต๋าหรือส่งอิทธิพลต่อพวกมัน ดังนั้นการใช้งานมันจึงมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก

แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็อนุญาตให้ผู้อมตะเปลี่ยนสถานะจากคนตาบอดเป็นคนที่หลับตาได้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท