เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1162

ตอนที่ 1162

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1162 กับดักจิตวิญญาณ (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT

หลังจากทดสอบวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า ฟางหยวนกลับไปบ่มเพาะจิตวิญญาณอีกครั้ง

เขาบินออกจากเมืองเมฆาและมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเหล่าโป

อย่างไรก็ตามเขายังกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ที่ภาคใต้น้อย ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินไปยังยอดเขาเล็กๆลูกหนึ่ง

ฟางหยวนตั้งชื่อภูเขาลูกนี้ว่าภูเขาผนึกสวรรค์

แม้ชื่อจะฟังดูยิ่งใหญ่แต่ภูเขาลูกนี้กลับดูธรรมดามาก อย่างไรก็ตามมันเป็นสถานที่ผนึกร่างเดิมของเขาเอาไว้

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมาถึงจุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณปิดผนึก

ร่างเดิมของฟางหยวนเป็นผีดิบอมตะสูงหกเมตร มีปีกค้างคาวขนาดเล็กอยู่บนแผ่นหลัง ใบหน้าของมันเป็นสีเขียว มีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก และมีแขนที่แตกต่างกันแปดข้าง กล่าวได้ว่าภาพลักษณ์ของมันดูน่าสยดสยองมาก

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋ากับร่างเดิมของฟางหยวน

ครู่ต่อมาฟางหยวนจึงได้รับข้อมูลที่เขาต้องการ ‘มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับมัน!’

อิงอูเซี่ยทิ้งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเอาไว้ในร่างเดิมของฟางหยวนประมาณหนึ่งหมื่นร่องรอย มันกระทั่งเหนือกว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ร่างเดิมของฟางหยวนมีอยู่

ฟางหยวนนำบางสิ่งออกมาจากร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

มันคือดวงวิญญาณของผู้อมตะ

“โปรดไว้ชีวิตข้า!’

‘ข้าจะยอมรับท่านเป็นเจ้านาย โปรดไว้ชีวิตข้า!’ ดวงวิญญาณดวงนี้กรีดร้องอย่างหนักราวกับมันรู้สึกถึงวันโลกาวินาศของตนเอง

ฟางหยวนไม่สนใจและใช้กรงเล็บของผีดิบอมตะบังคับไม่ให้ดวงวิญญาณดวงนี้เคลื่อนไหว

แต่ดวงวิญญาณดวงนี้ยังสามารถกรีดร้องด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุก

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งค่อยๆส่งดวงวิญญาณดวงนี้เข้าไปในร่างเดิมของฟางหยวน

มันไม่เต็มใจแต่ฟางหยวนยังบังคับให้มันเข้าไป

หลังจากดวงวิญญาณเข้าสู่ร่างเดิมของฟางหยวน มันเริ่มสั่นสะเทือนก่อนจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

ในไม่ช้าร่างเดิมของฟางหยวนก็เปิดเปลือกตาขึ้น

“โฮก…”

เขาอ้าปากคำรามราวกับเสียงฟ้าร้อง

แต่ด้วยค่ายกลวิญญาณปิดผนึก ร่างเดิมของเขาจึงไม่สามารถขยับเขยื้อน

“เจ้าพยายามทำสิ่งใด!?” ดวงวิญญาณในร่างเดิมของฟางหยวนกรีดร้อง

เขาไม่เข้าใจเจตนาของฟางหยวนและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

แต่ในไม่ช้าเขาก็กรีดร้องออกมาอีกครั้งด้วยเสียงแหลมสูง “เจ้า! เจ้าทำสิ่งใดกับข้า!? ดวงวิญญาณของข้ากำลังหลอมละลาย คนชั่ว แม้ข้าจะเหลือเพียงดวงวิญญาณ เจ้าก็ยังไม่ปล่อยข้าไป!”

ฟางหยวนเฝ้ามองโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องใดๆ

‘ดวงวิญญาณจะหลอมละลายหากเข้าไป…’ ฟาหงยวนตรวจสอบด้วยทุกวิธี

‘โอ้ นี่เป็นวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่น่าทึ่ง ดวงวิญญาณของผู้อมตะผู้นี้ไม่สามารถคงอยู่ได้แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ!’ ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออกและพยายามดึงดวงวิญญาณออกจากร่างเดิมของเขา

แต่ในจังหวะนี้ใบหน้าภูตผีกลับปรากฏขึ้นจากหน้าอกของร่างนั้นและส่งเสียงกรีดร้องมาที่ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ฟางหยวนควบคุมอยู่

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งถูกบังคับให้ถอยหลังกลับไปสามก้าว

เมื่อมองดูอีกครั้ง ใบหน้าภูตผีก็หายไปแล้ว

ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้เดินเข้าไปอีกครั้งอย่างระมัดระวัง

ฟางหยวนยังตรวจสอบต่อไป

เวลานี้ดวงวิญญาณของผู้อมตะที่ฟางหยวนยัดเข้าไปในร่างเดิมของเขาหลอมละลายไปจนหมดแล้ว

‘หลอมละลายเร็วมาก! กระทั่งข้าจะต้องการดึงมันกลับออกมาก็ไม่สามารถทำได้!’

ฟางหยวนวิเคราะห์

กับดักของอิงอู๋เซี่ยรุนแรงมาก มันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อ

ฟางหยวนดีใจที่ตนเองระวังตัวและไม่ผลีผลามส่งดวงวิญญาณของตนเองกลับเข้าร่างเดิมของเขา

หลังจากตรวจสอบด้วยหลากหลายวิธี ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าอีกครั้ง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่ลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นอีกสองพันร่องรอย!’ ฟางหยวนตกใจมาก

ฟางหยวนรู้สึกตกตะลึงกับวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่น่าอัศจรรย์ของนิกายเงา

เดิมทีฟางหยวนวางแผนที่จะใส่ดวงวิญญาณของผู้อมตะเข้าไปเรื่อยๆเพื่อทำให้กับดักค่อยๆอ่อนแอลงและพังทลายไปในที่สุด

แต่กับดักของอิงอู๋เซี่ยกลับไม่ธรรมดา

มันไม่เพียงไม่อ่อนแอลงแต่กระทั่งแข็งแกร่งขึ้น!

‘น่าประทับใจ! ในกรณีนี้แผนการของข้าก็ไม่สามารถทำได้ เว้นเพียงข้าจะมีวิธีการบางอย่างที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของนิกายเงา มิฉะนั้นข้าจะทำให้กับดักนี้ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ!’

ฟางหยวนกัดฟันแน่น

แท้จริงแล้วมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออกมีวิธีจัดการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากการสลักข้อมูลไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน

นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกที่เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดก็เป็นหลักฐานที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลสามารถสลักร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไว้บนโครงกระดูก นี่เป็นวิธีที่ค่อนข้างพิเศษ

สุดท้ายวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีว่าผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลผู้นี้มีวิธีการพิเศษที่สามารถจัดการกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

‘มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่สมบูรณ์แบบอาจมีวิธีจัดการร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า น่าเสียดายที่ข้าได้รับมรดกนี้ช้าเกินไป วิญญาณส่วนใหญ่ตายไปแล้วขณะที่ข้อมูลต่างๆก็สูญหายไป’

ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบบนโลกใบนี้

ฟางหยวนสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน นั่นถือว่าโชคดีมากแล้ว

มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลของทะเลตะวันออกอยู่ที่นั่นมานานเกินไป ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลสร้างมรดกขึ้นมาในเวลาที่เขาใกล้ตาย ดังนั้นมันจึงเก็บไว้ได้ไม่นานนัก

แม้ฟางหยวนจะได้รับวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋า แต่เขายังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีจัดการกับข้อตกลงพันธมิตร

‘การค้นหาวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่สามารถทำลายข้อตกลงพันธมิตรเป็นวิธีการหนึ่ง แต่ข้าต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ข้าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากนิกายหลางหยา’

มรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ ขณะเดียวกันความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนก็อยู่ในระดับทั่วไป เขาไม่สามารถคิดค้นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลได้ด้วยตัวเขาเอง

ฟางหยวนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิและเริ่มบ่มเพาะจิตวิญญาณ

หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาออกจากหุบเขาเหล่าโป

เขาบ่มเพาะจิตวิญญาณทุกวันอย่างเข้มงวด เมื่อจิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้น เขาก็สามารถอยู่ในหุบเขาเหล่าโปได้นานขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนเห็นกับดักที่อยู่ในร่างเดิม เขารู้สึกลังเลเล็กน้อยเกี่ยวกับแผนการบ่มเพาะจิตวิญญาณ

อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าฟางหยวนมีหุบเขาเหล่าโปและภูเขาตงฮัน แล้วเขาจะไม่พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

การบ่มเพาะจิตวิญญาณไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิด

อย่างไรก็ตามเวลาและพลังงานของฟางหยวนไม่ใช่สิ่งที่ไร้ขอบเขตเพราะเขายังต้องวางแผนการบ่มเพาะและพัฒนามิติช่องว่าง

‘ข้าควรลืมเกี่ยวกับเส้นทางแห่งข้อมูลไปก่อน ตอนนี้ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้ากำลังจะมาถึง’

ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้าแตกต่างจากภัยพิบัติสี่ครั้งก่อนหน้า

สี่ครั้งก่อนหน้าฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากที่นั่นและต้องหาสถานที่ใหม่

แล้วเขาควรเลือกที่ใด?

ไม่กี่วันต่อมาชูตู๋ส่งจดหมายมาหาฟางหยวนและบอกว่าจะช่วยเขาก้าวข้ามภัยพิบัติโดยแลกกับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกราวกับถูกมัดมือชก!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท