เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1168

ตอนที่ 1168

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1168 หลอมรวมหม่าหงหยุน

แปลโดย iPAT

“ในที่สุดเจ้าก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง จากสามทวีปความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่ในสิบอันดับแรก” เจตจำนงปลอมของฟางหยวนชมเชยฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งตอบ “ด้วยความพยายามของข้า มันต้องเป็นเช่นนี้โดยธรรมชาติ”

หลายปีที่ผ่านมาเขาสังหารผู้คนอย่างไร้ปรานี ภายใต้แรงกดดันแห่งชีวิตและความตายเขาค่อยๆเข้าใจความรู้สึกของฟางหยวนที่ต้องเข่นฆ่าผู้คนในตระกูล

เขาไม่มีทางเลือก

ถ้าเจ้าไม่ตาย ข้าก็ต้องตาย!

ฟางเจิ้งยังไม่สามารถให้อภัยฟางหยวน แต่เขาเข้าใจเหตุผลที่ฟางหยวนต้องทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว นี่ทำให้ความเกลียดชังของเขาค่อยๆจางหายไปโดยเฉพาะหลังจากเจตจำนงปลอมของฟางหยวนช่วยให้เขารอดพ้นอันตรายมานับครั้งไม่ถ้วน

“วิ่ง!”

“พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางเจิ้ง!”

กองทัพผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมขาวและผมเหลืองวิ่งกระจัดกระจายกันออกไป

ฟางเจิ้งไม่ได้พูดคุยกับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำ หลังจากเก็บกวาดสนามรบ เขาก็จากไปทันที

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผมดำมองเขาด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

“ดังนั้นเขาก็คือผู้ใช้วิญญาณมนุษย์ในข่าวลือ”

“ยอดเยี่ยม! เขาชนะศัตรูในพริบตา!”

“น่าเสียดายที่เขาทำให้คนระดับสูงไม่พอใจ เขาไม่ใช่มนุษย์ขน แม้ผลงานของเขาจะมากมายเพียงใด เขาก็ไม่สามารถเติบโตไปมากกว่านี้…”

“แม้ข้าจะขอบคุณเขาแต่ในอนาคตข้าจะก้าวข้ามเขาไป”

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปเมฆา

หลังจากเจตจำนงปลอมกลับมาหาฟางหยวน เขาตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ‘โอ้ ดูเหมือนฟางเจิ้งใกล้จะพร้อมแล้ว แต่เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้าควรทุ่มเทความพยายามกับเรื่องนี้หรือไม่?’

ตามแผนการแรกเริ่มของฟางหยวน เขาจะใช้แสงแห่งปัญญาพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต นี่เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา หากต้องอนุมานด้วยตนเอง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

หลังจากไตร่ตรอง ฟางหยวปัดตัวเลือกนี้ทิ้งไป

ประการแรก เขามีมรดกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟาน เขามีวิธีการมากมาย วิญญาณอมตะเทพโลหิตเป็นเพียงกำไรเพิ่มเติมเท่านั้น

ประการต่อมา การใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่เป็นผลดีในปัจจุบัน หากเขาใช้มัน เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจากทุกสารทิศ ในมุมมองของฟางหยวน สงครามห้าภูมิภาคเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งเลือด

ตั้งแต่เขาเข้ายึดครองเนินมังกรผงาด หลายวันที่ผ่านมา ฟางหยวนรอการติดต่อกลับจากชูตู๋

ผลประโยชน์ของเขาเริ่มลดน้อยลงเพราะทรัพยากรจำนวนมากที่ได้รับมาจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกขายออกไปแล้ว

ทรัพยากรจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานที่ยังอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิที่ไม่สามารถเติบโต เขาจำเป็นต้องขายออกไป นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด

แต่วิธีนี้ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ทรัพยากรเหล่านั้นย่อมหมดไปในที่สุด

แม้ฟางหยวนจะได้รับหินวิญญาณอมตะจำนวนมากแต่เขาก็ใช้ไปมากมายเช่นกัน

ภัยพิบัติพิภพทุกสองเดือน มันเกิดขึ้นบ่อยเกินไป การเดินทางไปยังทะเลตะวันออกและเข้ายึดครองเนินมังกรผวาดก็ทำให้องุ่นเขียวอมตะของเขาลดลงอย่างมหาศาล

นอกจากนั้นการพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิก็ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก หินวิญญาณอมตะของเขาราวกับละลายไปกับสายน้ำ ตอนนี้เขาเหลือเงินเก็บไม่มากนัก

‘ในปัจจุบันสิ่งเดียวที่จะทำให้ข้าเติบโตอย่างรวดเร็วอีกครั้งคือการใช้แสงแห่งปัญญาหลังจากกำจัดกับดักในร่างเดิมของข้า’

‘สิ่งสำคัญอีกประการก็คือข้าต้องหาวิธีทำลายข้อตกลงพันธมิตร นี่จะทำให้ข้าเป็นอิสระและสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้อย่างเต็มที่’

ฟางหยวนตระหนักถึงตัวเลือกของเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งเหล่านี้อย่างง่ายดาย

หากเขาไม่พบโชคลาภโดยบังเอิญญ ในการก้าวข้ามอุปสรรคเหล่นี้จะเป็นเรื่องยากมาก

แต่ความบังเอิญจะเกิดขึ้นทุกเวลาที่เขาต้องการได้อย่างไร? แม้มันจะเกิดขึ้น ฟางหยวนก็ยังต้องระวังว่ามันเป็นแผนการของเจตจำนงสวรรค์หรือไม่

ฟางหยวนใช้เวลาสองชั่วโมงในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ

เวลาที่เหลือเขาจะใช้วิญญาณอมตะคิ้วดาบเพื่อเพิ่มร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบให้กับตนเอง บางครั้งเขาจะออกไปด้านนอกและใช้วิญญาณอมตะเนตรดาราเพื่อปรับแต่งดวงดาวบนท้องฟ้าให้เป็นดวงตาของเขา

นอกเหนือจากนี้เขายังใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเพิ่มความชำนาญในการใช้งาน

เขาไม่ลืมที่จะพัฒนาและดูแลมิติช่องว่างจักรพรรดิ

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้การพัฒนาในขั้นตอนแรกยังไม่เสร็จสมบูรณ์

เหตุผลก็คือเขามีวิญญาณอมตะมากเกินไป เพื่อให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้และไม่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก เขาต้องผลิตอาหารของพวกมันขึ้นมาด้วยตนเอง

น่าเสียดายที่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะระดับแปดจำนวนมาก เขาเพิ่งเริ่มรวบรวมอาหารของวิญญาณทัศนคติและวิญญาณดาบแห่งปัญญา สำหรับวิญญาณอมตะระดับแปดดวงอื่น เขายังไม่ได้เริ่มต้น

แต่เขาไม่มีทางเลือกเพราะนี่คือขีดจำกัดของเขา

ทุกวันเขาจะใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เขาเคร่งครัดและมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก อย่างไรก็ตามเวลาและพลังงานของเขามีจำกัด ฟางหยวนต้องคิดอย่างรอบคอบและทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเท่านั้น

การทำงานหนักเช่นนี้ทำให้ฟางหยวนก้าวหน้าขึ้นในทุกๆวัน

ไร้มนุษยธรรม โหดเหี้ยมต่อผู้อื่น แต่เข้มงวดและโหดร้ายต่อตนเองมากกว่า นี่คือธรรมชาติของฟางหยวน

ครึ่งเดือนผ่านไปเช่นนี้กระทั่งฟางหยวนได้รับจดหมายจากชูตู๋ในที่สุด

ในจดหมาย ชูตู๋ขอกำลังเสริมจากฟางหยวน เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จ ชูตู๋จะจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลให้กับฟางหยวน

ชูตู๋ใช้ถ้อยคำที่สุภาพและอ้อนน้อมมากราวกับลืมไปแล้วว่าฟางหยวนเป็นพันธมิตรของเขา

‘ชูตู๋สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นเวลานาน มันค่อนข้างพิเศษ ดี ข้าจะไปช่วยเขา’ ฟางหยวนเตรียมตัวมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกเดินทางทันที

หนึ่งวันหนึ่งคืนต่อมา เขาไปถึงสถานที่นัดพบ

เมื่อเขาไปถึงมีผู้อมตะจำนวนมากรออยู่แล้ว

“ผู้อาวุโส ท่านมาถึงแล้ว” ผู้ที่ออกมาต้อนรับฟางหยวนคือผู้อมตะนิกายชูที่เคยร่วมมือกับฟางหยวนทำลายเนินมังกรผวาด

“ให้ข้าแนะนำท่าน พวกเขาคือกำลังเสริมที่ท่านอาจารย์เชิญมา นี่คือผู้อาวุโสห่าวเจิ้น”

ห่าวเจิ้งเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราและมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ เขาพยักหน้าให้กับฟางหยวน

“นี่คือผู้อาวุโสเชาเหลาอู๋” ผู้อมตะนิกายชูดำเนินการต่อ

เชาเหลาอู๋มีใบหน้าที่ดูหดหู่ ร่างกายผอมแห้ง หลังค่อม ฟันสีเหลือง กล่าวได้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาดูน่าเกลียดมาก

“นี่คือผู้อาวุโสหลี่ซื่อจุน” ผู้อมตะนิกายชูแนะนำ

ผู้อมตะผู้นี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์

เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยม คิ้วหนา ตาโต จมูกโด่ง มีหนวดเครา แผงหน้าอกของเขาเต็มไปด้วยเส้นขนสีดำ แต่เขากลับสวมกระโปรงลายดอกไม้

เมื่อเห็นฟางหยวน ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “โอ้ สวรรค์ น้องชายผู้นี้ช่างหล่อเหลานัก”

ร่างกายของผู้อมตะนิกายชูสั่นสะท้านขึ้น เขาเร่งเดินผ่านคนผู้นี้ไปอย่างรวดเร็ว

“นี่คือผู้อาวุโสหวังอู๋หมิง”

หวังอู๋หมิงค่อนข้างเตี้ย จมูกสีแดง และมีดวงตารูปสามเหลี่ยม เขามองฟางหยวนและกล่าว “เราแนะนำตัวเองแล้ว เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่มาที่นี่ เหตุใดไม่แนะนำตัวกับพวกเรา?”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเรียบง่าย “ข้าเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่สำคัญ พวกเจ้าสามารถเรียกข้าว่า หลิวกวนซื่อ”

‘หลิวกวนซื่อ’ ผู้อมตะนิกายชูจดจำชื่อนี้เอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินชื่อของฟางหยวน เนื่องจากการขับไล่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูและยึดครองเนินมังกรผงาดเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว นั่นทำให้เขารู้สึกสนใจและกระทั่งชื่นชมฟางหยวน

ในความเป็นจริงเขาไม่ใช่คนเดียวแต่ผู้อมตะนิกายชูต่างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดพวกเขาต่างบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งขณะที่ความแข็งแกร่งของฟางหยวนน่าอัศจรรย์มาก ในโลกที่เส้นทางความแข็งแกร่งกำลังตกต่ำ ฟางหยวนเหมือนแสงสว่างแห่งความหวังที่ส่องประกายท่ามกลางความมืด

“หลิวกวนซื่อ” ห่าวเจิ้นพึมพำและพยายามจดจำชื่อนี้

คนอื่นๆก็เช่นกัน

การได้รับเชิญจากชูตู๋และมีความกล้าที่จะต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถือว่าไม่ธรรมดา

ห่าวเจิ้นและคนอื่นๆเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

แน่นอนว่าฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมแปลงกลิ่นอายระดับเจ็ดเช่นกัน

“ที่รัก ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากวาดล้างเนินมังกรผงาด เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” หลี่ซื่อจุนหัวเราะและเดินเข้าหาฟางหยวน

ผู้อมตะทุคนรู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง

ฟางหยวนยังสงบนิ่ง เขามองหลี่ซื่นจุนด้วยการแสดงออกที่เย็นชา “อยู่ให้ห่างจากข้า”

หัวใจของผู้อมตะคนอื่นสั่นสะท้านขึ้น

ฟางหยวนปลดปล่อยเจตนาสังหารที่น่าสะพรึงกลัวออกมา สิ่งนี้ทำให้ผู้อมตะทุกคนที่ถูกเชิญมาตระหนักว่าคนผู้นี้เป็นคนชั่วที่สังหารผู้คนมานับไม่ถ้วนและโหดเหี้ยมมาก

ผู้อมตะนิกายชูที่อยู่รอบๆมีประสบการณ์เพียงเล็กน้อย พวกเขาไม่สามารถสัมผัสถึงธรรมชาติที่ดุร้ายของฟางหยวน ผู้อมตะนิกายชูที่ต้อนรับฟางหยวนกล่าว “ผู้อมตะนิกายชูของเรามีพลังการต่อสู้ต่ำสุด พวกเราจะไม่เข้าร่วมและต้องพึ่งพาผู้อาวุโสทุกท่านเท่านั้น เมื่อเราประสบความสำเร็จ ท่านอาจารย์จะตอบแทนทุกท่านอย่างเหมาะสม”

“บอกแผนการมา” หวังอู๋หมิงถาม

ผู้อมตะนิกายชูกล่าวถึงสิ่งที่น่าตกใจ “ท่านอาจารย์วางแผนขั้นสุดท้ายไว้แล้ว ท่านหวังว่าผู้อาวุโสทุกท่านจะร่วมมือกันบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก!”

ในเวลาเดียวกัน แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมส่องแสงสีทองออกมา

ภายในแสงสีทอง ท่านหญิงหว่านซูและปีศาจอมตะเซี่ยหูยืนอยู่ด้านหน้าหม่าหงหยุน

ท่านหญิงหว่านซูดูเหน็ดเหนื่อยมาก นางนำบอลสายฟ้าออกมาอย่างระมัดระวัง

บอลสายฟ้ามีขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์และมีประกายสายฟ้าแลบลั่นตลอดเวลา

“อันใด!? พวเจ้าพยายามทำสิ่งใด? ไม่ ไม่ อา…” หม่าหงหยุนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งแต่ร่างกายของเขาถูกตรึงไว้และไม่สามารถขยับเขยื้อน

“นี่เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด” ท่านหญิงหว่านซูกล่าวพร้อมกับโยนบอลสายฟ้าไปที่หม่าหงหยุน

บอลสายฟ้าผสานเข้ากับหน้าอกของหม่าหงหยุนและหายไปทันที

“อ๊าก…” หม่าหงหยุนกรีดร้องและพยายามดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท