เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1170

ตอนที่ 1170

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1170 บุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก (2)

แปลโดย iPAT

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพึ่งถูกยึดครองโดยเผ่าไป่ซูไม่นานมานี้ แม้มันจะสามารถใช้งาน แต่มันก็ยังห่างไกลจากจุดสูงสุดของเผ่าไห่

‘หือ?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาเห็นรังอินทรีย์มากมายลอยอยู่บนท้องฟ้า

‘มีทรัพยากรบนพื้นเพียงเล็กน้อยแต่บนท้องฟ้ามีรังอินทรีย์อย่างน้อยร้อยรัง ดูเหมือนกลยุทธ์ของเผ่าไป่ซูคือการพัฒนาจุดแข็งของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก พวกเขาพยายามเลี้ยงอินทรีย์มงกุฎเหล็กและอินทรีย์อื่นๆ’ ฟางหยวนเข้าใจทันที

นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดี

การเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายและขายพวกมันในสวรรค์สีเหลืองสามารถทำกำไรมหาศาลให้กับพวกเขา

‘คราวก่อนข้าไม่ได้มาที่นี่ ครั้งนี้ข้าจะคว้ารังอินทรีย์เหล่านี้มาทั้งหมด!’ ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้น

เพียงการกวาดตามอง ฟางหยวนก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ารังอินทรีย์คือทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

จุดสำคัญคืออินทรีย์เหล่านี้ใช้งานได้ง่ายไม่เหมือนทรัพยากรอื่นๆ

“คนชั่ว หยุด!” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตะโกนมาจากด้านหลัง

‘ดูเหมือนข้าจำเป็นต้องกำจัดปัญหานี้’ ฟางหยวนหัวเราะและหันหลังกลับ

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูผู้นี้มีนามว่าไป่ซูเหว่ย เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเป็นผู้นำของกลุ่มผู้พิทักษ์แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

เขารู้สึกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นสถานที่ปลอดภัย แต่กลยุทธ์ของชูตู๋ทำให้เขารู้สึกแย่มาก

การโจมตีนี้รวดเร็วเกินไป

เมื่อฟางหยวนและคนอื่นๆบุกโจมตี มันเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาที่หัวใจของไป่ซูเหว่ยโดยตรง

หากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ ในฐานะผู้นำ เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้เขาจึงรู้สึกกังวลมากและตัดสินใจว่าจะปกป้องมันด้วยชีวิต

ดังนั้นเมื่อเห็นฟางหยวนพุ่งเข้ามา ไป่ซูเหว่ยจึงไม่หลบแแต่พุ่งเข้าปะทะโดยตรง

‘โอ้’ ฟางหยวนเห็นร่างกายของฝ่ายตรงข้ามส่องแสงสีทองออกมา

‘ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโลหะ ดูเหมือนเขาจะมั่นใจในการป้องกันของตนเองเป็นอย่างมาก’ ฟางหยวนคิดและบินไปด้านซ้าย

ความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เขาไม่ได้สร้างระยะห่างออกจากไป่ซูเหว่ย

เขาเปลี่ยนไปใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ไม่ทำให้ความเร็วของเขาลดลงแม้แต่น้อย

‘แม้ผู้อมตะเผ่าไป่ซูจะอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาตลอด แต่พวกเขาก็ไม่อ่อนแอเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้อมตะระดับแปด ให้ข้าดูวิธีการของเจ้า!’

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้น

ไป่ซูเหว่ยตกใจและโกรธมาก เขากระตุ้นใช้วิธีตรวจสอบของตน ดวงตาของเขาส่องแสงสีทองออกมาขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ

“ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของข้าถูกสร้างขึ้นโดยนายท่าน ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่ที่ใด เจ้าก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากการตรวจสอบของข้า!”

แต่หลังจากนั้นเขากลับตกตะลึง

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? ร่างจริงของเขาอยู่ที่ใด ข้ามองไม่เห็นงั้นหรือ?” เขาตกใจมาก

ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของเขาค่อนข้างดี แต่ใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางหยวนดีกว่ามาก!

หลังจากทั้งหมดท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แล้วจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะสามารถแข่งขันได้อย่างไร

“บึม บึม บึม!”

ฟางหยวนโจมตีรังอินทรีย์อย่างเต็มกำลัง

ในรังอินทรีย์เหล่านี้มีอินทรีย์อายุน้อยหรือไข่ที่ยังไม่ฟักนอนอยู่

เมื่อบ้านของพวกมันพังพินาศ อินทรีย์หนุ่มส่งเสียงกรีดร้องและพุ่งออกมาต่อสู้กับภูตมนุษย์ของฟางหยวน

ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีคุณภาคต่ำ พวกมันไม่สามารถต่อสู้กับสัตว์อสูรเดียวดาย อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนที่มากกว่า พวกมันสามารถโจมตีจากทุกทิศทาง นั่นทำให้อินทรีย์หนุ่มไม่สามารถปกป้องรังของมัน

ในไม่ช้ารังอินทรีย์มากมายก็ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

“ไม่!” ไป่ซูเหว่ยตะโกน เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวทะยานร่างออกไปและพยายามคว้ารังอินทรีย์ที่ตกลงมา สุดท้ายจึงวางมันลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง

ฟางหยวนฉวยโอกาสนี้ใช้กำปั้นยักษ์คว้ารังอินทรีย์ยัดเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา

ดวงตาของไป่ซูเหว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นฉากนี้ เขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไม่! หัวขโมยคืนรังอินทรีย์ของพวกเรามา!”

หลังกล่าวจบคำ เขาพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความดุร้าย

ริมฝีปากของฟางหยวนโค้งงอขึ้น เขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายและซ่อนตัวอยู่ในกองทัพภูตมนุษย์จำนวนมหาศาล

ไป่ซูเหว่ยตะลึงอีกครั้ง

วิธีการตรวจสอบของเขาไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าที่คุ้นเคย เขาสามารถโจมตีแบบสุ่มเท่านั้น แต่โชคของเขาจะเหนือกว่าฟางหยวนที่ครอบครองวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและยังเชื่อมโยงโชคกับผู้โชคดีทั้งสี่ได้อย่างไร?

ไป่ซูเหว่ยเพียงผู้เดียวไม่สามารถค้นหาร่างจริงของฟางหยวนและทำได้เพียงบินไปทุกหนทุกแห่ง

ฟางหยวนใช้โอกาสนี้โจมตีรังอินทรีย์และเก็บพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ไป่ซูเหว่ยคำรามด้วยความโกรธแต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด “หัวขโมยไร้ยางอาย! หากเป็นลูกผู้ชายก็ออกมาสู้กับข้าอย่างยุติธรรมและเปิดเผย!”

ฟางหยวนไม่สน

ไป่ซูเหว่ยกรีดร้องอีกครั้ง “เจ้าคนขี้ขลาด เจ้าทำได้เพียงวิ่งหนีไปรอบๆเหมือนหนูสกปรก เจ้ากล้าบุกเผ่าไป่ซูของข้าได้อย่างไร?”

ฟางหยวนเก็บรังอินทรีย์ต่อ

ไป่ซูเหว่ยตะโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เจ้าจะไม่มีชีวิตที่สงบสุขอีกหากทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขุ่นเคือง! แม้เจ้าจะวิ่งไปสุดขอบโลก พวกเราก็จะตามไปและกำจัดเจ้า!”

ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังและนับกำไรที่ได้รับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด… รังอินทรีย์อยู่ในมือของข้า ผู้อมตะเผ่าไป่ซูจะทำสิ่งใดได้?”

“พรวด!”

ไป่ซูเหว่ยกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ

ในความเป็นจริงรังอินทรีย์เหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างดีจากไป่ซูเหว่ย เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากกับรังอินทรีย์แต่ละรัง

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เขาเชื่อใจและมอบอำนาจให้ไป่ซูเหว่ยจัดการ แต่เผ่าไป่ซูไม่มีทรัพยากรมากนัก ไป่ซูเหว่ยจึงทุ่มเทความพยายามทั้งหมดกับรังอินทรีย์และหวังว่าพวกมันจะช่วยแก้ปัญหาการเงินให้กับเผ่าไป่ซู

แต่ความหวังที่สวยงามของเขากลับถูกทำลายลงโดยฟางหยวน

“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแม้ข้าจะตาย!” ไป่ซูเหว่ยกรีดร้องด้วยความเกลียดชัง น้ำเสียงของเขาทำให้หวังอู๋หมิงที่พึ่งมาถึงรู้สึกเย็นเยียบไปถึงแกนกระดูก

‘หลิวกวนซื่อผู้นี้นำรังอินทรีย์ไปมากเท่าใด เหตุใดไป่ซูเหว่ยจึงโกรธถึงเพียงนี้’ หวังอู๋หมิงตอบสนองด้วยความรู้สึกอิจฉา เขาต้องการให้คนที่ไป่ซูเหว่ยสาปแช่งเป็นตัวเขาเอง!

ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนยังต่อสู้อยู่กับผู้อมตะเผ่าไป่ซู

“หวังอู๋หมิงอยู่ที่ใด?”

“เขาเข้าไปข้างในแล้ว สุนัขตัวนี้เดินอ้อมไปทางด้านหลัง!”

ผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสามสนทนากัน พวกเขาทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยว

พวกเขาต้องการเข้าไปเพื่อฉกชิงทรัพยากรเช่นกันแต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาเอาไว้

ขณะที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูไม่สามารถถูกสังหาร

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ห่าวเจิ้นและคนอื่นๆเข้าใจเช่นกันแต่พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เผ่าไป่ซูพึ่งก่อตั้ง พวกเขามีผู้อมตะไม่กี่คนและทั้งหมดอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

หากผู้อมตะเผ่าไป่ซูเสียชีวิต กลุ่มของฟางหยวนจะกลายเป็นศัตรูที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและยากที่จะประนีประนอม หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่แก้แค้น เขาก็จะไม่มีใบหน้าอยู่ในภาคเหนืออีกต่อไป!

การโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กและทำให้เผ่าไป่ซูสูญเสียทรัพยากรบางอย่างหรือแม้แต่สังหารผู้อมตะเผ่าไห่เป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือผู้อมตะเผ่าไป่ซูไม่สามารถตาย ชูตู๋เน้นย้ำเรื่องนี้ก่อนที่พวกเขาจะลงมือ

ชูตู๋ไม่ต้องการเป็นศัตรูตัวฉกาจของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

ในแง่ของความแข็งแกร่ง ผู้อมตะเผ่าไป่ซูด้อยกว่าห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้ทำให้ผู้อมตะทั้งสามกลายเป็นฝ่ายถูกผลักดัน

หลี่ซื่อจุนตะโกน “ถอยก่อน!”

อีกสองคนตอบสนองทันที

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูไล่ตามพวกเขา แต่ผู้อมตะทั้งสามแยกย้ายกันไป

“กลับ! นี่คือโลกภายนอก ที่นี่เราไม่ได้รับการปกป้องจากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก กลับไปช่วยท่านเหว่ยกันเถอะ!” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตัดสินใจกลับแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

ผู้อมตะทั้งสามมองเห็นโอกาสและบินกลับทันที

ท่ามกลางพวกเขา หลี่ซื่อจุนบินไปยังทางเข้าที่หวังอู๋หมิงสร้างไว้และประสบความสำเร็จในการเข้าสูแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูกำลังตื่นตระหนก พวกเขาจึงไม่สามารถปิดกั้นศัตรูได้อีกต่อไป

สุดท้ายผู้อมตะทั้งสามก็สามารถเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

“ไปหาท่านเหว่ยก่อน!”

นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด

“เร็ว พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้าย”

“ไปดูว่ามีทรัพยากรใดเหลือบ้าง!”

ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋รีบร้อนเดินทาง

ผู้อมตะทุกคนล้วนต้องการทรัพยากรเพราะมันคือรากฐานของบ่มเพาะ!

โดยปราศจากทรัพยากร พวกเขาจะไม่สามารถทำสิ่งใด

การบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กครั้งนี้ของพวกเขาก็มีจุดประสงค์อยู่ที่การแสวงหาผลประโยชน์

“เอาล่ะ หยกอ่อนเหล่านี้เป็นของข้าทั้งหมด!” หลี่ซื่อจุนเลียริมผีปาก

หาดหยกอ่อนเป็นแหล่งทรัพยากรที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยเผ่าไป่ซู

น่าเสียดายที่มันยังมีหยกอ่อนอยู่ไม่มาก มันยังไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับหลี่ซื่อจุน

“นี่เป็นทรัพยากรที่สามที่ข้าพบ แต่พวกมันมีน้อยมาก บัดซบ! เผ่าไป่ซูช่างยากจนนัก พวกเขาพยายามเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ด้วยสิ่งเหล่านี้งั้นหรือ?” หลี่ซื่อจุนเย้ยหยัน

“โอ้ เดี๋ยว ไม่! ” เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นประกายแสงแลบลั่นอยู่บนท้องฟ้า

“บัดซบ! เหตุใดข้าถึงลืมเรื่องนี้?” เขาตบหน้าผากของตนและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

รังอินทรีย์เหลือเพียงสามรังที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

ภูตมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนของฟางหยวนบินอยู่รอบๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของไป่ซูเหว่ย

ร่างจริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ไม่ว่าไป่ซูเหว่ยจะสบถสาปแช่งเพียงใด เขาก็ไม่เผยตัวออกมา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท