เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1174

ตอนที่ 1174

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1174 สามปีศาจคลั่ง

แปลโดย iPAT

ชูตู๋ขอให้ฟางหยวนไปเชิญกำลังเสริมจากถ้ำปีศาจคลั่ง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้วิธีการบางอย่างเพื่อป้องกันเสียงปีศาจ

‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องไป’

ชูตู๋และจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้กันอยู่ที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เรื่องนี้มีต้นกำเนิดมาจากฟางหยวน นอกจากนั้นเขายังร่วมมือกับชูตู๋และบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก กล่าวได้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้อย่างลึกซึ้ง

ฟางหยวนดำเนินการอย่างรวดเร็วและออกเดินทางทันที

เขาใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อเดินทางไปยังถ้ำปีศาจคลั่ง

ไม่มีปัญหาระหว่างทาง

สิบวันต่อมาฟางหยวนหยุดอยู่กลางอากาศและมองลงไปด้านล่าง

ในป่าดึกดำบรรพมีถ้ำขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ มีเสียงสัตว์คำรามดังขึ้นเป็นครั้งคราว

ฟางหยวนบินลงไปก่อนจะเดินเข้าไปในถ้ำ

ถ้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยและเถาวัลย์

“เจี๊ยก!”

ไกลออกไปลิงสีเทารูปร่างประหลาดกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่บนกิ่งไม้

ทันใดนั้นเถาวัลย์ที่ไม่เคลื่อนไหวกลับอ้าปากและกลืนกินลิงสีเทาหลายสิบตัวเข้าไปในพริบตา

แท้จริงแล้วมันคืออสรพิษเถาวัลย์เดียวดายที่รอให้เหยื่อเข้ามาหา

เสียงกรีดร้องของฝูงลิงทำให้ราชาของพวกมันปรากฏตัว

อสรพิษเถาวัลย์เดียวดายที่กินอิ่มล่าถอย เป้าหมายของมันสำเร็จแล้ว มันไม่ต้องการต่อสู้กับราชาวานรขณะที่ราชาวานรก็ไม่ได้ไล่ล่า

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงโหยหวยที่น่าสยดสยองดังขึ้น

‘โอ้ ไม่ เสียงปีศาจ’ ฟางหยวนเร่งใช้วิธีป้องกันเสียงปีศาจที่ได้รับมาจากชูตู๋

วิธีทั่วไปไม่สามารถป้องกันเสียงปีศาจ แต่วิธีของชูตู๋ได้ผลทันที ฟางหยวนรู้สึกเหมือนเสียงปีศาจหายไปราวกับมันไม่เคยมีอยู่

เสียงกรีดร้องของราชาวานรและอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายดังขึ้น

พวกมันได้รับอิทธิพลจากเสียงปีศาจและเริ่มต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่รุนแรงแต่เป็นการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย

สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสองต่อสู้กันอย่างชุลมุนวุ่นวายทำให้ต้นไม้ที่อยู่รอบๆพังทลายลง

ฝูงลิงที่อยู่รอบๆก็คลุ้มคลั่งเช่นกัน พวกมันไม่เพียงโจมตีพันธมิตรแต่ยังทำร้ายตนเองด้วยวิธีการที่หลากหลาย

ป่าอันเงียบสงบกลายเป็นสับสนวุ่นวาย เสียงคำรามดังขึ้นทุกหนแห่ง สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งขณะที่กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

ฟางหยวนยังสงบนิ่ง

แต่นกที่อยู่บินรอบๆพุ่งเข้าโจมตีเขา กระทั่งมดและผึ้งที่อยู่ใกล้ๆยังฆ่าตัวตาย

‘นี่คือถ้ำปีศาจคลั่ง…’ ฟางหยวนถอนหายใจ

ฟางหยวนมีหัวใจที่เย็นชาและมั่งคง เขายังมีวิธีการมากมายในการเอาชีวิตรอดจากสภาพแวดล้อมที่บ้าคลั่ง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกกดดันมากนัก

ท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาเพียงผู้เดียวแต่พวกมันโจมตีอย่างไร้สติ

เสียงปีศาจดังขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนจะหายไป

ป่าเงียบลงทันที

สัตว์ป่าจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นซากศพที่ไม่สมบูรณ์กระจัดกระจายไปทั่ว บางแห่งกลายเป็นบ่อเลือด ต้นไม้ถูกหักโค่น ภูมิประเทศเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

ไกลออกไปสัตว์อสูรเดียวดายสองตัวที่ต่อสู้กันตายไปแล้ว

ลำตัวของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายยังรัดพันร่างกายของราชาวานรอย่างแน่นหนาขณะที่ราชาวานรสามารถฉีกท้องของอสรพิษและคืนอิสรภาพให้แก่ลิงสีเท่าทั้งหมด อย่างไรก็ตามพวกมันตายแล้ว

ฟางหยวนเก็บซากศพสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสองเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและเดินทางต่อ

“หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่เสียแรงเปล่า สิ่งมีชีวิตที่เติบโตขึ้นในถ้ำปีศาจคลั่งไร้ค่า พวกมันไม่สามารถขายในสวรรค์สีเหลืองเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่สับสนวุ่นวาย” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น

“ผู้ใด?” ฟางหยวนตกใจ

แม้เขาจะใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาภาพอนาคตสามลมหายใจแต่เขายังไม่เห็นสิ่งใด

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาท่าไม้ตายภาพอนาคตสามลมหายใจก็ทำให้ฟางหยวนเห็นผู้อมตะชุดคลุมขาววัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังทางขวามือของฟางหยวน

ฟางหยวนตรวจสอบต่อไปอย่างเต็มความสามารถ

สามลมหายใจต่อมาผู้อมตะชุดคลุมขาวก็ปรากฏตัวขึ้นที่จุดนั้น

คนผู้นี้มีใบหน้าซีดขาว ดวงตาส่องประกายราวกับดวงดาว ภาพลักษณ์ของเขาดูไม่ธรรมดา

ฟางหยวนรีบหันหลังกลับ

ผู้อมตะชุดคลุมขาวยิ้มและกล่าว “อย่ากังวล สหาย ข้าปู้อู๋หมิง”

ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกออกมาในเวลานี้ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ดออกมาอย่างไม่ปกปิด

“หือ?” ฟางหยวนรู้สึกงุนงง

“ชื่อของข้าคือปู้อู๋หมิง ข้าอาศัยอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่ง วิญญาณที่เจ้ามีคือป้ายเปิดทางที่พวกเราสามปีศาจคลั่งมอบให้จักรพรรดิอมตะชูตู๋” ผู้อมตะชุดคลุมขาวยิ้ม

ฟางหยวนเร่งทักทาย “คารวะผู้อาวุโส ข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญเพราะจักรพรรดิอมตะชูตู๋ให้ข้ามาขอการสนับสนุนจากผู้อาวุโส”

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราสามปีศาจคลั่งอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีโดยไม่เคยออกไปยังโลกภายนอก หากชูตู๋ต้องการเข้าร่วมกับพวกเรา พวกเรายินดีต้อนรับเขา แต่หากเขาต้องการให้พวกเราออกจากถ้ำปีศาจคลั่ง นั่นเป็นไปไม่ได้” ปู้อู๋หมิงยิ้ม

“โอ้?” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความกังวลแต่ภายในเขาไม่รู้สึกใดๆ

ปู้อู๋หมิงกล่าวเช่นนี้อาจเป็นเพราะต้องการเพิ่มคุณค่าให้กับตนเองแต่จักรพรรดิอมตะชูตู๋ไม่ใช่บุคคลที่สามารถล้อเล่น

ชูตู๋มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสามปีศาจ หากเขาให้ฟางหยวนมาที่นี่ เขาย่อมมีแผนการ

“ตั้งแต่ชูตู๋มอบวิญญาณดวงนี้ให้เจ้า ข้าคิดว่าเขาต้องมอบวิธีการมากมายให้เจ้าด้วยเช่นกันถูกต้องหรือไม่?” ปู้อู๋หมิงถาม

“ถูกต้อง” ฟางหยวนพยักหน้า

ปู้อู๋หมิงประเมินฟางหยวนโดยไม่ได้ตั้งใจ ชูตู๋มอบความไว้วางให้ให้แก่ผู้อมตะหนุ่มผู้นี้ เขามีดีอย่างไร?

“เช่นนั้นตามข้ามา ฮ่าฮ่า เจ้าโชคดีมากที่ข้าออกมาที่นี่เพื่อพักหายใจ ถ้ำปีศาจคลั่งอันตรายมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เส้นทางของมันเปลี่ยนไปแล้ว ตามข้ามาอย่างใกล้ชิด หากเจ้าก้าวผิด เจ้าต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมาด้วยตัวของเจ้าเอง” ปู้อู๋หมิงกล่าวและเดินเข้าไปในป่าดงดิบ

ฟางหยวนลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินตามเข้าไป

ทั้งสองเดินลึกเข้าไปกระทั่งบรรลุถึงถ้ำชั้นที่สอง

ถ้ำปีศาจคลั่งมีเก้าชั้น ชั้นที่สองเต็มไปด้วยหินลาวาที่ร้อนแรง

ครู่ต่อมาพวกเขาก็ไปถึงชั้นที่สาม

ชั้นที่สามปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว มีวิญญาณมากมายอาศัยอยู่ในป่าไผ่เมฆา ฟางหยวนยังเห็นร่างอันคลุมเครือของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวอยู่ในม่านหมอก

ถัดมาฟางหยวนมองเห็นเมืองในสายหมอก

มันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมา

“มันคือเมืองสายหมอก วิญญาณอาฆาตจะมารวมตัวกันที่นี่ มันไม่มีสิ่งใดน่าดูชม” ปู้อู๋หมิงกล่าว

ฟางหยวนตกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเมืองสายหมอกมาก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น ดวงวิญญาณที่สามารถสร้างเมืองสายหมอกอย่างน้อยต้องเป็นดวงวิญญาณของผู้อมตะและยังมีจำนวนมาก ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวน หากเขาเข้าไป เขาต้องตายอย่างแน่นอน

ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามที่ดุร้ายของภาคเหนือ เป็นธรรมดาที่มันจะอันตรายมาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของสามปีศาจคลั่งที่อาศัยอยู่ที่นี่ย่อมไม่ธรรมดา

ภายใต้การนำทางของปู้อู๋หมิง ฟางหยวนเดินลึกเข้าไปถึงชั้นที่หก

“กระทั่งพวกเราก็ยังไม่กล้าเข้าไปในสามชั้นสุดท้าย มันอันตรายเกินไป มา ให้ข้านำเจ้าไปพบเพิ่งซาน เขาสนิทกับชูตู๋มากที่สุด ชูตู๋รู้กฏของพวกเราแต่เขาก็ยังส่งเจ้ามาที่นี่ เพิ่งซานน่าจะรู้วัตถุประสงค์ของเขา”

ปู้อู๋หมิงนำฟางหยวนไปพบปีศาจอมตะเพิ่งซานที่หุบเขาเล็กๆในชั้นที่หก

คนยักษ์!

เพิ่งซานสูงหลายสิบเมตร เขาใช้เนินเขาเป็นเก้าอี้และอยู่ในท่าครึ่งนั่งครั่งนอน

เพิ่งซานเปิดเปลือกตาขึ้นจากการหลับใหล

“โอ้ ชูตู๋ขอกำลังเสริมงั้นหรือ? อืม เราเคยทำข้อตกลงกันมาก่อน” เพิ่งซานกล่าวอย่างช้าๆด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ดังคาด ตกลงกันว่าอย่างไร?” ปู้อู๋หมิงถาม

“ให้เขายืมวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายที่สามารถกำจัดข้อตกลงพันธมิตร” เพิ่งซานตอบอย่างช้าๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท