เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1177 ดิ้นรนต่อสู้ (1)
แปลโดย iPAT
หลายวันต่อมาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน
กีบเท้าม้าอสูรเดียวดายสีดำเหยียบลงบนพื้นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรู
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
เขาสามารถหลบได้แต่รอยแยกใต้พิภพซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของชูตู๋อยู่ด้านหลังเขา
ดินหลากสีจำเป็นต้องดูดซับปราณพิภพและสารอาหารมากพอก่อนจะสามารถเคลื่อนย้ายอีกครั้ง หากพยายามเคลื่อนย้ายมันระหว่างนั้น พวกมันจะถูกทำลาย
ทรัพยากรส่วนใหญ่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกย้ายกลับเข้าไปในมิติช่องว่างของชูตู๋แล้วแต่ทรัพยากรบางชนิดยังไม่สามารถนำกลับไป
ตั้งแต่ฟางหยวนนำเจตจำนงของสองปีศาจอมตะมาถึง ชูตู๋ขอให้เขาช่วยปกป้องสถานที่แห่งนี้
แน่นอนว่ามันมีค่าตอบแทน
ชูตู๋สัญญากับฟางหยวนว่าเขาจะมอบดินหลากสีครึ่งหนึ่งให้ฟางหยวน
เปลี่ยนเป็นหมีบิน!
ร่างของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นหมีสีขาวขนาดใหญ่และปิดกั้นม้าอสูรเดียวดายเอาไว้
หลังจากปะทะเดือด หมีบินถอยหลังกลับไปห้าถึงหกก้าวก่อนจะล้มลงบนพื้น
สำหรับม้าอสูรเดียวดาย มันหยุดนิ่งและส่ายศีรษะปัดเป่าความมึนงงออกไป
“แข็งแรงใช้ได้” ฟางหยวนกัดฟันก่อนจะคำรามด้วยเสียงของหมี
เมื่อเห็นม้าอสูรเดียวดายยังเวียนศีรษะ หมีบินฟางหยวนพุ่งเข้าโจมตีทันที
“บึม!”
ฝุ่นควันลอยขึ้นสู่อากาศ
หมีบินใช้อุ้งเท้าฟาดม้าอสูรเดียวดายและทำให้มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
แม้ม้าอสูรเดียวดายจะแข็งแกร่งมากแต่หมีบินฟางหยวนสามารถกำหราบมัน
‘โชคดีที่ข้าเพิ่มวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเข้าไปในท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นหมีบิน นี่ทำให้ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถปราบปรามม้าอสูรเดียวดายตัวนี้’
ฟางหยวนหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นม้าอสูรเดียวดายหมดสติไป
เขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และเก็บม้าอสูรเดียวดายเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
‘สัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สาม’ ฟางหยวนคิด
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเดียวดายที่หลากหลายเข้ามา
หลังจากฟางหยวนเรียนรู้ความลับของถ้ำปีศาจคลั่ง เขาตัดสินใจสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับชูตู๋
ฟางหยวนมาที่นี่เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ แม้การต่อสู้จะรุนแรงแต่ฟางหยวนยังมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย
ไม่กี่วันมานี้มีสัตว์อสูรเดียวดายที่ทะลวงผ่านแนวหน้าเข้ามาถึงที่นี่สามตัว ม้าอสูรเดียวดายสองตัวและหมาป่าครีบฉลามเดียวดายหนึ่งตัว
ฟางหยวนถือว่าพวกมันเป็นคู่ฝึกซ้อมในการฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขา
เขาสังหารสัตว์อสูรเดียวดายสองตัวแรกและเก็บสัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สาม
‘ม้าอสูรเดียวดายก่อนหน้านี้ไม่มีเงา มันน่าจะเป็นม้าไร้เงาที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ’
แม้ฟางหยวนจะไม่เคยเห็นม้าไร้เงามาก่อนแต่เขายังสามารถแยกแยะ
ม้าไร้เงาเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันก็เป็นสัตว์อสูรหายาก
ไม่มีม้าไร้เงาขายในสวรรค์สีเหลือง
ม้าไร้เงาตัวนี้เป็นสมบัติของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หลังจากฟางหยวนเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างของตน เขารีบใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบมันทันที
ฟางหยวนตระหนักว่าบนร่างกายของม้าไร้เงาตัวนี้นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด มันยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสอีกมากมาย
หลังจากพยายามหลายวิธี ฟางหยวนก็ยังไม่สามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสเหล่านี้และต้องสังหารมันเท่านั้น
ม้าไร้เงาตัวนี้เป็นทาสของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หากมันยังอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะทำลายทุกสิ่ง
แต่การฆ่ามัน ฟางหยวนจะสามารถขายเนื้อและกระดูกของมันในสวรรค์สีเหลือง
ม้าไร้เงาที่มีชีวิตมีค่ามากกว่า แต่มันเป็นสมบัติของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ผู้อื่นไม่สามารถกดขี่มัน
ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะไม่ซื้อม้าไร้เงาที่มีปัญหาตัวนี้
นอกจากนั้นการขายม้าไร้เงาตัวนี้อย่างเปิดเผยจะถูกค้นพบโดยจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เขาอาจให้บางคนซื้อมันกลับไป
ต้องไม่ลืมว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด มันจะเป็นการสร้างศัตรูที่น่ากลัว ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องฆ่ามันเท่านั้น
หลังจากสังหารม้าไร้เงาและแปรรูป ฟางหยวนนำส่วนหนึ่งของมันไปขายในสวรรค์สีเหลืองทันที
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซากศพของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายและราชาวานรจากถ้ำปีศาจคลั่งที่เขาโยนเข้าไปในสวรรค์สีเหลืองแทบไม่ได้รับการตอบรับ
ฟางหยวนเคยใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบพวกมันมาก่อน
เขาตระหนักว่าซากศพของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายและราชาวานรมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท
เห็นได้ชัดว่าเสียงปีศาจในถ้ำปีศาจคลั่งทำให้เกิดสถานการณ์นี้
เสียงปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขต มันทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้ยินเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในร่างของพวกมันก็จะเกิดความปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลง
เฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้และนำซากศพอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายกับราชาวานรกลับมาจากสวรรค์สีเหลือง
ยิ่งเขาวางไว้ในสวรรค์สีเหลืองนานเท่าใด เขาก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมมากเท่านั้น มันไม่คุ้มค่า
นอกจากซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสอง ฟางหยวนยังนำวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากกลับมาเช่นกัน ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้มีวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีมากที่สุด
ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบ่อยครั้งและเสียค่าใช้จ่ายไปมากมาย
นอกเหนือจากวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปี ฟางหยวนยังต้องการวิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนมาก
แต่วิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นวิญญาณหายาก ฟางหยวนจึงต้องขอให้ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาช่วยหลอมรวมพวกมันให้เขาโดยแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงาน
ฟางหยวนค้นหาผู้ขายคริสตัลสวรรค์ในสวรรค์สีเหลือง
จนถึงตอนนี้เขาพบเพียงสองรายเท่านั้น
หนึ่งคือผู้อมตะระดับแปด แต่ฟางหยวนไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เขาต้องการ
อีกหนึ่งเป็นผู้อมตะระดับหกที่บังเอิญพบคริสตัลสวรรค์โดยบังเอิญ ฟางหยวนต้องการซื้อแต่ราคาของมันแพงกว่าปกติสามเท่า
ฟางหยวนคิดและเลือกที่จะยอมแพ้ แม้เขาจะมีทรัพยากรมากมาย แต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้ากำลังจะมาถึงในเวลานั้น มันไม่คุ้มค่าที่จะใช้ทรัพยากรจำนวนมากแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสวรรค์เพียงเล็กน้อย
‘โอ้?’ ในจังหวะนี้ฟางหยวนได้รับข้อความจากชูตู๋ เขาขอให้ฟางหยวนไปช่วยหลี่ซื่อจุน สถานการณ์ที่นั่นอันตรายมากและต้องการกำลังเสริม
สองสามวันที่ผ่านมา นี่เป็นข้อความแรกที่ฟางหยวนได้รับ
เขารีบไปที่สนามรบทันที
ที่นั่นหลี่ซื่อจุนกับหวังอู๋หมิงอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบาก
ฝูงหมาป่าเดียวดายกำลังล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้
แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ
เขาได้รับข้อมูลจากชูตู๋มาแล้ว
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถสร้างร่างเทียมของสัตว์อสูรเดียวดาย
ท่ามกลางพวกมันมีร่างจริงเพียงร่างเดียว หากหาร่างจริงไม่พบ ร่างเทียมของมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สัตว์อสูรเดียวดายแต่ละตัวมีร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูนั่งอยู่บนแผ่นหลังของพวกมันทุกตัว
‘ร่างหลักอยู่ที่ใด?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตน
กองทัพภูตมนุษย์พุ่งเข้าโจมตีฝูงหมาผ่า
“มันคือหลิวกวนซื่อ!” หลี่ซื่อจุนแทบร้องไห้ออกมาด้วยความสุข
หวังอู๋หมิงก่นเสียงเย็น ครั้งก่อนฟางหยวนใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อฟางหยวน แม้ตอนนี้ฟางหยวนจะมาช่วยพวกเขา แต่หวังอู๋หมิงก็ไม่รู้สึกขอบคุณ
กองทัพภูตมนุษย์และฝูงหมาป่าปะทะกัน
ไม่กี่นาทีต่อมากองทัพภูตมนุษย์ก็ถูกทำลายจนแทบหมดสิ้นโดยฝูงหมาป่า
เปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด
ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเป็นท่าไม้ตายที่ผสมผสานระหว่างเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งทาส แต่หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ประโยชน์ของพวกมันก็จะลดน้อยลง
แม้พวกมันจะมีจำนวนมากแต่พวกมันยังขาดพลังการต่อสู้
ในอดีตฟางหยวนมักใช้กองทัพภูตมนุษย์เพื่อซ่อนร่างจริงของเขา
กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!
ฟางหยวนเปลี่ยนท่าไม้ตายและทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
ฝูงหมาป่าเดียวดายแทบไม่สามารถต่อต้านกำปั้นยักษ์ของฟางหยวน
…..
แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง
ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมส่องประกายราวกับดวงตะวัน
“ครั้งที่สาม!” ท่านหญิงหว่านซูสูดหายใจลึก นางถือบอลสายฟ้าเดินเข้าไปหาหม่าหงหยุน
หม่าหงหยุนตะโกน “ไม่ ไม่ ปล่อยข้าไป ข้าไม่อยากตาย!”
บอลสายฟ้าลอยไปที่หน้าอกของเขา
ประกายสายฟ้าปะทุขึ้นก่อนที่หม่าหงหยุนจะหมดสติ
“ล้มเหลวอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรงและแทบล้มลงบนพื้น
นางไม่สนอาการบาดเจ็บและเริ่มรักษาหม่าหงหยุน
หม่าหงหยุนต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นวัสดุในการหลอมรวม
“หือ? ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ” ระหว่างการรักษา ท่านหญิงหว่านซูพบสิ่งผิดปกติ
“มันเป็นเพราะบอลสายฟ้างั้นหรือ? ในความเป็นจริงวิญาณบางดวงสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ”
“ที่รัก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูพึ่งมาถึงในเวลานี้
“อย่ากังวล” ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูซีดขาวแต่นางยังเผยรอยยิ้มให้ปีศาจอมตะเซี่ยหู “ข้าเพียงต้องพักสักเล็กน้อยเท่านั้น”