เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1176

ตอนที่ 1176

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1176 ข้อตกลงของปีศาจ

แปลโดย iPAT

ไม่กี่วันต่อมาฟางหยวนก็มาถึงถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

‘ผู้ใดจะคิดว่าชูตู๋จะสร้างค่ายกลวิญญาณขนส่งเพื่อเคลื่อนย้ายผู้อมตะเข้าและออกจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน’ ฟางหยวนรู้สึกชื่นชมการเตรียมการของชูตู๋

นี่คือแผนสำรองของเขา

ตราบเท่าที่มีค่ายกลวิญญาณขนส่ง พวกเขาจะไม่ติดอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ชูตู๋จะแสดงท่าทีแข็งกร้าวแต่เขาไม่ใช่คนบุ่มบ่ามและบ้าบิ่น

“น้องหลิว เจ้ามาแล้ว” ชูตู๋มารับฟางหยวน

เมื่อเห็นฟางหยวน เขาแสดงออกอย่างมีความสุข

ฟางหยวนถอนหายใจ “โชคชะตามักล้อเล่นกับผู้คนเสมอ หากไม่เกิดอุบัติเหตุ ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะกลายเป็นสวรรค์อันเงียบสงบ”

ฟางหยวนมองไปรอบๆและเห็นถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกลายเป็นสนามรบที่ดุเดือด

ชูตู๋กล่าวในช่วงเวลาที่เหมาะสม “ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีพื้นที่ขนาดใหญ่ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ข้าได้เชิญกำลังเสริมมาแล้วหลายคน พวกเขาเฝ้าระวังและปกป้องอยู่ในสถานที่ต่างๆขณะที่ข้าอยู่ที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถเข้ามาด้วยตัวเขาเอง”

ฟางหยวนแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ “พี่ชู ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ข้านำสิ่งที่ท่านต้องการมาแล้ว”

หลังกล่าวจบคำ ฟางหยวนสะบัดแขนเสื้อนำสองเจตจำนงออกมาทันที

เจตจำนงทั้งสองกลายร่างเป็นปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานที่ถือวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะเอาไว้ในมือ

ฟางหยวนไม่ได้เก็บเจตจำนงทั้งสองไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยมัน

เดิมทีฟางหยวนเคยคิดที่จะทำลายเจตจำนงทั้งสองและขโมยวิญญาณอมตะ แต่สิ่งนี้เป็นไปไม่ได้

เหตุผลหลักคือฟางหยวนถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตร หากเขาโจมตีพวกมัน เขาจะตายเพราะผลกระทบย้อนกลับ

ประการที่สอง วิญญาณอมตะทั้งสองดวงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฉกฉวยเพราะวิญญาณอมตะทั้งสองบรรจุเจตจำนงของเจ้าของเอาไว้ภายใน เพียงความคิดเดียว พวกเขาก็สามารถระเบิดทำลายพวกมันได้ทันที

“ขอบใจมาก” ชูตู๋กล่าวก่อนจะเก็บเจตจำนงของเพิ่งซานเข้าไปในมิติช่องว่างของตนเอง

ฟางหยวนสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี้

มิติช่องว่างของผู้อมตะเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของผู้อมตะที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อคนนอก

จากการกระทำของชูตู๋ ดูเหมือนเขาจะเชื่อใจเพิ่งซานเป็นอย่างมาก

ชูตู๋กล่าวกับปู้อู๋หมิง “ปู้อู๋หมิง เจ้าสามารถอยู่กับพันธมิตรของข้า”

ปู้อู๋หมิงลูบเคราและยิ้มให้ฟางหยวน “ร่างหลักของข้าเดาถูกว่าเหตุใดเจ้าถึงเลือกคนผู้นี้”

“หมายความว่าอย่างไร?” ฟางหยวนถาม เขาเต็มไปด้วยความสงสัย

ชูตู๋ตอบ “ให้ข้าอธิบาย โดยผิวเผิน ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ แต่แท้จริงแล้วมันถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขตเมื่อเขาไล่ล่าความลับของชีวิตนิรันดร์”

“เทพปีศาจไร้ขอบเขตหลอมรวมวิญญาณต้นกำเนิดในตำนาน เขาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่งและทำการหลอมรวมวิญญาณที่นั่น”

เทพปีศาจไร้ขอบเขต!

ชีวิตนิรันดร์!

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “แล้วเทพปีศาจไร้ขอบเขตประสบความสำเร็จหรือไม่?”

ปู้อู๋หมิงส่ายศีรษะ “พวกเราไม่รู้แน่ชัด ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ เทพปีศาจไร้ขอบเขตหายสาบสูญไปอย่างลึกลับ เขาจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้”

“อย่างไรก็ตาม” ปู้อู๋หมิงกล่าวต่อ “สิ่งที่ชูตู๋กล่าวเป็นเรื่องจริง ถ้ำปีศาจคลั่งเป็นสถานที่ที่เทพปีศาจไร้ขอบเขตเคยอาศัยอยู่ เขาอยู่ในชั้นที่ลึกที่สุดของถ้ำปีศาจคลั่ง วิญญาณต้นกำเนิดยังอยู่ในค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยเขา”

“วิญญาณต้นกำเนิด…” ฟางหยวนพึมพำ

วิญญาณดวงนี้มีชื่อเสียงมาก ไม่เพียงผู้อมตะแต่กระทั่งผู้ใช้วิญญาณยังเคยได้ยินชื่อของมัน

เหตุผลเป็นเพราะมันอยู่ในตำนานมนุษยคนแรก

หลังจากสวรรค์ทั้งเจ็ดพังทลายลง บุตรทั้งสิบของมนุษย์คนแรกตายไปทีละคน มนุษย์คนแรกกำลังจะตายเพราะอายุขัยเช่นกัน แต่ในช่วงเวลานั้นมนุษย์คนแรกรวบรวมศพของบุตรทั้งสิบและบูชายัญตนเองกับวิญญาณต้นกำเนิด วิญญาณต้นกำเนิดระเบิดแสงแห่งชีวิตออกไปทั่วทั้งแผ่นดินและทำให้เกิดเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้น มนุษย์เหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์คนแรกหรือบุตรทั้งสิบของเขา แต่พวกเขาสามารถบ่มเพาะหลังจากปลุกทะเลวิญญาณให้ตื่นขึ้น

ด้วยเหตุนี้โลกใบนี้จึงพัฒนาเป็นโลกของผู้ใช้วิญญาณ ในช่วงเวลาเหล่านั้นผู้อมตะระดับเก้าถือกำเนิดขึ้น พวกเขาแต่ละคนเป็นตัวแทนของแต่ละยุคสมัยและสามารถฝากร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์

“เทพปีศาจไร้ขอบเขตได้รับวิญญาณต้นกำเนิดและพยายามเลียนแบบมนุษย์คนแรกเพื่อสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาอีกครั้งงั้นหรือ?” ฟางหยวนถาม

“ไม่ใช่กรณีนั้น” ปู้อู๋หมิงตอบ “มนุษย์คนแรกสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันเป็นวิธีการทำซ้ำบนเส้นทางแห่งมนุษย์ อย่างไรก็ตามเทพปีศาจไร้ขอบเขตบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกฎ เขาต้องการใช้วิญญาณต้นกำเนิดเพื่อให้กำเนิดพลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่ พลังงานแห่งเต๋าเหล่านั้นคือเงื่อนงำของการบรรลุชีวิตนิรันดร์”

“ใช้วิญญาณต้นกำเนิดสร้างพลังงานแห่งเต๋า?” ฟางหยวนตะลึง

ชูตู๋พยักหน้า “แม้นี่จะเป็นเพียงการอนุมานของสามปีศาจคลั่งแต่ถ้ำปีศาจคลั่งก็เป็นหลักฐานสำคัญ เสียงปีศาจในถ้ำคือผลกระทบที่เกิดจากการสร้างค่ายกลวิญญาณของเทพปีศาจไร้ขอบเขต การทำให้สิ่งมีชีวิตคลุ้มคลั่งเป็นเพียงผลข้างเคียง แรงจูงใจที่แท้จริงของเขาคือให้กำเนิดพลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่ในร่างของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น”

“เป็นเช่นนี้” ฟางหยวนส่ายศีรษะ เขาคิดก่อนถาม “แล้วมันประสบความสำเร็จหรือไม่?”

ปู้อู๋หมิงตอบ “ยิ่งเจ้าเข้าไปลึกเท่าใด เสียงปีศาจก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ท่ามกลางพลังงานแห่งเต๋าที่วุ่นวาย พลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่จะถือกำเนิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่พลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่เหล่านี้ถูกดึงเข้าไปในค่ายกลวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของถ้ำ พวกเราสามปีศาจคลั่งอยู่ที่นั่นเพราะต้องการทะลวงเข้าไปยึดครองวิญญาณต้นกำเนิดและควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้!”

“ผลที่ตามมาก็คือสามปีศาจคลั่งต้องการความแข็งแกร่งของข้า” ชูตู๋กล่าว

ฟางหยวนพยักหน้า เขาสามารถคาดเดา

ดังคาดคำกล่าวต่อไปของชูตู๋เป็นการยืนยันการคาดเดาของฟางหยวน

“ที่ชั้นนอกของถ้ำมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทางปรากฏอยู่ สามปีศาจคลั่งมีความเชี่ยวชาญของตนเอง แต่เส้นทางความแข็งแกร่ง พวกเขายังด้อยกว่าข้า ดังนั้นพวกเขาจึงเชิญข้าไปช่วยทำลายอุปสรรคบนเส้นทางความแข็งแกร่ง”

ปู้อู๋หมิงถอนหายใจ “มันไม่ใช่การช่วยเหลือพวกเราแต่มันเป็นการช่วยเหลือตัวเจ้าเอง พวกเราสามปีศาจคลั่งอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่งมาหลายร้อยปี แม้พวกเราจะมีความก้าวหน้าแต่เรายังไม่ได้รับประโยชน์มากนัก ความลับเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราทั้งสามจะได้รับมาด้วยเพียงความสามารถของพวกเรา พวกเราต้องการเจ้าและเจ้าก็ต้องการพวกเรา มีเพียงการร่วมมือกันพวกเราจึงจะได้รับผลประโยชน์จากเทพปีศาจไร้ขอบเขต”

ผ่านไปหลายร้อยปีแต่สามปีศาจคลั่งยังมีความก้าวหน้าไม่มากนัก พวกเขาต้องหาคนช่วย!

ชูตู๋คือเป้าหมายของพวกเขา

แต่ชูตู๋คิดว่าฟางหยวนเหมาะสมกับงานนี้เพราะความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ชูตู๋คิดว่าเขาต้องร่วมมือกับฟางหยวนไปอีกนาน พวกเขาต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

ดังนั้นเขาจึงขอให้ฟางหยวนไปที่ถ้ำปีศาจคลั่ง

ปู้อู๋หมิงและเพิ่งซานเข้าใจเจตนาของชูตู๋ ดังนั้นพวกเขาจึงต้อนรับฟางหยวนอย่างอบอุ่น

“จักรพรรดิอมตะ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ในภาคเหนือหรือกระทั่งทั้งห้าภูมิภาคอาจไม่มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางความแข็งแกร่งคนใดเหนือไปกว่าท่าน ไม่แปลกที่ผู้อาวุโสทั้งสามต้องการตัวท่าน แต่ข้ามีความสามารถใดที่คู่ควรให้พวกท่านเลือก?” ฟางหยวนถาม

ชูตู๋หัวเราะเสียงดัง “น้องหลิว อย่าได้ถ่อมตน เจ้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เจ้าสามารถปลอมตัวเป็นผู้อมตะระดับหกโดยไม่มีข้อบกพร่อง ข้าเห็นภัยพิบัติของเจ้าแล้ว แม้ข้าจะเห็นเพียงเล็กน้อยแต่ภัยพิบัติที่เจ้าเผชิญทรงพลังมาก นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีรากฐานที่ลึกซึ้ง กวาดตามองไปทั่วภาคเหนือ ในแง่ของความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้ใดจะสามารถแข่งขันกับเจ้า?”

“กระไรนะ!? เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ?” ได้ยินคำกล่าวของชูตู๋ ปู้อู๋หมิงตกใจมาก

เขาต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง “น่าประทับใจมาก! มีรากฐานบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นร่างหลักของข้าหรือร่างหลักของเพิ่งซาน ไม่มีผู้ใดที่สามารถมองออก”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น

สาเหตุหลักของเรื่องนี้มาจากท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย

แน่นอนว่ายังมีความประทับใจต่อภัยพิบัติของฟางหยวนที่ชูตู๋ได้พบเห็น

ใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

ฟางหยวนรู้ว่าแม้ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาจะไม่ต่ำต้อยแต่รากฐานบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขายังตื้นเขิน เขาอาศัยใบหน้าที่คุ้นเคนเพื่อทำให้คนนอกเข้าใจผิดเท่านั้น

แต่ความเข้าใจผิดนี้เป็นเรื่องดี

ดังนั้นตอนนี้ฟางหยวนจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเปลี่ยนกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกเป็นกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ด

ปู้อู๋หมิงตระหนักถึงกลิ่นอายระดับเจ็ดของฟางหยวนและจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงท่านแต่ข้ากำลังเข้าไปในสถานที่อันตราย ข้าต้องปกปิดตัวเองเพื่อความอยู่รอดของตนเอง หวังว่าผู้อาวุโสจะไม่โกรธข้า” ฟางหยวนขอโทษปู้อู๋หมิงอย่างสุภาพ

ปู้อู๋หมิงโบกมือ “ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว จักรพรรดิอมตะช่างมองการณ์ไกลนัก”

ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปมาก

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อมตะมักขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเสมอ

ชูตู๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม “น้องหลิว เจ้ายินดีร่วมค้นหาความลับของชีวิตนิรันดร์กับพวกเราหรือไม่?”

“แน่นอนว่าข้าเต็มใจ” ฟางหยวนตอบอย่างจริงจัง

ปู้อู๋หมิงกล่าว “หลังการต่อสู้ครั้งนี้ น้องหลิวสามารถไปที่ถ้ำปีศาจคลั่งและทำข้อตกลงกับพวกเรา”

“ได้!” ฟางหยวนตอบอย่างหนักแน่น

“หลังจากนี้ปู้อู๋หมิงจะอยู่กับน้องหลิว” ชูตู๋จัดการ

นี่เป็นการแสดงความจริงใจ

หากชูตู๋เก็บเจตจำนงของเพิ่งซานและปู้อู๋หมิงไว้พร้อมกับวิญญาณอมตะสองดวง เขาสามารถทำลายข้อตกลงพันธมิตรได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับฟันเฟืองใดๆ

แต่เขาแยกเจตจำนงรวมถึงวิญญาณอมตะทั้งสองออกจากกันและวางไว้ในมือของฟางหยวน มันไม่เพียงช่วยปัดเป่าความหวาดระแวงของฟางหยวนแต่ยังทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงความจริงใจของชูตู๋และสามปีศาจคลั่ง

เจตจำนงของปู้อู๋หมิงมึนงงก่อนจะเข้าใจ

ชูตู๋หัวเราะ “น้องหลิว เจ้าต้องระวังตัวให้มาก เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท