เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1181

ตอนที่ 1181

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1181 กุญแจสำคัญคือผลประโยชน์

แปลโดย iPAT

ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวต่อ “วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า ขณะที่เผ่าไป่ซูเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอิทธิพลของตระกูลฮวงจินกำลังลดลง”

“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในภาคเหนือ!”

“พวกเจ้าบอกว่าข้าได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงสวรรค์ แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น! ข้ามาที่นี่เพราะวิธีมนุษย์นำข้ามา ชื่อเสียงของเทพอมตะตะวันเดือดไม่สามารถข่มขวัญข้าได้อีกต่อไป หลังจากทั้งหมดเขาตายไปนานแล้ว!”

“ต่อไปผู้อมตะคนอื่นๆจะไม่พอใจตระกูลฮวงจินมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจะฉกชิงความรุ่งโรจน์ของพวกเจ้า ภาคเหนือเป็นดินแดนแห่งการต่อสู้ ผู้อมตะของภาคเหนือมีความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อยู่เต็มเปี่ยม การกดขี่พวกเขาจะทำให้เกิดการต่อต้านที่รุนแรง”

“ข้าเป็นคนแรกที่บุกถ้ำสวรรค์นิรันดร แต่หลังจากนี้จะมีผู้คนมาที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าพร้อมรับมือหรือไม่?”

เงียบ!

ผู้อมตะทั้งแปดโกรธจนตัวสั่นและแสดงออกด้วยความเย็นชา

ผู้นำกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์เผยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์ห้าธาตุช่างน่าทึ่งนัก เจ้าพยายามโน้มน้าวพวกเราโดยใช้แนวความคิดนี้ พวกเราควรเลียนแบบเผ่ากงและเพาะเลี้ยงผู้บ่มเพาะสันโดษเพื่อให้พวกเขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดเช่นเจ้างั้นหรือ?”

“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางที่ลึกซึ้ง เราสามารถทำงานร่วมกัน” ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แม้ผู้อมตะสี่ดินแดนจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขาก็เหลืออายุขัยไม่มาก พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่ข้าไม่มีปัญหานั้น”

ผู้อมตะทั้งแปดหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ากำลังดูแคลนรากฐานของตระกูลฮวงจิน! หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือเจ้ากำลังดูแคลนเทพอมตะตะวันเดือด! หากไม่ใช่เพราะเจ้า พวกเราทั้งแปดคงสร้างวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงขึ้นมาอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว สำหรับเผ่าไป่ซู พวกเขาจะอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แล้วพวกเขาจะคู่ควรเป็นฝ่ายธรรมะได้อย่างไร? ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือมีเพียงตระกูลฮวงจินเท่านั้น!”

…..

ฐานทัพหลักของเผ่าหลิว

แดนศักดิ์สิทธิ์ซวนไป่

“อา…คำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวตกใจมาก เขาคุกเข่าลงเพื่อรับคำสั่ง

เผ่าหลิวเป็นหนึ่งในกองกำลังตระกูลฮวงจินซึ่งเป็นบุตรหลานของเทพอมตะตะวันเดือด ขณะที่ถ้ำสวรรค์นิรันดรถือเป็นตัวแทนของเทพอมตะตะวันเดือด

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวได้รับป้ายคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร

มันเป็นป้ายคำสั่งสีทองแต่แท้จริงแล้วมันคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูล

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวขมวดคิ้ว “ถ้ำสวรรค์นิรันดรสั่งให้พวกเรากองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดร่วมมือกันกำจัดเผ่าไป่ซูงั้นหรือ?”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้อยู่กับชูตู๋ ผู้อมตะเผ่าหลิวมีความสุขที่เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น

เผ่าไป่ซูยึดครองเผ่าไห่ขณะที่ฐานทัพของเผ่าไห่อยู่ติดกับเผ่าหลิว

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นเผ่าหลิวจึงต้องระวังตัว ขณะเดียวกันชูตู๋ก็มีความบาดหมางฝังลึกกับเผ่าหลิวมาก่อน ชื่อเสียงในฐานะจักรพรรดิอมตะของชูตู๋ส่วนใหญ่มาจากผลงานที่เขากระทำต่อเผ่าหลิว

ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกับชูตู๋จึงไม่ต่างจากศัตรูสองคนของเผ่าหลิวต่อสู้กัน เผ่าหลิวเฝ้ามองอยู่นอกสนามรบและหวังว่าศัตรูทั้งสองจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

“แต่ตอนนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรถ่ายทอดคำสั่งมาแล้ว พวกเราต้องทำตาม”

“เผ่าหลิวอยู่ใกล้กับแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้เริ่มต้น พวกเราต้องพบกับแรงกดดันจากหลายทาง”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวปล่อยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลกลับไปยังถ้ำสวรรค์นิรันดร

…..

กลับสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน

ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ชูตู๋กับฟางหยวนที่ได้ยินข่าวนี้รู้สึกทั้งประหลาดใจและดีใจ

“กองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดบุกโจมตีเผ่าไป่ซู ด้วยวิธีนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะต้องล่าถอย” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ตระกูลฮวงจินไม่เคยกระทำการอย่างพร้อมเพรียงและรวดเร็วเช่นนี้ ข้าสสัยว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้น?” ชูตู๋รู้สึกสับสน

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น “บางทีอาจเป็นคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร”

“ถ้ำสวรรค์นิรันดร?” การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไป “ดูเหมือนจะมีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น”

ในความเป็นจริงโครงสร้างของโลกผู้อมตะภาคเหนือคล้ายกับภาคกลาง

สิบนิกายโบราณของภาคกลางและกองกำลังตระกูลฮวงจินล้วนอยู่ภายใต้กองกำลังส่วนกลาง ภาคกลางมีวังสวรรค์ขณะที่ภาคเหนือมีถ้ำสวรรค์นิรันดร

เป็นไปได้ว่าเทพอมตะตะวันเดือดเลียนแบบภาคกลางโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างสถานการณ์นี้

‘เหตุใดถ้ำสวรรค์นิรันดรถึงสั่งให้กองกำลังตระกูลฮวงจินร่วมมือกันจัดการเผ่าไป่ซู หลังจากทั้งหมดเผ่าไป่ซูได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะระดับแปด’ ชูตู๋คิดด้วยความสงสัย

สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือเวลาที่ดีที่สุดในการโจมตีเผ่าไป่ซูคือช่วงเวลาหลังจากพวกเขาทำลายเผ่าไห่ หากถ้ำสวรรค์นิรันดรตั้งใจโจมตีเผ่าไป่ซู พวกเขาควรลงมือในเวลานั้น

เหตุใดถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องรอจนถึงเวลานี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรสนใจถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเช่นกัน?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของชูตู๋จะจมดิ่งลง

“ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องใช้เวลาที่เหลือให้เกิดประโยชน์สูงสุดและพูดคุยกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเพื่อยุติความขัดแย้งนี้ วิญญาณอมตะไม่และวิญญาณอมตะใส่ใจยังต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมอีกระยะหนึ่ง” ฟางหยวนเตือน

ชูตู๋ได้สติ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง”

เขารีบส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกไปเจรจากับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูทันที

ตอนนี้ชูตู๋เป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน เขาได้เตรียมการมากมายเอาไว้ วิญญาณที่ถูกส่งออกไปไม่ถูกค้นพบโดยคนนอก

ก่อนที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะได้รับข้อความจากชูตู๋

เขาได้เรียนรู้ว่ากองกำลังฝ่ายธรรมะกำลังมุ่งหน้าไปที่เผ่าไป่ซูเพราะคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดร

นี่ทำให้เขาตกใจมาก เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา

ในอดีตเมื่อเผ่าไป่ซูถูกสร้างขึ้น จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน แต่ความเงียบของถ้ำสวรรค์นิรันดรทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกว่าเขาได้รับการยอมรับแล้ว เขาคิดว่าในฐานะผู้อมตะระดับแปด ถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่มีเหตุผลที่จะจัดการเขา

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกมึนงง

‘เหยาหวงและองค์ชายฟงเซี่ยนเป็นผู้อมตะระดับแปดฝ่ายธรรมะ องค์ชายฟงเซี่ยนอาจไม่มาแต่เหยากวงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจิน นอกจากนั้นยังมีถ้ำสวรรค์นิรันดร ฮืม…ปรมาจารย์ห้าธาตุรู้จักถ้ำสวรรค์นิรันดรดีที่สุด บางทีข้าอาจได้รับข้อมูลบางอย่างจากเขา…’

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกถึงแรงกดดัน

แต่เขายังไม่รู้ว่าปรมาจารย์ห้าธาตุกำลังต่อสู้อยู่ในถ้ำสวรรค์นิรันดร ในความเป็นจริงสถานการณ์นี้เกิดจากบทสนทนาระหว่างปรมาจารย์ห้าธาตุและกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์

‘สำหรับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน…’ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูประเมิน ‘ตอนนี้ข้าไม่สามารถทำลายมัน ข้าควรหยุด ข้าไม่สามารถเสียเวลาและพลังงานที่นี่ ตอนนี้ข้าต้องใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อปกป้องเผ่าไป่ซู’

จักรพรรดิสวรรค์ตัดสินใจล่าถอย

สาเหตุที่เขาต้องการทำลายถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเนื่องจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

แต่ตอนนี้เผ่าไป่ซูตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต ผลประโยชน์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจถูกทำลายลงในครั้งนี้

สถานการณ์นี้เลวร้ายอย่างที่สุด จักรพรรดิสวรรค์ไม่สามารถเสียเวลากับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้รับข้อความจากชูตู๋

‘โอ้ ดังคาด มันมาจากจักรพรรดิอมตะ…’ หลังจากตระหนักถึงความตั้งใจของชูตู๋ สายตาของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกลายเป็นมืดครึ้ม

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจบลงในที่สุด

สิ่งที่ทำให้โลกของผู้อมตะภาคเหนือตกตะลึงคือชูตู๋ไม่สามารถเพียงแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขากับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูแต่ชูตู๋ยังใช้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานสร้างฐานที่มั่นและเปลี่ยนมันเป็นกองกำลังพันธมิตรของเผ่าไป่ซู

หลังจากบรรลุข้อตกลงพันธมิตร ชูตู๋อนุญาตให้ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ด้วยการหยิบยืมชื่อเสียงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ชูตู๋สามารถบังคับให้ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะที่เขาเชิญมาก่อนหน้าเข้าร่วมกับนิกายชูของเขาในวันนั้น

นิกายชู

นี่เป็นนิกายแรกที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ!

ฟางหยวนเฝ้ามองจากด้านข้าง แม้นิกายหลางหยาจะก่อตั้งขึ้นมาก่อนแต่ฟางหยวนก็ยังรู้สึกชื่นชมความสามารถของชูตู๋

ชูตู๋สามารถเอาะชนะตัวเอง

เขายอมแพ้และถอยหลังหนึ่งก้าวแต่เขากลับได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะระดับแปด!

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นคนฉลาดเช่นกัน

สถานการณ์ของภาคเหนือทำให้เขารู้สึกกดดันมาก เขาต้องหาพันธมิตรจากภายนอก

ชูตู๋สามารถคาดเดาความคิดของเขา ดังนั้นเขาจึงสร้างนิกายชูขึ้นมาเพื่อสิ่งนี้

และถ้ำสวรรค์ไห่ฟานยังสามารถเป็นฐานที่มั่นของพวกเขา

ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร

เชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นผู้สังหารไป่ซูเหว่ยโดยไม่ได้ตั้งใจถูกลงโทษเพียงเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะรอดพ้นจากคดีอาชญากรรมนี้

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่สามารถละทิ้งกำลังรบที่สำคัญทั้งสอง

ดังนั้นห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋จึงรู้สึกขอบคุณจักรพรรดิอมตะและกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดของนิกายชู

โลกของผู้อมตะภาคเหนือเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่อยู่บนจุดสูงสุดของภาคเหนือได้สร้างเผ่าไป่ซูขึ้นมาแต่ตอนนี้เขากลับต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของกองกำลังตระกูลฮวงจิน

ชูตู๋และจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่ต่อสู้กันมาอย่างดุเดือดกลายเป็นพันธมิตร

ผู้อมตะทั่วไปอาจตื่นตาตื่นใจกับเหตุการณ์ที่พลิกผันเหล่านี้ แต่สำหรับคนเช่นฟางหยวน เขาเข้าใจอย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเกิดความปั่นป่วนหรือการเปลี่ยนแปลงใดก็ตาม กุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดุสถานการณ์เหล่านี้ยังเป็นผลประโยชน์ นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท