เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1186

ตอนที่ 1186

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1186 วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็ง

แปลโดย iPAT

แม้ไห่ลั่วหลันจะได้รับทรัพยากรมากมายและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่นางก็ได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก

จากการประเมินมันน้อยกว่าสามสิบส่วนจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดที่มีอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นางกลืนกิน

ด้วยวิธีนี้นางสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติได้มากกว่าสิบครั้ง

นี่เป็นความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้ของไห่ลั่วหลัน!

เนื่องจากนางมีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา ในการก้าวข้ามภัยพิบัติแต่ละครั้ง นางจะได้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ตามตอนนี้นางก้าวข้ามภัยพิบัติมากกว่าสิบครั้งแต่นางกลับได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก

นี่คือสิ่งที่นางสูญเสีย

แม้ภัยพิบัติจะอันตรายแต่สำหรับตัวละครที่กล้าหาญและดุร้ายเช่นไห่ลั่วหลัน นางไม่เคยเกรงกลัวต่อความยากลำบาก ตรงข้ามนางกลัวการเป็นคนธรรมดา

‘แม้ข้าจะไม่เต็มใจ แต่ข้าจะทำสิ่งใดได้ ข้าติดอยู่ใต้เหวลึกและไม่สามารถปีกขึ้นไป…’ ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ

อิงอู๋เซี่ยสังเกตเห็นสิ่งนี้ เขาเผยรอยยิ้มอยู่ภายในขณะกล่าว “เอาล่ะ ออกเดินทางต่อกันเถอะ”

พวกเขาเดินทางผ่านอุโมงค์น้ำแข็งและเดินลึกเข้าไปในภูเขา

ในที่สุดพวกเขาก็พบกับกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่

มีหัวใจสีฟ้าอย่างน้อยหนึ่งพันดวงอยู่ภายใน

ไป่หนิงปิงไม่รู้จักสิ่งนี้

แต่ไท่เป่ยหยุนเฉิงกรีดร้อง “โอ้ สวรรค์ นี่คือหัวใจน้ำแข็ง พวกมันคือหัวใจน้ำแข็งทั้งหมด!”

การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนไปเช่นกัน “ไม่เพียงหัวใจน้ำแข็งแต่ยังมีหัวใจน้ำแข็งแฝด มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ด”

กระทั่งซื่อหนิวก็ยังอ้าปากค้าง “เหตุใดภูเขาหม้อหยกจึงมั่งคั่งนัก? หากผู้อมตะภาคใต้รู้เรื่องนี้ มันจะเกิดการต่อสู้แย่งชิงครั้งใหญ่!”

บนภูเขาหม้อหยกมีหมู่บ้านตระกูลอวี้ตั้งอยู่

หมู่บ้านตระกูลอวี้มีชีวิตอยู่ด้วยการพึ่งพาหินหยกและวิญญาณหยกที่อยู่บนภูเขา

พวกเขาเป็นกองกำลังมนุษย์ แม้ตระกูลอวี้จะมีผู้อมตะระดับห้าหลายคนแต่พวกเขาไม่มีผู้อมตะอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณค่าให้กล่าวถึง

แต่ผู้ใดจะคิดว่าภูเขาหม้อหยกที่อยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังมนุษย์จะเต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะ

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “ภูเขาหม้อหยกไม่มีสิ่งใดพิเศษ ภายนอกมันดูเรียบง่ายแต่นิกายเงาของข้าพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ หัวใจน้ำแข็งถือกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติ เดิมทีมันมีอยู่ไม่มากนัก แต่ผู้อมตะนิกายเงาได้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้เพื่อทำให้พวกมันเจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว”

“ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยให้กำเนิดวิญญาณหัวใจน้ำแข็งแต่พวกมันถูกนำออกไปแล้ว มีวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่เช่นกัน ก่อนหน้านี้มันยังไม่พร้อมใช้งาน แต่ตอนนี้มันก่อตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ไป่หนิงปิง ไปนำมันออกมาด้วยวิธีที่ข้าสอน”

“ได้!” ไป่หนิงปิงตอบรับโดยไม่ลังเล

นางก้าวออกมาข้างหน้า

จากนั้นนางก็วางฝ่ามือไว้บนกำแพงน้ำแข็ง

มือของไป่หนิงปิงถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์

ไห่ลั่วหลันยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกสงสาร

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มบางขณะที่ซื่อหนิงไม่กล่าวสิ่งใด

ไป่หนิงปิงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขณะที่พลังงานความเย็นพุ่งเข้าโจมตีร่างกายและจิตใจของนาง

แต่นางยังนิ่งเฉย

ภายในดวงตาของนางสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นและแน่วแน่ นางยังดื้อรั้นและเย็นชายิ่งกว่ากำแพงน้ำแข็ง

‘อดทนไว้!’

‘แม้ต้องตาย แล้วอย่างไร?’

‘ฮืม ตายเพราะถูกแช่แข็ง นี่น่าสนใจเช่นกัน’

‘นอกจากนี้นิกายเงายังต้องพบกับความยากลำบาก พวกเขากำลังต้องการกำลังคน อิงอู๋เซี่ยต้องการพลังการต่อสู้ของข้า แล้วเขาจะปล่อยให้ข้าตายเช่นนี้ได้อย่างไร?’

ดังคาด เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

กำแพงน้ำแข็งเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนก่อนจะทวีความรุนแรงขึ้น

ไม่กี่สิบลมหายใจต่อมากำแพงน้ำแข็งเริ่มเกิดรอยแตกร้าว

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะรั่วไหลออกมา

ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยากช่วย

นี่คือวิญญาณอมตะที่ดุร้าย มันยากที่จะจับกุม หากพวกเขาไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ มันอาจสายเกินไป

แต่อิงอู๋เซี่ยยังไม่เคลื่อนไหวและมองดูอยู่อย่างเงียบๆ

เมื่อเขาไม่เคลื่อนไหว ไห่ลั่วหลันและซื่อหนิงก็ไม่เคลื่อนไหว

ไป่หนิงปิงไม่สามารถขยับเขยื้อน

นางถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ อาจกล่าวได้ว่านางใกล้ตายแล้ว

แต่ในจังหวะที่นางกำลังจะตาย นางกลับดึงดูดวิญญาณอมตะออกมาจากกำแพงน้ำแข็ง

วิญญาณอมตะป่าดวงนี้บินเข้ามาหาไป่หนิงปิงอย่างช้าๆ

วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งระดับหก!

ไป่หนิงปิงตั้งสมาธิและเปิดทางเข้ามิติช่องว่างของนาง

วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งบินเข้าไปโดยตรง

เมื่อมิติช่องว่างของไป่หนิงปิงปิดตัวลง อิงอู๋เซี่ยจึงเริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของนางและดึงนางกลับมาจากขอบเหวแห่งความตาย

“ดี วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งอยู่กับเจ้าแล้ว มันไม่สามารถหลบหนี การปรับแต่งมันไม่ใช่เรื่องยาก” อิงอู๋เซี่ยปรบมือและยิ้ม

ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไป่หนิงปิงเพราะไป่หนิงปิงมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด!”

“แท้จริงแล้วกลิ่นอายของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดมีแรงดึงดูดต่อวิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็ง ดังนั้นข้าจึงบอกให้ไป่หนิงปิงจับมันโดยไม่ต้องใช้วิธีป้องกันใดๆ วิธีนี้สามารถปลดปล่อยกลิ่นอายของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดออกมาได้อย่างเต็มที่” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าอธิบาย

“ตรงข้ามหากพลังของไป่หนิงปิงสูงเกินไป วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งจะลังเล มีเพียงช่วงเวลาที่ไป่หนิงปิงใกล้ตายเท่านั้นที่วิญญาณอมตะจิตวิญญาณน้ำแข็งจะออกมาหานางด้วยตัวมันเอง”

“เป็นเช่นนั้น” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเข้าใจในที่สุด

“นายท่านฉลาดมาก!” ซื่อหนิวผู้ภักดียกย่อง

“ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยเงยหน้าหัวเราะ “นิกายเงามีทรัพยากรมากมาย การอยู่กับข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รับประโยชน์มหาศาลเช่นเดียวกับกำแพงน้ำแข็งแห่งนี้ นิกายเงาของข้าใช้เวลาหลายพันปีในการเลียนแบบสภาพแวดล้อมและหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้”

“นิกายเงามีวิธีการบ่มเพาะมากมาย หากพวกเจ้ามีพรสวรรค์ต่ำ เราก็จะเพิ่มมัน หากพวกเจ้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อย เราก็จะเพิ่มมัน ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น”

หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

คำกล่าวสุดท้ายของอิงอู๋เซี่ยพุ่งตรงมาที่นางอย่างชัดเจน

‘คนผู้นี้สามารถเรียนรู้วิธีการเป็นผู้นำ เขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจริงๆ’ ไห่ลั่วหลันคิด

อิงอู๋เซี่ยโบกมือ “ไปต่อ!”

ภาคเหนือ

‘ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติน้อยเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจและรู้สึกไม่มีความสุขกับเรื่องนี้

ในเวลาเดียวกันไห่ลั่วหลันกลับไม่มีความสุขที่ตนเองก้าวข้ามภัยพิบัติมากเกินไป

ฟางหยวนถอนหายใจกับผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง

หากเป็นไปได้เขาต้องการบรรลุระดับเจ็ดอย่างรวดเร็วที่สุด!

การต่อสู้ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา นั่นคือระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป องุ่นเขียวอมตะไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาอีกต่อไป

ในอดีตฟางหยวนสามารถควบคุมอนาคตได้ดีเพราะเขาอยู่เพียงลำพัง แต่ตอนนี้เขามีพันธมิตรมากมาย เขาไม่สามารถเพิกเฉยและไม่ให้ความช่วยเหลือพันธมิตรเหล่านั้น

และด้วยการเดินทางไปยังทะเลตะวันออก เขาตระหนักถึงการเติบโตที่รวดเร็วของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ นั่นยิ่งทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเสียสละศักยภาพในอนาคตและเพิ่มมความแข็งแกร่งให้กับตนเองอย่างรวดเร็วที่สุด

‘หากไม่มีปัจจุบัน แล้วจะมีอนาคตได้อย่างไร?’

‘ศักยภาพเป็นสิ่งที่ดี แต่การบ่มเพาะต้องใช้เวลา’

‘การบ่มเพาะที่ถูกต้องคือการทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ที่ได้รับจริงในปัจจุบัน’

การสูญเสียของฟางหยวนรุนแรงกว่าไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่รู้สึกเสียใจกับความสูญเสียเหล่านั้น

‘ฮันตงก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์มาแล้วสองครั้งและภัยพิบัติพิภพอีกมากกว่ายี่สิบครั้ง แต่เมื่อข้ากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขา ข้ากลับก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพได้เพียงสี่ครั้ง’

‘นี่เป็นเพราะมิติช่องว่างจักรพรรดิใหญ่เกินไป ผลลัพธ์ของก้าวข้ามภัยพิบัติจึงไม่ชัดเจนเช่นนั้นหรือ?’

ฟางหยวนคิดและรู้สึกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นสาเหตุของเรื่องนี้

ผู้อมตะระดับหกต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและภัยพิบัติสวรรค์ทุกหนึ่งร้อยปี หลังจากสามร้อยปีและผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สาม พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

ในกระบวนการนี้ฟางหยวนก้าวข้ามไปได้เกือบหนึ่งในสามส่วน

‘ยังไม่เร็วพอ ข้าต้องเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดโดยเร็วที่สุด นอกจากความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้น สถานะทางการเงินของข้าก็จะมั่งคงขึ้นเช่นกัน’

‘หากแดนศักดิ์สิทธิ์ของฮันตงยังไม่เพียงพอ ข้าก็จะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้มากขึ้น’

‘แม้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับการก้าวข้ามภัยพิบัติด้วยตัวของข้าเอง แต่ข้าสามารถประหยัดเวลาและจะก้าวข้ามอุปสรรคได้ง่ายขึ้น’

‘นอกจากนี้การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้ายังทำให้ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมด กระทั่งมันจะสูญหายไปบ้าง ข้าก็เพียงต้องฆ่าผู้อมตะให้มากขึ้น!’

คิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความมุ่งมั่น

หลังจากค้นพบข้อได้เปรียบเพิ่มเติมของมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนก็ได้เรียนรู้วิธีการใหม่ในการบ่มเพาะ

วิธีการปกติทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่า แต่วิธีนี้ช้าเกินไป มันไม่เหมาะสมกับฟางหยวนที่เผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากทุกทิศทาง

การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้เขาสามารถยกระดับการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว เมื่อระดับการบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้น พลังการต่อสู้ของเขาก็จะพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน นี่เป็นวิธีที่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นได้รวดเร็วที่สุดและจะทำให้ฟางหยวนมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท