เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1190

ตอนที่ 1190

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1190 งานประลองทุ่งโลหิต

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ ถ้ำสวรรค์ฟงเซี่ยน

ผู้อมตะระดับแปดองค์ชายฟงเซี่ยนนั่งปิดเปลือกตาอยู่อย่างเงียบๆ

เปลวไฟลุกโชนขึ้นรอบตัวเขาราวกับอาภรณ์ที่สะบัดตัวขึ้นสู่อากาศ

เป็นเพียงเวลานี้ที่องค์ชายฟงเซี่ยนอ้าปากและพ่นไข่มุกเม็ดเล็กๆออกมา

ไข่มุกเพลิงขยายใหญ่ขึ้นเท่าศีรษะของทารก

มันบินไปรอบตัวองค์ชายฟงเซี่ยนก่อนที่องค์ชายฟงเซี่ยนจะพ่นไข่มุกเพลิงออกมาอีกครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป มีไข่มุกเพลิงแปดลูกบินอยู่รอบๆ

องค์ชายฟงเซี่ยนเปิดเปลือกตาขึ้นในที่สุด

ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้นขณะที่ไข่มุกเพลิงระเบิดตัวเองและกลายเป็นเปลวไฟแตกกระจายออกไป

“ข้าล้มเหลวอีกครั้ง ข้าไม่สามารถอนุมานร่องรอยของฟางหยวน” ดวงตาขององค์ชายฟงเซี่ยนมองไปยังเปลวเพลิงที่เลือนหายไป

องค์ชายฟงเซี่ยนล้มเหลวมาหลายครั้งแล้ว เขาไม่ได้เรียนรู้สิ่งใดเลย

“ข้าไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา การเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาของข้าไม่สามารถอนุมานตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวน” องค์ชายฟงเซี่ยนถอนหายใจ

เขาได้รับมอบหมายให้จับกุมตัวฟางหยวน แต่ปัญหาคือฟางหยวนซ่อนตัวเองได้ดีเกินไป ตราบเท่าที่ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ กระทั่งเทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังไม่สามารถอนุมานสิ่งใด

องค์ชายฟงเซี่ยนบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งไฟ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เป็นธรรมดา

ฟางหยวนออกมาข้างนอกเป็นครั้งคราวแต่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดปกปิดร่องรอยของตนเองทุกครั้ง

“นายท่าน เผ่ากงมาที่นี่ พวกเขาขอพบท่าน” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะหญิงชุดเหลืองเดินเข้ามารายงาน

นางเป็นหนึ่งในสองผู้อมตะหญิงคนสนิทขององค์ชายฟงเซี่ยนชื่อเล่อเหยา

“เผ่ากงมาที่นี่งั้นหรือ? ฮืม!” องค์ชายฟงเซี่ยนขมวดคิ้ว “ข้าไม่อยากพบพวกเขา”

“แต่ผู้อมตะเผ่ากงนำป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรมาด้วย” เล่อเหยาลังเล

องค์ชายฟงเซี่ยนเผยรอยยิ้มบาง “ป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรสามารถควบคุมสมาชิกตระกูลฮวงจิน แต่ข้าไม่ใช่”

เล่อเหยากังวล “แต่นายท่านลืมไปหรือไม่ตอนนี้พวกเราเป็นสายลับอยู่ในภาคเหนือ ท่านยังเป็นบุตรเขยของเผ่ากง ท่านเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของเผ่า หากท่านต่อต้านคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรอย่างเปิดเผย มันจะเกิดปัญหาหรือไม่?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” องค์ชายฟงเซี่ยนหัวเราะเสียงดัง “เล่อเหยา เจ้ากล่าวถูกเพียงครึ่งเดียว เราไม่สามารถดูแคลนถ้ำสวรรค์นิรันดร มันเป็นถ้ำสวรรค์ระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือด มันเหมือนกับวังสวรรค์ของภาคกลาง แต่ครั้งนี้ถ้ำสวรรค์นิรันดรสั่งให้ตระกูลฮวงจินทั้งหมดโจมตีเผ่าไป่ซู นี่คือการต่อสู้ระหว่างตระกูลฮวงจินกับกองกำลังภายนอก การล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงสร้างเผ่าไป่ซูและนิกายชูขึ้นมา เพื่อหยุดความตกต่ำของถ้ำสวรค์นิรันดร พวกเขาจะไม่ขอความช่วยเหลือจากข้า แต่เหยากวงคือตัวเลือกเดียวของพวกเขา!”

องค์ชายฟงเซี่ยนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่เล่อเหยายังไม่เข้าใจ “แล้วเหตุใดเผ่ากงถึงนำป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรมาที่นี่?”

ดวงตาขององค์ชายฟงเซี่ยกลายเป็นเย็นชา “คนเผ่ากงพยายามใช้ชื่อเสียงของถ้ำสวรรค์นิรันดรเพื่อใช้งานข้า เจ้าก็รู้ว่าเผ่ากงมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะ”

“เช่นนั้นพวกเราจะไม่พบพวกเขา!” เล่อเหยาเผยรอยยิ้มงดงาม

ทุกสิ่งเป็นไปตามการวิเคราะห์ขององค์ชายฟงเซี่ยน หลายวันต่อมาป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรก็ถูกส่งไปยังกองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมด

เหยากวงรับป้ายคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดรและถอนหายใจ

“ถ้ำสวรรค์นิรันดรยังคงเลือกข้า” เหยากวงพึมพำราวกับเขารู้อยู่ตลอดเวลา

แท้จริงแล้วสถานการณ์ชัดเจนมาก

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด หากกองกำลังตระกูลฮวงจินต้องการกำจัดเผ่าไป่ซู พวกเขาต้องมีผู้อมตะระดับแปดเช่นกัน

นอกจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ปีศาจอมตะเซี่ยหู และปรมาจารย์ห้าธาตุ ผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือก็เหลือเพียงองค์ชายฟงเซี่ยนและเหยากวงเท่านั้น

ตัวตนขององค์ชายฟงเซี่ยนมีปัญหา

เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน เขาเป็นเพียงบุตรเขยของเผ่ากง!

หากถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องพึ่งพาองค์ชายฟงเซี่ยน นั่นจะไม่ใช่การพิสูจน์คำกล่าวของปรมาจารย์ห้าธาตุงั้นหรือ? สายเลือดตระกูลฮวงจินที่ยิ่งใหญ่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองเพื่อเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่ง

ดังนั้นถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงเหลือตัวเลือกเดียว นั่นคือเหยากวง!

ในความเป็นจริงเหยากวงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

ตอนนี้เขายุ่งมากกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตายระดับแปด

เมื่อถูกขัดจังหวะ เหยากวงจึงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

เหยากวงโยนป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรลงบนพื้นอย่างไม่แยแส

“ข้าควรไปคุยกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก่อน” เหยากวงถอนหายใจและบินเข้าสู่สวรรค์สีขาว

ครู่ต่อมาจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ได้รับคำเชิญจากเหยากวง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจไปพบและพูดคุยกับเหยากวง

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองพูดคุยกันอย่างลับๆอยู่ในสวรรค์สีขาว

แท้จริงแล้วพวกเขาเป็นสหายกัน

หลังจากต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู ทั้งสองยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น

ดังนั้นพวกเขาจึงพบกันโดยปราศจากความโกรธหรือเกลียดชัง

“สหาย เป็นอย่างไรบ้าง?” เหยากวงถามด้วยรอยยิ้ม

“เห้อ…ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ข้าไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถอนหายใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เดิมทีเขาเพียงต้องการยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

แต่ชูตู๋แข็งแกร่งกว่าความคาดหมายของเขา นั่นทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

ชูตู๋และผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรวมถึงภัยคุกคามจากเขา

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้เรื่องนี้แต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

เหยากวงเข้าใจความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม เขายิ้ม “สหาย ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นผู้นำกองกำลังฝ่ายธรรมะ กระทั่งผู้อมตะระดับแปดเช่นพวกเราก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ”

“ข้าเคยอิจฉาสถานะผู้บ่มเพาะสันโดษของเจ้า ข้ายังเคยแนะนำให้เจ้าอย่าเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?”

“ข้าเข้าใจ แต่ข้าทำงานหนักมานานแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กระทั่งตอนนี้ข้าก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวอย่างเปิดเผย

เหยากวงเงียบก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรมาถึงมือข้าแล้ว”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถอนหายใจ เขาทั้งดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน

พวกเขาเป็นสหายที่ดี แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือพวกเขาต้องต่อสู้กัน กระทั่งพวกเขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถอนหายใจยาว “เช่นนั้นเราก็มาสู้กัน”

เหยากวงโบกมือ “นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้าย แม้ข้าจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่เผ่าเหยาไม่ใช่กองกำลังเดียวของตระกูลฮวงจิน ในความคิดเห็นของข้าเราควรปล่อยให้เด็กๆต่อสู้กันก่อน”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูคิดและพยักหน้า “เช่นนั้นเรามากำหนดวันประลองกันเถอะ”

“ได้” เหยากวงคิดก่อนกล่าว “เราควรใช้ทุ่งโลหิตเป็นสถานที่ประลอง”

“ที่นั่นเหมาะสมแล้ว” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเห็นด้วย

ทั้งสองตัดสินใจจัดงานประลองการต่อสู้ที่ทุ่งโลหิต หลังจากพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็ออกจากสวรรค์สีขาวและกลับเผ่าของตน

งานประลองทุ่งโลหิตสร้างความปั่นป่วนขึ้นในโลกของผู้อมตะภาคเหนือทันที

ผู้อมตะตระกูลฮวงจินเต็มไปด้วยความมั่นใจ

ในแง่ของรากฐาน นิกายชูกับเผ่าไป่ซูไม่สามารถแข่งขันกับกองกำลังพันธมิตรตระกูลฮวงจิน

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมาจากผู้บ่มเพาะสันโดษขณะที่ชูตู๋เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงบนเส้นทางสายปีศาจ

ยังมีเวลาอีกเล็กน้อยก่อนที่การประลองจะเกิดขึ้น ข่าวนี้แพร่กระจายไปถึงภาคกลางและภาคอื่นๆเช่นกัน

ทั้งสองฝ่ายกำลังรวบรวมความแข็งแกร่ง กองกำลังตระกูลฮวงจินคัดสรรตัวแทนอย่างระมัดระวังโดยเลือกเฉพาะชนชั้นสูงของตระกูล ขณะที่เผ่าไป่ซูและนิกายชูเริ่มสรรหาผู้เชี่ยวชาญและเตรียมการอย่างเต็มความสามารถ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท