เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1195

ตอนที่ 1195

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1195 เด็ก

แปลโดย iPAT

“เด็กน้อย รับท่านี้!” หลิวฮุ้ยตะโกนและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาจากร่างกาย

เขายกแขนขึ้นเหนือศีรษะและควบแน่นแสงสีเทารูปจันทร์เสี้ยงขึ้นกลางอากาศ

“ดี ในที่สุดผู้อาวุโสหลิวฮุ้ยก็ใช้ท่าไม้ตายจันทร์เสี้ยวสีเทาออกมา!”

“นี่เป็นท่าไม้ตายที่โด่งดังของหลิวฮุ้ย”

“ถูกต้อง ร่างกายของผู้ที่ถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้จะกลายเป็นหิน นี่เป็นท่าไม้ตายที่รับมือได้ยาก”

ภายในวังตะวันตก ผู้อมตะฝ่ายธรรมะโห่ร้องด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

อีกด้านหนึ่ง การแสดงของเซี่ยอู่เหิงกลับเปลี่ยนแปลงไป

เขารู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาของท่าไม้ตายนี้และไม่กล้าบุ่มบ่าม

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะและสร้างชั้นน้ำแข็งขึ้นมาปกป้องร่างกายของตนเอาไว้ แสงจันทร์สีเทาทำให้น้ำแข็งกลายเป็นหิน แต่ชั้นนำแข็งยังก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้แสงจันทร์สีเทาไม่สามารถสัมผัสร่างกายของเซี่ยอู่เหิง

“อันใด? เขาใช้ท่าไม้ตายสายโจมตีกับร่างกายของตนเองงั้นหรือ?”

“น่าอัศจรรย์นัก! เซี่ยอู่เหิงจัดการท่าไม้ตายจันทร์เสี้ยวสีเทาได้อย่างง่ายดาย เขาค่อนข้างฉลาด!”

“ต่อไป มอบความพ่ายแพ้ให้เขา!”

ผู้อมตะฝ่ายชูตู๋โห่ร้อง

ในทางตรงข้ามอารมณ์ผ่อนคลายของผู้อมตะฝ่ายธรรมะในวังตะวันตกหายไปอย่างสมบูรณ์

“พวกเราจะไม่พ่ายแพ้ให้กับเซี่ยอู่เหิงอีกครัั้งใช่หรือไม่?”

“กระทั่งผู้อาวุโสหลิวฮุ้ยก็ยังไม่สามารถรับมือเขางั้นหรือ?”

“เซี่ยอู่เหิงไร้ชื่อเสียงขณะที่ผู้อาวุโสหลิวฮุ้ยเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหกที่โด่งดัง!””

ขณะที่ผู้อมตะเหล่านี้กำลังพูดคุย เซี่ยอู่เหิงในชุดหินและน้ำแข็งก็พุ่งเข้าโจมตีหลิวฮุ้ย

“ตาเฒ่า แก่แล้วเหตุใดไม่พักผ่อนอยู่บ้าน? เช่นนั้นก็ตายซะ!”

เซี่ยอู่เหิงผลักฝ่ามือออกไป คลื่นหิมะและน้ำแข็งพุ่งขึ้นสู่อากาศ

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะผู้อาวุโสหลิวฮุ้ยถูกโจมตีและจมอยู่ใต้คลื่นหิมะและน้ำแข็งเหล่านี้

เซี่ยอู่เหิงชนะ!

หลิวฮุ้ยตาย!

ทุกคนตกใจกับผลลัพธ์นี้

“ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้ เซี่ยอู่เหิงได้รับชัยชนะมาแล้วสองรอบติดต่อกัน เขาได้รับบาดเจ็บและไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด!”

“ในการต่อสู้สองครั้งก่อนหน้า เขาต่อสู้กับผู้เยาว์ของฝ่ายธรรมะแต่เขาไม่สามารถสังหารคู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากลับสังหารหลิวฮุ้ย!”

“หลิวฮุ้ยที่ยิ่งใหญ่กลับตกตายอยู่ในมือของปีศาจอมตะไร้นาม!”

“สวรรค์! ข้าไม่อยากจะเชื่อ!”

“คนผู้นี้เป็นเพียงผู้อมตะระดับหกแต่พลังการต่อสู้ของเขากลับเทียบเท่าผู้อมตะระดับเจ็ด! เขามาจากที่ใด?”

“นี่ทำให้ข้าคิดถึงปีศาตอมตะเซี่ยหู เขาใช้แซ่เซี่ยและบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง เขาเหมือนปีศาจอมตะเซี่ยหูในวัยเยาว์!”

“เขายังห่างไกลจากปีศาจอมตะเซี่ยหู แต่ชัยชนะสามครั้งติดต่อกันจะทำให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่วโลก!”

ทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายของชูตู๋ต่างวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเซี่ยอู่เหิง

“เสี่ยวจิน อย่าเสียใจ นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเกินไป เขากระทั่งสามารถสังหารหลิวฮุ้ย!” เย่หลิวซุ้ยหงปลอบใจเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง

มันคือเย่หลิวเสี่ยวจิน

ขณะนี้แขนขวาของเขายังถูกแช่แข็ง ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีดำน้ำเงิน กระทั่งเลือดและกระดูกยังได้รับผลกระทบ

เย่หลิวเสี่ยวจินรู้สึกเจ็บปวดมากหลังจากพ่ายแพ้ เขากลับมาที่ห้องโถงแห่งนี้และก้มศีรษะลงตลอดเวลา

สำหรับคำกล่าวของเย่หลิวซุ้ยหง ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิน

เย่หลิวซุ้ยหงเห็นสิ่งนี้และถอนหายใจ “เจ้ายังเด็ก ความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า ความอัปยศจะทำให้เจ้าพยายามมากขึ้น ผู้ใดจะรู้ว่าในอนาคตเจ้าอาจประสบความสำเร็จและเหนือกว่าพวกเขา สิ่งสำคัญคืออย่าสูญเสียความมั่นใจ”

เย่หลิวซุ้ยหงมองไปทางเซี่ยอู่เหิงจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปทางเหนียงเอ๋อปิงซื่อที่ไม่สามารถสงบนิ่ง

“ข้าขอออกไปได้หรือไม่?” เหนียงเอ๋อปิงซื่อลอบขออนุญาตผู้อาวุโสเผ่าเหนียงเอ๋อ

อย่างไรก็ตามเหนียงเอ๋ออี้ฟางยังส่ายศีรษะ “คนผู้นี้ชนะมาสามครั้งแล้ว มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุด หากเจ้าสังหารเขา มันจะไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่หากเจ้าทำไม่สำเร็จ ศักดิ์ศรีของเจ้าจะถูกทำลาย อีกฝ่ายไม่ได้โง่เขลา เหตุใดพวกเขาถึงปล่อยให้เซี่ยอู่เหิงสู้ต่อไป?”

แต่ต่อมาชูตู๋กลับถอนเซี่ยอู่เหิงออจากการต่อสู้

เหนียงเอ๋อปิงซื่อตะคอก “แม้เขาจะไม่ต่อสู้แต่ข้าก็จะขึ้นไป เขาชนะสามครั้ง ข้าจะชนะอย่างน้อยหกครั้ง!”

เหนียงเอ๋อปิงซื่อลุกขึ้นและโค้งคำนับกงหว่านถิง “ข้าขอออกไปต่อสู้!”

คิ้วกงหว่านถิงขมวดเล็กน้อย

ฝ่ายของชูตู๋ได้รับชัยชนะสามครั้งติดต่อกัน

นี่ทำให้ฝ่ายธรรมะสูญเสียชื่อเสียงและยังสร้างความเสียหายต่อศักดิ์ศรีของกงหว่านถิงอีกด้วย

กงหว่านถิงรู้ว่าเหนียงเอ๋อปิงซื่อได้รับมรดกของผู้พิทักษ์ดาบเผ่าเหนียงเอ๋อ หลังจากไตร่ตรอง นางไม่มีเหตุผลที่จะไม่อนุญาตเขา

เหนียงเอ๋อปิงซื่อเข้าสู่สนามประลองและตะโกน “ผู้ใดต้องการตาย?”

เสียงโห่ร้องของฝ่ายชูตู๋เงียบลงทันที

“ระวัง อย่าหลงกลเด็กผู้นี้ เขาเป็นผู้อมตะระดับหกที่สามารถสังหารผู้อมตะระดับเจ็ด!”

“เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก เขาโหดเหี้ยมมาก เขาฆ่าผู้อมตะไปหลายคนในครั้งนั้น”

“กระทั่งปีศาจเฒ่าซากศพพิษก็ไม่สามารถทำสิ่งใดเขา”

“เขาเป็นผู้สืบทอดของผู้พิทักษ์ดาบเผ่าเหนียงเอ๋อ เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา”

เผชิญหน้ากับการท้าทายของเหนียงเอ๋อปิงซื่อ ฝ่ายชูตู๋กลายเป็นเงียบงันไปชั่วขณะ

“เด็กยุคนี้แต่ละคนช่างโหดเหี้ยมนัก” ชูตู๋เผยรอยยิ้มบาง

“พี่ชู โปรดให้ข้าออกไป” เซี่ยอู่เหิงร้องขอ

แต่ชูตู๋จะอนุญาตได้อย่างไร

เซี่ยอู่เหิงได้รับบาดเจ็บกระทั่งมิติช่องว่างบางส่วนยังกลายเป็นหินและสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากจากท่าไม้ตายของหลิวฮุ้ย

“อย่ากังวล ข้ามีแผนจัดการเด็กผู้นี้แล้ว” ชูตู๋เผยรอยยิ้มมั่นใจ

“ท่านยายหยิน ข้าต้องฝากการต่อสู้ครั้งนี้ไว้กับท่านแล้ว” ชูตุ๋กล่าวกับผู้อมตะชุดคลุมดำที่อยู่ด้านหลังเขา

ผู้อมตะหลังค่อมผู้นี้ถือไม้เท้าเอาไว้ในมือและไม่เคยกล่าวสิ่งใด

เมื่อได้ยินคำกล่าวของชูตู๋ นางก็ยกมือขึ้นปิดหมวกออก

“ฮิฮิ หญิงชราผู้นี้จะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” ยายหยินบินเข้าสู่สนามประลองและจ้องมองเหนียงเอ๋อปิงซื่อด้วยดวงตาสีเหลืองที่ขุ่นมัว

“อันใด? นางคือปีศาจอมตะระดับเจ็ด ยายหยิน!”

“ชูตู๋ช่างไร้ยางอายนัก เหนียงเอ๋อปิงซื่อเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก แต่เขากลับส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่มีชื่อเสียงออกมา!”

“ไม่ดีแล้ว เรียกเหนียงเอ๋อปิงซื่อกลับมา!” เหนียงเอ๋ออี้ฟางกังวลมาก

เหนียงเอ๋อปิงซื่อเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นของเผ่าเหนียงเอ๋อและได้รับการดูแลอย่างดี ครั้งนี้เหนียงเอ๋ออี้ฟางถูกส่งมาดูแลความปลอดภัยให้กับเหนียงเอ๋อปิงซื่อ หากเหนียงเอ๋อปิงซื่อตาย เหนียงเอ๋ออี้ฟางจะต้องรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตามเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเหนียงเอ๋อปิงซื่อกลับยิ่งพุ่งสูงขึ้น เขาพุ่งเข้าโจมตียายหยินทันที

…..

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

“เจ้าต้องขอบคุณข้าที่ทำให้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าพุ่งสูงขึ้นและกำลังจะถึงระดับห้า” ท่านหญิงหว่านซูพูดกับหม่าหงหยุนขณะที่ถือบอลสายฟ้าเอาไว้ในมือ

หม่าหงหยุนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “คนชั่ว เจ้ายังต้องการทรมานข้า เจ้าจะทรมานข้าไปถึงเมื่อใด? ข้าไม่ต้องการบ่มเพาะเช่นนี้ ปล่อยข้าไป!”

ท่านหญิงหว่านซูเย้ยหยัน “นั่นเป็นไปไม่ได้”

จากนั้นนางก็ส่งบอลสายฟ้าออกไป

“เปรี้ยง!”

ร่างของหม่าหงหยุนสั่นกระตุก เขากลอกตาไปมา อ้าปากค้าง และกรีดร้องตลอดเวลา

“อ๊าก…”

เขากรีดร้องกระทั่งประกายสายฟ้าสลายไปจนหมด

“ล้มเหลวอีกครั้ง เจ้าเด็กนี่!” ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูกลายเป็นมืดมน นางตบแก้มของหม่าหงหยุนอย่างดุเดือด

หม่าหงหยุนหมดสติจากการตบของนาง

…..

ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ฝนเทลงมาอย่างหนักทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ

ร่างของจ้าวเหลียนหยุนเปียกโชกไปด้วยสายฝน สายตาของนางพร่ามัวและรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

นางต้องประคองสติด้วยกำลังทั้งหมด

แม้นางจะเป็นปีศาจต่างโลกที่มีความทรงจำของโลกใบก่อนหน้า แต่นางยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับโลกของผู้อมตะมากนัก นางไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ

สิ่งเดียวที่นางกังวลคือหม่าหงหยุน

“ปีศาจต่างโลกผู้นี้ช่างโง่เขลานัก” หลี่จุนอิงเฝ้าสังเกตอยู่อย่างลับๆ

ซูเฮาส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยคาดคิดว่านางจะดื้อรั้นถึงเพียงนี้ มันผ่านไปมากกว่าสิบวันแล้ว”

หลี่จุนอิงหันกลับมาที่สามีของนาง “ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าฟงจินฮวงอาจใช้เรื่องนี้ต่อต้านพวกเรา นางอาจขอให้จ้าวเหลียนหยุนยอมแพ้ในการชิงตำแหน่งผู้นำนิกายและสัญญาว่าจะช่วยคนรักของนาง”

ซูเฮายิ้ม “เป็นไปไม่ได้ ด้วยธรรมชาติของฟงจินฮวง นางจะไม่ทำเช่นนั้น หลังจากทั้งหมดทั้งสองล้วนยังเด็ก”

…..

ในอาณาจักรแห่งความฝัน ภาคใต้

“อา…” ฟางหยวนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“เด็กน้อย ตอนนี้เจ้ารู้จักเจ็บปวดแล้วงั้นหรือ? หากเจ้าคุกเข่าลง เจ้าก็คงไม่ต้องทรมานเช่นนี้” ชายวัยกลางคนเคราหนากำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและกำหมัดแน่น “ท่านลุง บุรุษจะคุกเข่าให้บิดามารดาและสวรรค์พิภพเท่านั้น ข้าจะไม่คุกเข่าตามคำสั่งของผู้ใด! แม้ตายข้าก็จะไม่คุกเข่า!”

“หากไม่สนใจชีวิตของตนเอง การรักษาเจ้าก็ไร้ประโยชน์!” ชายวัยกลางคนบ่น

“ฮืม ข้าไม่ได้ขอให้ท่านรักษา!” ฟางหยวนอดทนต่อความเจ็บปวดและยืนขึ้นก่อนจะเดินออกจากระโจมไปโดยไม่หันหลังกลับ

อย่างไรก็ตามเขากลับล้มลงบนพื้นหลังจากเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ความเจ็บปวดทำให้เขาหมดสติ

เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองกลับมาอยู่ในกระโจมของชายวัยกลางคนอีกหน

“เจ้ายังเด็กเกินไป” ชายวัยกลางคนยกถ้วยสุราขึ้นดื่ม “ข้ารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าแล้วครึ่งหนึ่งและปล่อยให้อีกครึ่งเป็นบทเรียนของเจ้า”

ฟางหยวนพึมพำ “ขอบคุณ ท่านลุง แต่ข้าบอกท่านไปแล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเด็กแต่เป็นเรื่องของหลักการ!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท