เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1199

ตอนที่ 1199

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1199 ลดแลกแจกแถม

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนพยักหน้าเห็นด้วย

นี่เป็นราคาที่ยุติธรรม ดวงวิญญาณของผู้อมตะมีค่ามากขึ้นเพราะมันสามารถผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

เมื่อพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ก่อตั้งขึ้น เผ่ามนุษย์หินร้องขอวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมาก เนื่องจากพวกเขามีความต้องการสินค้าชนิดนี้สูงมาก

อย่างไรก็ตามวิญญาณความเด็ดเดี่ยวมักถูกขายในสวรรค์สีเหลือง พวกเขาไม่สามารถลดราคา

ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามนุษย์หินกับนิกายหลางหยามีความใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่วิญญาณความเด็ดเดี่ยวส่วนใหญ่ยังถูกขายในสวรรค์สีเหลือง

แดนน้ำแข็งของภาคเหนือขาดแคลนทรัพยากร เผ่ามนุษย์หินไม่สามารถจ่ายในราคาที่นิกายหลางหยาพึงพอใจ

เพื่อผลประโยชน์ของนิกายหลางหยา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถขายสินค้าส่วนใหญ่ให้กับเผ่ามนุษย์หิน

เผ่ามนุษย์หินไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวยังเป็นสินค้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโดยเฉพาะเมื่อผู้อมตะภาคใต้กำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาต้องการวิญญาณความเด็ดเดี่ยวจำนวนมาก

เรื่องนี้ยังทำให้เกิดการค้าขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวในตลาดมืด

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวถูกขายต่อในราคาที่สูงมาก

นิกายหลางหยาขึ้นราคาวิญญาณความเด็ดเดี่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่วิญญาณความเด็ดเดี่ยวก็ยังได้รับความนิยมอย่างมาก

ท่ามกลางแหล่งรายได้ทั้งหมดของฟางหยวน ธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยวทำกำไรให้เขามากที่สุด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับดวงวิญญาณของผู้อมตะไว้และกล่าว “ด้วยดวงวิญญาณของผู้อมตะ เราสามารถผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้มากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ดวงวิญญาณของผู้อมตะไม่ใช่สิ่งที่หาได้โดยง่าย การลงทุนในไท่ชิวยังเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ฟางหยวน หากเจ้ามีเวลาว่าง เดินทางไปที่ไท่ชิวสักสองสามครั้ง แม้ดวงวิญญาณของสัตว์อสูรหรือพืชอสูรอาจด้อยกว่าดวงวิญญาณของผู้อมตะ แต่เราสามารถใช้พวกมันทดแทน หากเจ้าลงมือด้วยตนเอง เราจะพัฒนาไท่ชิวได้เร็วขึ้น”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้จักความสามารถของฟางหยวน

ฟางหยวนตอบ “ข้าจะเข้าร่วมงานประลองทุ่งโลหิตเร็วๆนี้ ข้าเกรงว่าข้าคงไม่สามารถแบ่งความสนใจ นี่คือดวงวิญญาณของผู้อมตะดวงที่สอง ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะตรวจสอบคุณภาพของมัน”

“ดวงที่สอง?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขมวดคิ้วแต่เขาไม่แปลกใจ

เขารู้จักฟางหยวนและไม่แปลกใจหากฟางหยวนจะขายดวงวิญญาณของผู้อมตะสองสามดวง

“นี่เป็นดวงวิญญาณของผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหค” แต่สิ่งนี้ทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประหลาดใจเล็กน้อย

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์หายากมาก เขาไม่คาดหวังว่าฟางหยวนจะมีดวงวิญญาณของผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหค

“เจ้าสังหารเขางั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถามอย่างไม่เป็นทางการ

ฟางหยวนยิ้ม “ถูกต้อง”

นี่เป็นดวงวิญญาณของผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคเจิ้งหลิง ดวงวิญญาณของผู้อมตะคนแรกคือปีศาจอมตะเซี่ยซ่งซื่อ

นิกายหลางหยาเป็นกองกำลงเผ่ามนุษย์ขน นอกจากนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่รู้จักผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคผู้นี้ ดังนั้นเขาจึงรับมันไว้

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงได้แต้มผลงานมาหลายร้อยแต้ม

แต่ฟางหยวนยังนำดวงวิญญาณของผู้อมตะคนที่สามออกมา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายิ้ม “ดูเหมือนเจ้าจะตั้งใจขายดวงวิญญาณของผู้อมตะ เช่นนั้นก็นำทั้งหมดที่เจ้ามีออกมา!”

“ได้” ฟางหยวนนำดวงวิญญาณของผู้อมตะออกมาทีละดวง

เขามีดวงวิญญาณของผู้อมตะจำนวนมาก

ไม่ว่าจะเป็นดวงวิญญาณของตงฟางชางหาน เซี่ยซ่งซื่อ เจิ้งหลิน และคนอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและทะเลไหลเชี่ยว

เมื่อฟางหยวนนำดวงวิญญาณของผู้อมตะออกมาสามดวง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายิ้ม

แต่เมื่อฟางหยวนนำดวงวิญญาณของผู้อมตะดวงที่สิบออกมา การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเริ่มเปลี่ยนไป “เจ้าฆ่าคนไปมากเท่าใด?”

ฟางหยวนยิ้ม “มันเป็นเพียงความโชคดีเท่านั้น”

เขายังนำดวงวิญญาณของผู้อมตะออกมาอย่างต่อเนื่อง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกใจมาก

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงสามารถละทิ้งเผ่ามนุษย์และเข้าข้างพวกเรา!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกพูดไม่ออก

“เจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก!”

“เจ้าพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะแต่กลับสามารถสังหารผู้คนมากมาย เจ้าเหมือนเทพปีศาจจิตวิญญาณวัยเยาว์!”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นเมื่อได้ยินชื่อเทพปีศาจจิตวิญญาณ “นอกจากดวงวิญญาณของผู้อมตะ ข้ายังมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบ่มเพาะของผู้อมตะบนเส้นทางสายต่างๆ ข้ามีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะมากมาย ข้ามีกระทั่งท่าไม้ตายอมตะเขตแดน และมีแผนที่ล่าสุดของแต่ละภูมิภาค ข้าจะมอบมันให้กับนิกายเพื่อให้สหายร่วมนิกายสามารถเดินทางในโลกภายนอกได้สะดวกยิ่งขึ้น”

ฟางหยวนกำลังลดราคาครั้งใหญ่

ฟางหยวนสังหารผู้คนมากมายและได้รับข้อมูลปริมาณมหาศาลจากการค้นวิญญาณ

ข้อมูลและสมบัติส่วนใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาจากบรรพชนผมยาวในอดีต บางส่วนเป็นสิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาซื้อมาจากสวรรค์สีเหลือง

อย่างไรก็ตามพวกมันเป็นข้อมูลที่เก่าแก่มากแล้ว แตกต่างจากข้อมูลของฟางหยวน พวกมันเป็นข้อมูลใหม่ กระทั่งสวรรค์สีเหลืองก็ไม่มีขาย

นี่ทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถปฏิเสธ

เขาแตกต่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหยางหยาคนก่อนหน้า จิตวิญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนสนใจเพียงการหลอมรวมวิญญาณขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนใหม่มีความทะเยอทะยานที่จะนำนิกายหลางหยาปกครองโลก

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนส่วนใหญ่ของนิกายหลางหยาหันมาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

นิกายหลางหยาต้องรวบรวมข้อมูลทุกประเภทเช่นเดียวกับกองกำลังมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังตระกูลฮวงจินของภาคเหนือหรือสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงได้รับแต้มผลงานจำนวนมหาศาล

ในเมืองเมฆาอื่น

ผมที่สิบสองอยู่ระหว่างการหลอมรวมวิญญาณ

“โอ้ ไม่ ข้าพลาด!” การแสดงออกของผมที่สิบสองเปลี่ยนไปเมื่อไฟในการควบคุมของเขาอ่อนกำลังลง

เขากระตุ้นใช้วิญญาณก่อนจะพ่นเลือดคำโตออกมา

“พรวด!”

เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง ร่างของผมที่สิบสองสั่นสะท้านขึ้น เขาได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด

แต่ดวงตาของเขายังจดจ่ออยู่กับกองไฟ

หลังจากไม่นานกองไฟก็ดับมอดลง

ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมหยุดการทำงานขณะที่วิญญาณเจตจำนงของตนเองมากกว่าหนึ่งร้อยดวงจะปรากฏขึ้น

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า พวกเขามีความเชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมที่ไม่ธรรมดาแต่มีพลังการต่อสู้ต่ำ

วิญญาณเจตจำนงของตนเองเหล่านี้เป็นวิญญาณระดับห้า แต่ผมที่สิบสองสามารถหลอมรวมพวกมันขึ้นมาได้ในครั้งเดียว นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่ธรรมดาบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของผมที่สิบสอง

ผมที่สิบสองคิด ‘โชคดีที่ข้าเสียสละตนเองเพื่อชดเชยความผิดพลาด มิฉะนั้นวิญญาณเหล่านี้จะถูกทำลายทั้งหมด นอกจากนั้นข้ายังต้องเสียค่าชดเชยสามเท่า’

เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตวิญญาณเจตจำนงของตนเอง ฟางหยวนไม่เพียงใช้แต้มผลงานเพื่อดึงดูดผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน แต่ฟางหยวนยังเป็นผู้จัดหาวัสดุในการหลอมรวมทั้งหมด

ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่เหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจึงเต็มไปด้วยความเคารพต่อฟางหยวน ยิ่งไปกว่านั้นสภาพคล่องทางการเงินของฟางหยวนยังทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยอมรับความแตกต่างระหว่างพวกเขา

ผมที่สิบสองรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

‘การหลอมรวมวิญญาณเจตจำนงของตนเองสิบเอ็ดรอบโดยไม่หยุดพักทำให้ร่างกายและจิตใจของข้าเหนื่อยล้าเกินไป ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือคำเตือนว่าข้าต้องพัก แต่ข้าจะรับภารกิจนี้อีกในอนาคตเพื่อแลกกับหินวิญญาณอมตะ’

เมื่อนึกถึงหินวิญญาณอมตะ ผมที่สิบสองแสดงออกด้วยความขมขื่น

“สัตว์อสูรเดียวดายไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเลี้ยงดู”

“สัตว์อสูรเดียวดายมีความอยากอาหารสูงมาก นี่เป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ ทุกเดือนข้าต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน!”

“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือวิญญาณทาสอมตะไม่ใช่ของข้า ทุกครั้งที่ข้ายืมมันมาใช้งาน ข้าต้องจ่ายด้วยแต้มผลงาน!”

“พิจารณาในระยะยาว ข้าต้องซื้อวิญญาณทาสอมตะมาไว้ในการครอบครอง แต่วิญญาณทาสอมตะระดับหกต้องใช้แต้มผลงานถึงหนึ่งหมื่นแต้ม!”

ผมที่สิบสองนำวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมา

วิญญาณดวงนี้บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับแต้มผลงานของสมาชิกที่ให้การสนับสนุนนิกายหลางหยาเอาไว้

ผมที่สิบสองพบชื่อของเขาในครึ่งบนของรายชื่อทั้งหมดอย่างง่ายดาย

“มากกว่าหกร้อยแต้ม แต่ข้ายังห่างไกลจากเป้าหมาย!” ผมที่สิบสองเผยรอยยิ้มขมขื่น เส้นทางของเขายังอีกยาวไกล

“แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆก็อยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกันกับข้า หลายคนยังเลวร้ายกว่าข้าอีกด้วย”

“ข้อได้เปรียบของข้าคือข้าบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งทาส ข้ามีสัตว์อสูรเดียวดายหลายตัว ข้าสามารถเก็บแต้มผลงานได้เร็วกว่าคนอื่นๆ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท