เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1197

ตอนที่ 1197

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1197 มังกรดาบ

แปลโดย iPAT

ชูตู๋ยิ้ม

ในความเป็นจริงเซี่ยอู่เหิงเป็นคนที่ชูตู๋ต้องการรับเข้าสู่นิกายชู ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับเด็กผู้นี้

อย่างไรก็ตามฟางหยวนเป็นพันธมิตรคนสำคัญ ชูตู๋ต้องการความช่วยเหลือและผลประโยชน์จากฟางหยวนมากกว่า

‘ในจดหมายของหลิวกวนซื่อ เขาขอให้ข้าทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ’ ชูตู๋คิดกับตนเองก่อนจะส่งเสียงไปหาเซี่ยอู่เหิง “น้องเซี่ย การร่วมมือกับผู้อาวุโสหลิวกวนซื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าในการตรวจสอบแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวฮุ้ย”

“อย่างไร?” เซี่ยอู่เหิงสงสัย

“เนื่องจากผู้อาวุโสหลิวมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด อินทรีย์ตัวนี้สามารถทะลวงเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เจ้าสามารถนำทรัพยากรที่อยู่ภายในออกมา จากนั้นผู้อาวุโสหลิวก็จะจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเจ้าทั้งสองคนงั้นหรือ?” ชูตู๋ตอบ

ดวงตาของเซี่ยอู่เหิงส่องประกายขึ้น

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด! ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวนี้ แต่ข้าไม่เคยคาดคิดว่าผู้อาวุโสหลิวกวนซื่อจะมีสัตว์อสูรที่หายากเช่นนี้!”

เซี่ยอู่เหิงหยุดชั่วขณะก่อนตอบ “ข้ายินดีทำธุรกรรมกับผู้อาวุโสหลิว!”

ขณะที่แผนการของฟางหยวนกำลังจะประสบความสำเร็จ ผู้อมตะบางคนเดินออกมาจากวังตะวันตก

“เขาคือผู้อมตะเผ่าหลิว หลิวจวนเฉิน!” หวังอู๋หมิงจำคนผู้นี้ได้ทันที

“เขาออกมาต่อสู้งั้นหรือ?” ชูตู๋มอง

อย่างไรก็ตามหลิวจวนเฉินไม่ได้เดินเข้าสู่สนามรบแต่หยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าวังตะวันตก “จักรพรรดิอมตะชูตู๋ พวกเราต้องการใช้ศพของยายหยินเพื่อแลกกับศพและดวงวิญญาณของผู้อาวุโสหลิวฮุ้ย”

ศพของหลิวฮุ้ยตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู โดยธรรมชาติแล้วผู้อมตะเผ่าหลิวย่อมไม่เต็มใจเห็นฉากดังกล่าว

ศพยังไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือดวงวิญญาณ

ดวงวิญญาณของหลิวฮุ้ยยังไม่ถูกทำลาย

ดังนั้นผู้อมตะเผ่าหลิวจึงต้องการศพและดวงวิญญาณของหลิวฮุ้ยกลับคืนไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม

เดิมทีหลิวจวนเฉินไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมและตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ

แต่หลังจากเหนียงเอ๋อปิงซื่อสังหารยายหยิน ผู้อมตะเผ่าหลิวเริ่มเห็นความหวัง

หลิวจวนเฉินติดต่อเผ่าเหนียงเอ๋อเพื่อขอแลกเปลี่ยนศพยายหยินด้วยทรัพยากรจำนวนมาก

ศพและมิติช่องว่างของยายหยินยังอยู่ มีเพียงดวงวิญญาณของนางเท่านั้นที่ถูกทำลายไปแล้ว

แต่ยายหยินเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่หลิวฮุ้ยเป็นผู้อมตะระดับหก ดังนั้นเผ่าหลิวจึงคาดว่าธุรกรรมนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จ

ฝ่ายของชูตู๋ตกสู่ความโกลาหลทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

ชูตู๋อุทาน “น่าทึ่งมาก หลิวจวนเฉิน คนผู้นี้มีความสามารถจริงๆ”

ยายหยินมักเคลื่อนไหวเพียงลำพัง นางมีความสัมพันธ์กับผู้อมตะคนอื่นๆน้อยมาก ในความเป็นจริงยายหยินกระทั่งเป็นศัตรูของผู้อมตะส่วนใหญ่ ยายหยินมาที่นี่ในครั้งนี้เพียงเพราะบารมีของชูตู๋และผลประโยชน์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามชูตู๋รู้ว่าผู้อมตะเหล่านี้หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนกัน

เหตุผลก็คือในการต่อสู้ที่ดุเดือดย่อมมีบางคนที่ล้มตาย แต่เมื่อพวกเขาเสียชีวิต ทรัพยากรและดวงวิญญาณของพวกเขาจะตกอยู่ในกำมือของศัตรูขณะที่พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งใด

ภายใต้สถานการณ์นี้พวกเขาสามารถพึ่งพาผู้อมตะฝ่ายเดียวกันที่ยังมีชีวิตอยู่นำดวงวิญญาณของพวกเขากลับคืนมาเท่านั้น

‘หากข้าตอบตกลงกับคำขอของหลิวจวนเฉิน ข้าจะสามารถเติมเต็มความต้องการของผู้อมตะเหล่านี้และทำให้ความกังวลของพวกเขาลดลง มิฉะนั้นขวัญกำลังใจของพวกเขาจะลดลงและอาจส่งผลกระทบร้ายแรงในการต่อสู้’

ชูตู๋เข้าใจถึงความสำคัญของเรื่องนี้

สมาชิกส่วนใหญ่ของนิกายชูและเผ่าไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะ พวกเขาไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่แรก พวกเขาร่วมมือกันในครั้งนี้เพราะชื่อเสียงของจักรพรรดิอมตะชูตู๋และจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรวมถึงผลประโยชน์

หากชูตู๋ปฏิเสธธุรกรรมนี้ ผู้อมตะเหล่านี้จะรู้สึกประหม่าและคอยระวังซึ่งกันและกัน

ชูตู๋ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลง

หลิวจวนเฉินมีความสุขมากหลังจากประสบความสำเร็จในการแลกเปลี่ยน

เซี่ยอู่เหิงสูญเสียแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกและดวงวิญญาณของผู้อมตะแต่เขาได้รับแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดขณะที่ชูตู๋ยังมอบท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งหิมะเพิ่มเติมให้กับเขา

ดังนั้นเซี่ยอู่เหิงจึงค่อนข้างมีความสุขกับผลลัพธ์นี้

หลังจากการทำธุรกรรมนี้ กงหว่านถิงเห็นถึงความสำคัญของมันและเริ่มเจรจากับชูตู๋

ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายจึงเพิ่มกฎของการประลองเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนศพและดวงวิญญาณของเชลยศึก

หลังจากครึ่งวันการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ฝ่ายของชูตู๋ส่งผู้อมตะเผ่าไป่ซูออกมา คนผู้นี้เคยเป็นผู้อาวุโสสุงสุดของเผ่าไห่มาก่อน สมาชิกที่แท้จริงของเผ่าไป่ซูยังได้รับการดูแล

นี่เป็นเพราะก่อนหน้านี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขอให้ชูตู๋ช่วยปกป้องบุตรหลานเผ่าไป่ซูให้ได้มากที่สุด

สุดท้ายแผนการของฟางหยวนก็ล้มเหลว

เขาได้รับจดหมายจากชูตู๋ที่อธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชูตู๋ขอโทษฟางหยวนด้วยถ้อยคำที่สุภาพ

ฟางหยวนเข้าใจความยากลำบากของชูตู๋

เขายืนอยู่ในห้องลับและพึมพำกับตนเอง “แดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งภูตผีไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ดูเหมือนข้าต้องออกไปคว้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาด้วยตนเองเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด”

อย่างไรก็ตามมีกองกำลังมากมายในการประลองครั้งนี้ แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยแต่เขายังต้องการวิธีการต่อสู้ใหม่ๆ

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ประกาศต่อโลกภายนอกว่าตนเองเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

“ข้ามีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินแต่พลังของหมีบินยังค่อนข้างแย่”

“โชคดีที่ข้าคิดเรื่องนี้มาก่อนแและมีวิธีแก้ไขมากมายในเวลานี้!”

ฟางหยวนมองศพมังกรที่อยู่ตรงหน้า

นี่คือสัตว์อสูรเดียวดาย

ร่างกายของมันเปล่งประกายด้วยแสงสีเงิน เขาของมันแหลมคมราวกับหอก ดวงตาเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เขี้ยวของมันดูน่าสะพรึงกลัว มันเป็นมังกรสองกรงเล็บที่มีเกล็ดหลายชั้นและส่องประกายราวกับโลหะ

มันคือมังกรสีเงิน

ทั้งตัวของมันมีความยาวประมาณสิบเมตร มันเหมือนงานศิลปะชั้นสูงชิ้นหนึ่ง แต่มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกออกมาราวกับผู้ใดก็ตามที่เข้าใกล้จะถูกเจาะทะลวงร่างกายโดยอากาศอันแหลมคมที่อยู่รอบๆ

นี่เป็นเพราะมังกรตัวนี้เป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งดาบ มังกรดาบ!

ตอนนี้มันตายแล้ว ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบกำลังรั่วไหลออกมาอย่างช้าๆและหลอมรวมเข้ากับสภาพแวดล้อม

นี่เป็นสิ่งที่ฟางหยวนเตรียมเอาไว้ เปลี่ยนเป็นมังกรดาบ!

“ท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นมังกรดาบต้องใช้วิญญาณกรงเกล็ดมังกร วิญญาณเขามังกร วิญญาณกรงเล็บมังกร วิญญาณดวงตามังกร และอื่นๆ หากหนึ่งในวิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณอมตะ มันจะกลายเป็นท่าไม้ตายอมตะ!”

“แต่ข้ามีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันเป็นแก่นแท้บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นข้าไม่จำเป็นต้องหลอมรวมวิญาณอมตะที่เกี่ยวข้องกับมังกร ข้าสามารถใช้วิญญาณระดับมนุษย์ร่วมกับวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบ!”

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นท่าไม้ตายที่ง่ายมาก

นี่เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายอื่นไม่ได้ง่ายดายเช่นนี้แต่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแตกต่างออกไป

นอกจากนี้ฟางหยวนยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา ไม่เพียงเขาจะประสบความสำเร็จในการคิดค้นท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบ แต่เขายังทำให้มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกด้วย

โดยธรรมชาติแล้วผู้อมตะฮันตงมีส่วนช่วยในเรื่องนี้

เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนเป็นอสรพิษวิญญาณ

มังกรมีรูปร่างและลักษณะคล้ายอสรพิษ แม้ฮันตงจะเสียชีวิตและดวงวิญญาณแตกสลายไปแล้ว แต่เขายังทิ้งจิตวิญญาณแผ่นดินที่เก็บองค์ความรู้ตลอดชีวิตของเขาเอาไว้เบื้องหลัง นี่เพียงพอที่จะเป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับฟางหยวน

เขาเริ่มปรับแต่งมังกรดาบเดียวดายทันที

ร่างของมังกรดาบเดียวดายเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบและตัวมันเองก็เป็นทรัพยากรอมตะที่ใช้ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

กระบวนการปรับแต่งค่อนข้างราบรื่น

หลายวันต่อมา

ฟางหยวนยืนนิ่งและสูดหายใจลึก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณทีละดวง

ครู่ต่อมาแสงสีเงินจึงปะทุขึ้นบนร่างกายของเขา

หลังจากแสงสีเงินหายไป มังกรดาบสีเงินที่สง่างามก็ปรากฏตัวขึ้น

ดวงตาของมังกรดาบเป็นสีขาวแต่มันเปล่งประกายด้วยความเฉลียวฉลาด

มันคือฟางหยวน!

‘ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบประสบความสำเร็จ ต่อไป…’

ฟางหยวนเริ่มทำความคุ้นเคยกับร่างใหม่ของเขา

การฝึกซ้อมดำเนินไปอย่างเหมาะสม

หลังจากทำความคุ้นชินกับร่างใหญ่ ฟางหยวนเริ่มทดสอบความสามารถของมังกรดาบ

ประการแรก ค่าใช้จ่าย

น้อยมาก!

ค่าใช้จ่ายในการรักษาร่างมังกรดาบเอาไว้น้อยมาก ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดายระดับหกเท่านั้น

ประการต่อมา พลังการต่อสู้

ฟางหยวนจัดเตรียมทรัพยากรอมตะไว้ตรงหน้า

สิ่งแรกคือหัวใจน้ำแข็งที่มีอายุหลายร้อยปี เขากวาดกรงเล็บมังกรออกไปและรู้สึกราวกับกำลังหั่นเต้าหู้

ถัดมาฟางหยวนฟาดกรงเล็บไปที่ผลึกหินอัคนีชิ้นหนึ่ง

ผลึกหินอัคนีชิ้นนี้เป็นทรัพยากรอมตะระดับหกที่แข็งแกร่งและหายากมาก แต่กรงเล็บมังกรยังสามารถฝากรอยฝังลึกเอาไว้บนผลึกหินอัคนีชิ้นนี้

ฟางหยวนตระหนักถึงความแหลมคมของกรงเล็บมังกรทันที เขาไม่จำเป็นต้องทดสอบกับทรัพยากรระดับเจ็ดที่อยู่ด้านข้างอีกต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท