เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1201

ตอนที่ 1201

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1201 เย่หลิวชุนซิง

แปลโดย iPAT

แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าของภาคเหนือโดยปราศจากเมฆ

อย่างไรก็ตามที่ทุ่งโลหิต แสงดาวจำนวนมากกลับส่องประกายระยิบระยับอยู่กลางอากาศ

วังตะวันตกลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ไม่ว่าภายนอกจะเกิดสิ่งใดขึ้น แต่มันยังดูยิ่งใหญ่มั่นคงและไม่ขยับเขยื้อน

ในทางตรงข้ามฝ่ายของชูตู๋ยืนอยู่บนก้อนเมฆและแสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่น่ามอง

ชูตู๋ยังสงบนิ่งและมองไปที่สนามรบ

‘หวังอู๋หมิงกำลังจะแพ้’ ชูตู๋ลอบถอนหายใจ

ในสนามรบหวังอู๋หมิงกำลังต่อสู้อยู่กับผู้อมตะฝ่ายธรรมะเย่หลิวชุนซิง

หวังอู๋หมิงเปลี่ยนร่างเป็นสุนัขกลืนสวรรค์ที่รวดเร็วและทรงพลัง

สุนัขกลืนสวรรค์เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่หวังอู๋หมิงเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสุนัขกลืนสวรรค์ตัวนี้จึงมีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ดเท่านั้น

สำหรับคู่ต่อสู้ของเขา เย่หลิวชุนซิง เขามีร่างกายสูงผอมราวกับไม่ไผ่ เขามีผมสามเส้นอยู่บนศีรษะ และมีผิวสีขาวอมเหลือง รอบตัวเขามีดวงดาวหลายร้อยดวงบินอยู่รอบๆและปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมา

สุนัขกลืนสวรรค์หวังอู๋หมิงทุ่มเทพลังทั้งหมดในการโจมตี แต่ดวงดาวจำนวนมากยังปิดกั้นเขาเอาไว้

“ปัง ปัง ปัง ปัง…”

ดวงดาวพุ่งเข้าโจมตีหวังอู๋หมิงจากทุกทิศทาง

สุนัขกลืนสวรรค์ส่งเสียงกรีดร้องและกระอักเลือดออกมาจากปากก่อนจะล้มลงบนพื้น

ทุกคนที่มีดวงตาสามารถบอกได้ว่าฝ่ายใดกำลังควบคุมสถานการณ์

หวังอู๋หมิงเป็นฝ่ายโจมตีแต่เขากลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่ต้นจนจบ

เย่หลิวชุนซิงถือไพ่เหนือกว่าและวางตนเองไว้ด้านหลังกำแพงป้องกันที่แข็งแกร่ง

กลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง

โดยปกติแล้วในการต่อสู้กับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะรักษาระยะห่างและโจมตีจากระยะไกล

เนื่องจากผู้อมตะที่เปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรจะได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งและทนทาน พวกเขาจะอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายในการต่อสู้

ผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นอยู่ในร่างมนุษย์ที่อ่อนแอ กระทั่งพวกเขาจะมีวิธีป้องกันที่ทรงพลัง แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการนำตนเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันตราย

เห็นได้ชัดว่าเย่หลิวชุนซิงใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องเพื่อชิงความได้เปรียบ

เขากล่าว “มันไร้ประโยชน์ หวังอู๋หมิง ท่าไม้ตายอมตะของข้าถูกสร้างขึ้นโดยอ้างอิงจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราของตงฟางชางฟาน ดวงดาวเหล่านี้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ แล้วเจ้าจะทำลายพวกมันได้อย่างไร?”

เย่หลิวชุนซิงมีอดีตที่น่าสนใจเช่นกัน

เขาเคยท้าทายตงฟางชางฟานมานับครั้งไม่ถ้วน แม้เขาจะพ่ายแพ้ซ้ำๆ แต่ผู้คนยังชื่นชมความสามารถและความแน่วแน่ของเขา

ในฐานะผู้อมตะฝ่ายธรรมะและสมาชิกตระกูลฮวงจิน ตงฟางชางฟานไม่สามารถลงมือรุนแรงมากนักกับเย่หลิวชุนซิง

ครั้งหนึ่งหลังจากเอาชนะเย่หลิวชุนซิง ตงฟางชางฟานได้เผยเคล็ดลับบางอย่างกับเขา

คำแนะนำเหล่านั้นถือเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับเย่หลิวชุนซิงและทำให้เขาปิดประตูฝึกตนเป็นเวลานาน

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือนี่เป็นแผนการของตงฟางชางฟาน

ตงฟางชางฟานทำสิ่งนี้เพื่อกำจัดเย่หลิวชุนซิงที่น่ารำคาญ นอกจากนั้นมันยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าเย่หลิว สุดท้ายเขายังได้รับประโยชน์มากมายจากความร่วมมือกับเผ่าเย่หลิว

เมื่อได้รับผลประโยชน์บางอย่างจากตงฟางชางฟาน เย่หลิวชุนซิงรู้สึกว่าเขาไม่สามารถท้าทายตงฟางชางฟานได้อีก หลังจากนั้นเขาก็ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะของตนเท่านั้นโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเผ่าตงฟางอีก

ด้วยเหตุนี้ท่าไม้ตายอมตะของเขาจึงคล้ายคลึงกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราเป็นอย่างมาก

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราของตงฟางชางฟานมีชื่อเสียงโด่งดังในโลกของผู้อมตะภาคเหนือ

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะของเย่หลิวชุนซิงยังมีความแตกต่างจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราและสามารถกล่าวว่ามันเป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัวของเขา

สุนัขกลืนสวรรค์ยังไอออกมาเป็นเลือดและถูกโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้อมตะฝ่ายชูตู๋แสดงออกด้วยใบหน้าที่ไม่น่ามอง

“หากหวังอู๋หมิงแพ้ เขาจะเป็นคนที่สี่ที่พ่ายแพ้ให้กับเย่หลิวชุนซิง!”

“ท่าไม้ตายอมตะของเขาทรงพลังเกินไป แม้เขาจะใช้ดวงดาวเพียงไม่กี่สิบดวงในการโจมตี แต่มันยังน่ากลัวถึงเพียงนี้ หากเขาใช้ดวงดาวมากกว่าร้อยดวง ผู้ใดจะสามารถต่อต้าน!”

ภายในวังตะวันตก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะ

เย่หลิวเสี่ยวจินเฝ้ามองการต่อสู้ของเย่หลิวชุนซิงด้วยความตื่นเต้นและภาคภูมิใจ

กระทั่งเหนียงเอ๋อปิงซื่อก็ยังต้องพยายามควบคุมลมหายใจของตนเอง

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็คือตำแหน่งที่นั่งของเผ่าเหนียงเอ๋อถูกย้ายไปอยู่ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว

นี่เกิดจากผลการต่อสู้ของเหนียงเอ๋อปิงซื่อ

ผู้อมตะระดับหกหลายคนสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับเจ็ด แต่การสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ความสำเร็จของเหนียงเอ๋อปิงซื่อในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

เมื่อถึงจุดนี้ การต่อสู้ระหว่างกองกำลังฝ่ายธรรมะและฝ่ายชูตู๋ก็ดำเนินมาแล้วมากกว่าสิบรอบ

แรกเริ่มเซี่ยอู่เหิงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้สามคนติดต่อกัน

จากนั้นกงหว่านถิงก็ส่งเหนียงเอ๋อปิงซื่อออกมาและสามารถสังหารปีศาจอมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือยายหยิน

หลังการต่อสู้รอบนี้กงหว่านถิงได้เจรจากับชูตู๋และเพิ่มกฎของการแข่งขันเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนซากศพ

เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นอีกครั้ง เผ่าหยวน เผ่าเมิ้ง และเผ่าอื่นๆ ของฝ่ายธรรมะค่อยๆปรากฏตัวขึ้นขณะที่ฝ่ายชูตู๋ส่งห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ รวมถึงผู้อมตะเผ่าไป่ซูเข้าสู่สนามรบประลอง

พวกเขาสลับกันแพ้สลับกันชนะแต่ไม่มีผู้เสียชีวิต

เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ทางตัน กงหว่านถิงครุ่นคิดก่อนจะส่งเย่หลิวชุนซิงออกมา

คนผู้นี้เป็นกำลังหลักที่แท้จริงของเผ่าเย่หลิว เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แม้เขาจะพ่ายแพ้ให้กับตงฟางชางฟาน แต่ไม่มีผู้ใดดูแคลนเขา

สิ่งที่ทำให้ผู้คนชื่นชมเขาเป็นพิเศษคือนิสัยและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขา เขาพ่ายแพ้ต่อตงฟางชางฟานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่เขาพ่ายแพ้ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงอีกประการก็คือกระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเย่หลิว เย่หลิวฮุ้ยหงก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของเย่หลิวชุนซิง

ในที่สุดชูตู๋ก็เปิดปากกล่าว “เอาล่ะ การต่อสู้รอบนี้ พวกเราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”

หวังอู๋หมิงเร่งล่าถอยกลับไปด้วยความอับอาย

เย่หลิวชุนซิงไม่ได้ไล่ล่า หลังจากทั้งหมดหวังอู๋หมิงก็มีความสามารถในการป้องกันตัวเองและสามารถยื้อเวลาจนกว่าชูตู๋จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ใบหน้าของหวังอู๋หมิงกลายเป็นซีดขาว เขารู้สึกซับซ้อนมาก

เขาเป็นคู่ต่อสู้คนที่สี่ของเย่หลิวชุนซิง เดิมทีเขาคิดว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ง่ายดาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพลังการต่อสู้ของเย่หลิวชุนซิงกลับไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย

หวังอู๋หมิงในร่างมนุษย์บินเข้าไปหาชูตู๋และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก “ท่าไม้ตายอมตะของเย่หลิวชุนซิงลึกลับมาก เราสามารถควบคุมดวงดาวจำนวนมาก ข้าเกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำลายท่าไม้ตายนี้ เว้นเพียงคนผู้นั้นจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดวงดาว”

“ดวงดาวของเขาเคลื่อนที่ได้เร็วมาก บางครั้งพวกมันก็สร้างพลังงานที่ไร้รูปลักษณ์ขึ้นมาทำให้ข้าสูญเสียการควบคุมตนเอง เย่หลิวชุนซิงจะอ่อนแอที่สุดในช่วงแรก เมื่อเขาสามารถปล่อยดวงดาวออกมาได้ถึงหนึ่งร้อยดวง เขาจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบและเป็นเรื่องยากที่จะทำลายรูปแบบการต่อสู้ของเขา”

หวังอู๋หมิงอธิบายด้วยความจริงใจ

ชูตู๋พยักหน้าและตบไหล่หวังอู๋หมิง “ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดอีก ดีแล้วที่เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย”

มันเป็นถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่การกระทำนี้แทบทำให้หวังอู๋หมิงหลั่งน้ำตา

“ผู้ใดจะเป็นคนต่อไป?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เย่หลิวชุนซิงตะโกนออกมา

‘ดูเหมือนคนผู้นี้ยังต้องการต่อสู้เป็นรอบที่ห้า!’ การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย เจตนาสังหารกระพริบขึ้นในดวงตาของเขา

ผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังเริ่มซุบซิบ

“เขาเอาชนะสี่คนติดต่อกันแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังมีกำลังเหลืออยู่”

“ร่างสุนัขกลืนสวรรค์ของหวังอู๋หมิงแข็งแกร่งมากแต่เขายังไม่สามารถเอาชนะ เห้อ…”

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูเงียบ

ไป่ซูเหว่ยตายไปแล้ว ผู้อมตะเผ่าไป่ซูที่เหลืออยู่ไม่มีสิ่งใดโดดเด่น พวกเขาสามารถพึ่งพาเพียงค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวเท่านั้น

ท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้าที่เกิดจากการผสานงานระหว่างห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋มีชื่อเสียงในภาคเหนือ มันถือเป็นไพ่ตายของพวกเขาที่สามารถกดดันและทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกหวาดกลัว แต่ในการต่อสู้ที่ต้องแยกกัน พวกเขายังไม่โดดเด่นนัก และในเวลานี้พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้า

อาการบาดเจ็บเนื่องจากความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋าต้องใช้เวลาและยากที่จะรักษา

ชูตู๋พบว่าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ ไม่มีผู้อมตะคนใดที่เขาสามารถส่งลงสนาม

ในทางกลับกัน ฝ่ายธรรมะมีผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นอีกมากมายอยู่ในวังตะวันตก

นี่ทำให้ฝ่ายของชูตู๋ถูกเย้ยหยันอย่างรุนแรง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท