เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1191

ตอนที่ 1191

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1191 อ้อนวอน

แปลโดย iPAT

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

สุราและอาหารเลิศรสตั้งอยู่กลางสวนสวย

“พี่ซื่อ ข้าได้ยินว่าท่านชอบสุราเลิศรส ข้าเตรียมสุราเหล่านี้ไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ” ผู้อมตะหยางฟงกล่าวกับแขกคนสำคัญของเขา

แขกผู้นี้มีดวงตาสีทอง ผมสั้นสีขาว เขาอยู่ในชุดต่อสู้รัดรูปกับเข็ดขัดสีฟ้าและเกราะเข่า

หยางฟงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล แต่เปรียบเทียบกับแขกของเขา ชื่อเสียงของหยางฟงยังด้อยกว่า

เนื่องจากแขกผู้นี้ก็คือซื่อเล่ย เขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งปฐพีเป็นหลักและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางสายรอง เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดและเป็นที่รู้จักกันในนามของราชาวานรอมตะ!

“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว” ซื่อเล่ยหัวเราะเและยกถังสุราขึ้นดื่ม

กระทั่งกลิ่นของสุรายังให้ความรู้สึกราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ไอสุราสีแดงราวกับเปลวไฟที่สว่างไสว

ซื่อเล่ยยกย่อง “สุราที่ดี! นี่คือสุราจักรพรรดิเพลิงในตำนาน น้องฟง เจ้าเตรียมตัวมาดีจริงๆ”

ผู้อมตะหยางฟงหัวเราะ “ข้าจะไม่ซ่อนมันจากพี่ซื่อ ข้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อนำมันออกมาจากคลังสมบัติของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล นี่ต้องขอบคุณบรรพชนของเรา เมื่อสามแสนปีก่อนผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลเป็นสหายกับผู้อมตะของทะเลตะวันออก จักรพรรดิสุรา ระหว่างการแข่งขันบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม สุราจักรพรรดิเพลิงถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิสุรา เขาสูญเสียมันให้กับบรรพชนของเราหลังจากพ่ายแพ้ในการแข่งขัน”

นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลเป็นนิกายที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่สุดท่ามกลางสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

“โอ้” ซื่อเล่ยรู้สึกประทับใจ “จักรพรรดิสุรา ข้ารู้จักคนผู้นี้ เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งอาหารที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ความพยายามตลอดชีวิตของเขาคือการสร้างห้าราชันและสามจักรพรรดิสุรา ตำนานกล่าวว่าเมื่อคนผู้หนึ่งรวมแปดสุดยอดสุราเข้าด้วยกัน พวกเขาจะได้รับวิญญาณสุราระดับแปด ด้วยการใช้วิญญาณดวงนี้ คนผู้นั้นจะสามารถเปลี่ยนพลังงานอมตะระดับแปดให้เป็นพลังงานอมตะระดับเก้า หลังจากจักรพรรดิสุราเสียชีวิต เขาทิ้งมรดกไว้เบื้องหลัง ปัจจุบันผู้อมตะซุ้ยเซียนเว่ยของทะเลตะวันออกเป็นผู้สืบทอดคนที่หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดของเขา”

“พี่ซื่อช่างรอบรู้นัก ข้าประทับใจจริงๆ” หยางฟงยกถ้วยสุราขึ้น

ซื่อเล่ยโบกมือ “การดื่มด้วยถ้วยสุราไม่เพียงพอ เรามาดื่มจากถังสุราโดยตรงดีกว่า”

“ได้! พี่ซื่อ ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าก็จะทำเช่นเดียวกัน” หยางฟงตบโต๊ะตอบ

แต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของซื่อเล่ยกลับเปลี่ยนแปลงไป เขามองออกไปด้านนอก

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลปรากฏขึ้นกลางอากาศและไม่ได้ลงมา

ดวงตาสีทองของซื่อเล่ยส่องประกายขึ้น “นี่คือวิญญาณอมตะจากนิกายของข้า น้องฟง โปรดอนุญาตให้มันเข้ามา”

สวนแห่งนี้ไม่ใช่สวนธรรมดาเพราะมันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล

หยางฟงเปิดทางให้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลบินเข้ามาหาซื่อเล่ย

หลังจากตรวจสอบ ซื่อเล่ยเริ่มเปิดประเด็น “ผู้อมตะภาคเหนือล้วนเป็นคนบ้า เผ่าไห่พึ่งถูกทำลายและตอนนี้พวกเขากำลังเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหม่ กองกำลังตระกูลฮวงจินทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อจัดการกองกำลังพันธมิตรระหว่างนิกายชูและเผ่าไป่ซูที่พึ่งก่อตั้งขึ้น”

“นิกายชู?” หยางฟงรู้สึกสับสน

“มันเป็นนิกายที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เจ้ารู้จักชูตู๋ของภาคเหนือหรือไม่?”

“ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของเขา ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิอมตะ”

“ถูกต้อง เขาสร้างนิกายชูขึ้นมา คนผู้นี้ไม่สามารถมองข้าม เขาใช้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานต่อต้านการรุกรานของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู นอกจากเขาจะแข็งแกร่ง เขายังเลี้ยงดูผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเอาไว้มากมาย”

หยางฟงขมวดคิ้วกล่าว “เส้นทางความแข็งแกร่งเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน มันไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่พวกเขากลับสามารถสร้างนิกายชูขึ้นที่ภาคเหนือ ชูตู๋ผู้นี้ช่างกล้าหาญนัก!”

“เป็นเช่นนั้น” ซื่อเล่ยกล่าว “นี่เป็นการแสดงที่น่าดูชม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดงานประลองการต่อสู้ ฮ่าฮ่าฮ่า ภาคเหนือเป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นจริงๆ พวกเขาต่อสู้กันตลอดเวลา เหตุใดข้าไม่เกิดที่ภาคเหนือ!?”

“โอ้” ซื่อเล่ยตบศีรษะของตัวเองและกล่าวต่อ “ข้าเกือบลืมไปแล้ว วังสวรรค์สั่งให้พวกเราโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเดี๋ยวนี้”

“เพราะเหตุใด? วังสวรรค์แน่ใจแล้วงั้นหรือว่าฟางหยวนจะไม่มาที่นี่?” หยางฟงถามด้วยความประหลาดใจ

ตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยหลบหนีไป เทพธิดาจื่อเว่ยของวังสวรรค์ก็ไม่เคยยอมแพ้ที่จะค้นหาร่องรอยของฟางหยวน

แม้นางจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเช่นเดียวกับองค์ชายฟงเซี่ยน แต่นางยังสามารถสรุปเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว

แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวอยู่ในถ้ำนรกใต้พิภพในอาณาเขตของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล

เทพธิดาจื่อเว่ยขอให้ราชาวานรอมตะซื่อเล่ยทำงานนี้

ซื่อเล่ยเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพยุทธ์อมตะขณะที่นิกายจิตวิญญาณบรรพกาลส่งหยางฟงมาร่วมมือกับซื่อเล่ย

ซื่อเล่ยทำตามคำสั่งของเทพธิดาจื่อเว่ยและกำลังรอให้ฟางหยวนปรากฏตัว

แต่หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานานฟางหยวนก็ยังไม่ปรากฏตัว

ไม่นานมานี้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ แต่ฟางหยวนตัดสินใจเพิกเฉยต่อมัน

เทพธิดาจื่อเว่ยสังเกตเห็นความมุ่งมั่นของฟางหยวนและอนุมานได้ว่าหากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวยังอยู่ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวนในอนาคต

ดังนั้นนางจึงตัดสินใจทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว

…..

นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ภูเขาหัวใจทะเลสาบ

ที่พักของฟงจินฮวง

“ศิษย์พี่ช่างยอดเยี่ยมนัก ท่านสามารถหลอมรวมได้กระทั่งวิญญาณประเภทนี้!” ฉินซวนถือวิญญาณไว้ในมือและกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

ฟงจินฮวงเผยรอยยิ้มบาง “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

นางมีวิญญาณอมตะปีกแห่งความฝัน การเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของนางบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ การหลอมรวมวิญญาณระดับสามไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับนางในเวลานี้

“ศิษย์พี่!” ทันใดนั้นผู้ใช้วิญญาณหญิงผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่อวบอ้วนของนาง

ฉินซวนไม่พอใจกับพฤติกรรมนี้ “ซุนเหยา เจ้าเป็นศิษย์ชั้นสูงของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เหตุใดจึงแสดงพฤติกรรมที่ไม่สำรวมเช่นนี้ เจ้าตื่นตระหนกเรื่องใด?”

ฟงจินฮวงยิ้ม “อย่ากังวล ข้าอยู่ที่นี่ บอกข้ามา”

ซุนเหยาสูดหายใจลึกก่อนกล่าว “มันคือจ้าวเหลียนหยุน นางกำลังมา!”

“กระไรนะ! จ้าวเหลียนหยุน?” การแสดงออกของฉินซวนเปลี่ยนแปลงไป “จ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก นางได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เมื่อนางเข้าสู่นิกายคฤหาสน์วิญญาณ นางกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของศิษย์พี่ จ้าวเหลียนหยุนต้องการชิงตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แล้วเหตุใดนางถึงมาหาท่านที่นี่?”

รอยยิ้มของฟงจินฮวงค่อยๆเลือนหายไป “ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน ไปเถอะ ไปพบนางและถามให้แน่ชัด”

ทั้งสามออกจากห้องและพบกับหญิงสาวผู้หนึ่ง

เด็กผู้หญิงคนนี้อยู่ในชุดสีขาวสะอาด เส้นผมสีดำของนางยาวสลวย ดวงตาของนางราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่นางกลับแสดงออกด้วยความวิตกกังวล

ความงามที่สามารถเทียบเคียงกับฟงจินฮวงเช่นนี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากจ้าวเหลียนหยุน

“ศิษย์น้อง ข้าสงสัยว่าเจ้ามีธุระใดกับข้า?” ฟงจินฮวงถาม

จ้าวเหลียนหยุนลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายด้วยความมุ่งมั่น

นางคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน

ฉินซวนและซุนเหยาอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง

ฟงจินฮวงค่อนข้างตกใจเช่นกัน “ศิษย์น้องจ้าว เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้?”

“ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ โปรดช่วยท่านพี่หม่าหงหยุนของข้าด้วย!” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

“หม่าหงหยุน เขาคือผู้ใด? อย่างไรก็ตามเจ้าควรลุกขึ้นก่อน” ฟงจินฮวงรีบเดินเข้าไปช่วยประคองจ้าวเหลียนหยุนให้ยืนขึ้น

นางเป็นคนใจกว้างและแสดงออกเหมือนพี่สาว

แม้นางกับจ้าวเหลียนหยุนจะแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกาย แต่เมื่อจ้าวเหลียนหยุนมาขอร้องให้นางช่วยเหลือ ฟงจินฮวงก็ไม่ได้ดูแคลนจ้าวเหลียนหยุนและยังห่วงใยอีกฝ่าย

แต่จ้าวเหลียนหยุนไม่ลุก นางสะบัดมือของฟงจินฮวงออกและสะอื้นไห้ “ตอนนี้ผู้เดียวที่ช่วยข้าได้คือศิษย์พี่ฟงจินฮวงเท่านั้น”

…..

ภาคใต้ หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล

ฟางหยวนป้องหมัดและกัดฟันแน่น เขากล่าวกับสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า “ท่านลุง ท่านป้า พวกท่านได้รับมรดกจากท่านพ่อท่านแม่ของข้า ตอนนี้ข้ามีหินวิญญาณเพียงเล็กน้อย แล้วพวกท่านจะไม่ช่วยข้าเลยงั้นหรือ?”

ผู้เป็นป้าเย้ยหยัน “นั่นไม่ถูกต้อง พวกเราไม่ได้รับสิ่งใดจากพ่อแม่ของเจ้า พวกมันอยู่กับน้องชายของเจ้า น้องชายของเจ้ามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง อนาคตของเขายาวไกลกว่าเจ้า ข้าเชื่อว่าพ่อแม่ของเจ้าจะทำเช่นเดียวกันหากพวกเขายังมีชีวิตอยู่”

“โอ้ ฟางหยวน” ลุงกล่าวอย่างช้าๆ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดสิ่งใด เจ้าต้องการใช้หินวิญญาณเพื่อซื้อเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณและหลอมรวมวิญญาณ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าการหลอมรวมวิญญาณยากลำบากเพียงใด? มันมีความเสี่ยงมากเพียงใด? โอ้ ฟางหยวน เจ้ายังเด็กเกินไป อย่าคิดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยพรสวรค์นภาที่สาม หยุดฝันลมๆแล้งๆ”

มันเป็นฤดูหนาว แต่หัวใจของฟางหยวนกลับหนาวเย็นยิ่งกว่า

เขายืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “ข้าเข้าใจแล้ว”

เขาหันหลังกลับและเดินออกไป

ป้าประชดประชัน “จะไปเช่นนี้งั้นหรือ? ไม่แม้แต่จะบอกลา ช่างไร้มารยาทจริงๆ”

ลุงยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง “โอ้ ฟางหยวน อย่าคิดมาก ไปพักและกลับมาทานอาหารเย็น”

ฟางหยวนไม่หยุดเดินและกระทั่งเดินเร็วขึ้น

เขาออกมาถึงถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน

ตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำ แม้จะไม่มีหิมะ แต่อากาศยังหนาวเย็น

ฟางหยวนกำหมัดแน่นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ดวงดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับ

แสงดาวส่องสะท้อนอยู่ในรูม่านตาของฟางหยวน

‘ต้้งแต่ข้าถูกนำมาที่โลกใบนี้ ข้าก็ต้องประสบความสำเร็จบางอย่างในชีวิต พรสวรรค์นภาที่สามแล้วอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องประสบความสำเร็จ!’

ฟางหยวนไม่รู้ว่ามีบางคนกำลังเฝ้ามองสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

ดวงดาวบนท้องฟ้าในคืนนี้สว่างมาก มันส่องสะท้อนร่างที่อยู่ด้านหลังให้ปรากฏตัวอย่างชัดเจน

มันคือฟางหยวนอีกคน

แต่รูปลักษณ์ของฟางหยวนคนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้การเฝ้ามองของเขา ท้องฟ้ายามค่ำคืนและทุกสิ่งในอาณาจักรแห่งความฝันค่อยๆเลือนหายไป

ในโลกแห่งความเป็นจริง ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆและพึมพำ “ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้สัมผัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตอีกครั้ง”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท