เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1210 ต้องการตัว
แปลโดย iPAT
‘ดังคาด จากข้อมูลของหลิวหยง หากเผ่าหลิวต้องการจับตัวข้า พวกเขาจะส่งหลิวเจิ้งออกมา แต่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสง แม้ข้าจะฆ่าเขา ข้าก็ไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ในเวลานี้ แล้วเหตุใดข้าต้องเสี่ยง?’
ฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาลบินไปทางทิศตะวัตก
เขาค้นวิญญาณของหลิวหยงระหว่างทาง
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังล่าถอย
หากเขาปล้นต่อ เขาต้องต่อสู้กับผู้อมตะเผ่าหลิว ในกรณีนั้นมันจะมีความเสี่ยงสูงขณะที่มีประโยชน์เพียงเล็กน้อย
ฟางหยวนยังใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ
ลูกพลัมแดงอมตะมีประสิทธิภาพสูงมาก หากเป็นก่อนหน้าฟางหยวนต้องจ่ายองุ่นเขียวอมตะจำนวนมหาศาล
เป็นไปตามความคาดหมายของฟาหงยวน ขณะที่เขาล่าถอย เขาไม่พบผู้อมตะเผ่าหลิวแม้แต่ครั้งเดียว
ฟางหยวนไม่รู้ว่าหลิวเจิ้งเสียเวลาพาน้องสาวของเขากลับบ้าน สำหรับผู้อมตะอีกสองคนของเผ่าหลิว แม้พวกเขาจะไล่ล่า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถติดตามฟางหยวน
หลังจากฟางหยวนเข้าสู่ไท่ชิว ผู้อมตะเผ่าหลิวก็ทำได้เพียงเฝ้ามองโดยไม่กล้าตามเข้าไป
ด้วยค่ายกลวิญญาณขนส่ง ฟางหยวนกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
“ฟางหยวนกลับมาแล้ว!” ผมที่หกได้รับข่าวทันที
เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อน
เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง สิ่งสำคัญที่สุดคือฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล เขาใช้ความแข็งแกร่งของตนเองและไม่ต้องพึ่งพาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!
“พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อเร็วๆนี้เขายังยุ่งอยู่กับการเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขากำลังทำสิ่งใดอยู่!?”
ผมที่หกรู้สึกไม่สบายใจมาก
เมื่อเห็นฟางหยวนวุ่นวายทำสิ่งต่างๆ ผมที่หกรู้สึกราวกับกำลังวิ่งตามหลังฟางหยวน
ผมที่หกต้องการเดินเข้าไปกีดขวางอยู่ด้านหน้าและหยุดฟางหยวนแต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้
เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เขาจะรู้สึกหดหู่ใจมาก
พลังการต่อสู้ระดับแปด!
ผมที่หกทำได้เพียงหวังว่าฟางหยวนจะมีคริสตัลสวรรค์ไม่พอที่จะเลี้ยงดูอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
“ข้าหวังว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะตายเพราะความหิว!” ผมที่หกหวังได้เท่านี้
‘ข้ามีคริสตัลสวรรค์ไม่เพียงพอ’ ฟางหยวนถอนหายใจหลังจากกลับเมืองเมฆาและตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ความหวังของผมที่หกเป็นจริงแล้ว
คริสตัลสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่แทบไม่มีขายในสวรรค์สีเหลือง
ฟางหยวนได้รับคริสตัลสวรรค์ส่วนใหญ่มาจากการทำธุรกรรมกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
แต่ความอยากอาหารของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดน่ากลัวมาก ตอนนี้คริสตัลสวรรค์กำลังจะหมดลง
“ไม่เป็นไร ข้าจะใช้แต้มผลงานของนิกายหยางหลาแลกเพื่อแลกเปลี่ยนวิญญาณและใช้ท่าไม้ตายอมตะของข้าชะลอการเติบโตของมัน”
มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานสามารถเร่งการเติบโตของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและแน่นอนว่ามันมีวิธีที่จะทำสิ่งตรงกันข้าม
อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้ เขาจำเป็นต้องฝึกฝน มิฉะนั้นการกระตุ้นใช้งานอาจล้มเหลว ในกรณีนี้นอกจากฟางหยวนจะได้รับบาดเจ็บ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน สิ่งสำคัญคือท่าไม้ตายอมตะนี้ต้องใช้เวลาสามวันในการกระตุ้นการทำงาน แต่ฟางหยวนยังไม่มีเวลา
ฟางหยวนออกไปหลังจากกลับมา
ด้วยค่ายกลวิญญาณขนส่ง เขาเดินทางไปอีกมุมหนึ่งของภาคเหนือ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่ายกลวิญญาณของนิกายหลางหยามีประโยชน์มาก ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายหลางหยายังสามารถชดเชย
ฟางหยวนเลือกสถานที่ปลอดภัยและโยนศพของหลิวหยงลง
แดนศักดิ์สิทธิ์หลิวหยงก่อตัวขึ้นก่อนที่ฟางหยวนจะเข้าไปภายใน
จิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์หลิวหยงอยู่ในร่างสุนัขสีดำ เงื่อนไขในการเป็นเจ้าของคนใหม่คือรวบรวมสุนัขอสูรเดียวดายยี่สิบตัวมาไว้ที่นี่
ฟางหยวนประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย
เขาสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลิวหยงและได้รับทรัพยากรทั้งหมดจากมัน
หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ของมิติช่องว่างจักรพรรดิเพิ่มขึ้นไม่น้อย
แต่เนื่องจากมิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่เกินไป พื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจึงไม่ถือว่ามีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ยังมีจิตวิญญาณแผ่นดินปรากฏขึ้น
ตอนนี้มิติช่องว่างของฟางหยวนมีจิตวิญญาณแผ่นดินมากกว่าสิบชีวิตที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ
พวกมันดูแลอาณาเขตของตนเองขณะที่ฟางหยวนช่วยจัดหาพลังงานอมตะและวิญญาณให้กับพวกมัน
มีพลังงานอมตะของเจ้าของคนก่อนถูกทิ้งไว้ แต่พลังงานอมตะของผู้อื่นมีข้อจำกัดในการใช้งาน
ส่วนใหญ่พวกมันจะถูกใช้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะเท่านั้น
ในอดีตฟางหยวนได้รับลูกท้อเหลืองอมตะระดับเก้าจำนวนมากมาจากเทพอมตะตะวันเดือด แต่เขาใช้เกือบทั้งหมดในการกระตุ้นใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลที่ภูเขาอี้เทียน หลังจากสลับวิญญาณ ลูกท้อเหลืองอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือดจึงถูกส่งต่อให้กับอิงอู๋เซี่ย
ความสามารถของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่พลังอำนาจของมันจะขึ้นอยู่กับพลังงานอมตะที่พวกมันได้รับ
หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งทาสของหลิวหยง ฟางหยวนตระหนักว่าเขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
‘ดูเหมือนมันค่อนข้างยากหากต้องการยกระดับการบ่มเพาะระดับเจ็ดด้วยการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหก หลังจากนี้มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเท่านั้นที่มีประสิทธิภาพ’
ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้และรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย
‘นี่ค่อนข้างยาก’
ในโลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคมีผู้อมตะระดับหกอยู่มากที่สุด ผู้อมตะระดับเจ็ดหายากกว่า นอกจากนั้นการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด คนผู้หนึ่งยังต้องมีความสำเร็จบนเส้นทางสายนั้นอย่างน้อยระดับปรมาจารย์
ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายเท่านั้น ขณะที่ผู้อมตะระดับเจ็ดที่บ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางแห่งปัญญามีน้อยมาก เส้นทางแห่งดวงดาวและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังมีอยู่บ้าง นี่ทำให้ตัวเลือกของฟางหยวนมีน้อยลงไปอีก เขาไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดได้อย่างสะดวกสบายเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหก
แต่ฟางหยวนมีทางออกสำหรับปัญหานี้
เขามองไปในระยะไกล
ภาคใต้!
‘ลำพังท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยยังไม่เพียงพอ กระทั่งข้าจะสามารถปกปิดตัวตน แต่ในการติดต่อสื่อสารกับพวกเขา มันยังมีข้อบกพร่องมากมาย นี่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัว’
ฟางหยวนคิดและยังไม่ได้ออกจากภาคเหนือทันที
เขากำลังรอดูการตอบสนองของทุกคน
ชื่อเสียงของหลิวกวนซื่อเลวร้ายมาก เขาโจมตีเผ่าหลิวและสังหารหลิวหยง เขาปล้นสะดมสุสานกระดูกและถ้ำแสงมรกต ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
กองกำลังฝ่ายธรรมะโกรธมาก กงหว่านถิงเปลี่ยนทัศนคติของนางหลังจากได้ยินเรื่องนี้ นางถามชูตู๋และกล่าวโทษจักรพรรดิอมตะ
ด้านนิกายชู พวกเขาตกใจและประหลาดใจเช่นกัน
พวกเขาคาดหวังอย่างมากต่อหลิวกวนซื่อ แต่เขากลับเพิกเฉยต่องานประลองทุ่งโลหิตและยังไปปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าหลิวเพียงผู้เดียว
ไร้ยางอายมาก!
ไม่มีคำก่นด่าใดเพียงพอสำหรับการกระทำของเขา!
เผ่าหลิวเป็นศัตรูของชูตู๋ เพราะความขัดแย้งระหว่างชูตู๋กับเผ่าหลิวทำให้ชูตู๋ได้รับฉายาจักรพรรดิอมตะ
แต่ตอนนี้แม้เผ่าหลิวจะพบกับความสูญเสีย ชูตู๋ก็ไม่รู้สึกมีความสุข
‘หลิวกวนซื่อผู้นี้ไม่สามารถควบคุมจริงๆ!’ ความรู้สึกที่ดีของชูตู๋ที่เคยมีต่อฟางหยวนหายไปอย่างสมบูรณ์
เขาไม่ต้องการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดของเขาทำเรื่องเช่นนี้
การกระทำของฟางหยวนเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ทั้งหมด เขาทำลายข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายลงโดยไม่แยแส
ชูตู๋ค่อนข้างโกรธกับเรื่องนี้
เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
ความตายของเย่หลิวชุนซิงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับแปดทั้งสองคน แต่หลังจากได้ยินข่าวการโจมตีเผ่าหลิวของฟางหยวน พวกเขากลับขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย
“หนูสกปรกเพียงตัวเดียวกลับขโมยน้ำซุปไปจนหมดหม้อ!”
“หลิวกวนซื่อ…เขาไม่ใช่สมาชิกฝ่ายธรรมะ”
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองตัดสินฟางหยวนทันที
การกระทำของฟางหยวนเป็นการตบหน้าพวกเขา ผลที่จะตามมาย่อมไม่ใช่เรื่องดี มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะคนใดต้องการประสบพบเจอ
ชูตู๋ประกาศทันทีว่าการกระทำของหลิวกวนซื่อไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา เพื่อแสดงจุดยืนของนิกายชู ชูตู๋ต้องประกาศ ณ จุดนั้นว่าหลิวกวนซื่อถูกขับออกจากนิกายของเขาและไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชูอีกต่อไป
“เด็ดเดี่ยวมาก” ฟางหยวนยกย่องหลังจากอ่านจดหมายจากชูตู๋
ในจดหมายชูตู๋ยังสุภาพมาก เขากล่าวว่าไม่สามารถทำสิ่งใดในสถานการณ์นี้และต้องขับไล่หลิวกวนซื่อออกจากนิกายทันที เขาหวังว่าจะได้ร่วมงานกับฟางหยวนอีกครั้งในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายมิติภัยพิบัติหรือข้อตกลงปีศาจคลั่ง ชูตู๋ยังต้องร่วมมือกับฟางหยวนอย่างลับๆ
แต่ในที่สาธารณะทั้งสองจะเป็นศัตรู
ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวงก็ออกมาประฌามการกระทำที่ชั่วร้ายของฟางหยวน พวกเขาออกหมายจับฟางหยวนเพื่อให้เขาได้รับการพิพากษา
นี่เป็นวิธีการทำงานของฝ่ายธรรมะ พวกเขาไม่ต้องการให้ปีศาจอมตะสร้างความเสียหาย
ทุกฝ่ายเตะฟางหยวนออกไปทันที
แม้พลังการต่อสู้ของฟางหยวนจะเป็นสิ่งที่ชูตู๋ต้องการก็ตาม
การกระทำของฟางหยวนทำลายข้อตกลงทั้งหมดของผู้อมตะภาคเหนือ ดังนั้นในเวลานี้หลิวกวนซื่อจึงเป็นที่ต้องการของทุกคน
‘ชูตู๋ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เหยากวง พวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่สามารถวางแผนต่อต้านได้โดยง่าย’
ฟางหยวนยิ้มแต่ไม่กล่าวสิ่งใด
หลิวกวนซื่อเป็นเพียงตัวตนปลอมที่เขาสร้างขึ้นแบบสุ่ม กระทั่งเขาจะกระทำการเหล่านั้นจริง แล้วอย่างไร?
ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ของภาคเหนือเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันเขายังวางแผนที่จะไปภาคใต้
แม้ฟางหยวนจะยังสนใจการเคลื่อนไหวของโลกผู้อมตะภาคเหนือ แต่ตอนนี้เขาต้องให้ความสำคัญกับอาณาจักรแห่งความฝันที่ภาคใต้เป็นอันดับแรก
‘ภาคใต้ ข้ากำลังจะกลับไป’
‘ในฐานะผู้อมตะระดับเจ็ด…’
‘นี่ถือเป็นการกลับไปพร้อมกับความรุ่งโรจน์ใช่หรือไม่?’
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า