เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1200

ตอนที่ 1200

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1200 วิญญาณอมตะลมหายใจมังกร

แปลโดย iPAT

“ถูกต้อง นี่คือข้อได้เปรียบของข้า จากนี้ไปข้าจะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่!”

“ข้าจะใช้สิ่งนี้เพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะของตนเอง”

“ด้วยวิธีนี้ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นิกายจะต้องการข้ามากขึ้น เมื่อข้าบรรลุระดับเดียวกับผู้อาวุโสฟางหยวน แต้มผลงานทั้งหมดของนิกายจะเป็นของข้าเพียงผู้เดียว!”

“ผมที่สิบสอง เจ้าต้องทำงานหนักต่อไปและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด!”

เจตจำนงแห่งการต่อสู้ของผมที่สิบสองพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง

ในขณะที่เขานึกถึงฟางหยวน เขามองไปยังชื่อแรกที่อยู่ในตารางผลงานของนิกายหลางหยาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ถือกำเนิดขึ้น ฟางหยวนได้รับแต้มผลงานหนึ่งพันแต้มและทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกอิจฉา

แต่ไม่นานมานี้ฟางหยวนสร้างภารกิจหลอมรวมวิญญาณและใช้จ่ายแต้มผลงานไปมากมาย นั่นทำให้แต้มผลงานของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง

ชื่อของฟางหยวนยังอยู่ในอันดับแรกแต่ช่องว่างระหว่างเขากับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนส่วนใหญ่กำลังรอเวลาที่จะก้าวข้ามฟางหยวน

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด หากชื่อของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนใดก้าวนำชื่อของฟางหยวน พวกเขาจะรู้สึกว่าตนเองมีความพิเศษ

มันจะเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของพวกเขา

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาต่อมาร่างกายของผมที่สิบสองกลับกลายเป็นแข็งทื่อ

เขาหยุดนิ่งราวกับรูปปั้นหินเพราะตัวเลขที่อยู่ด้านหลังชื่อของฟางหยวน

‘มากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันแต้ม! นี่เป็นไปได้อย่างไร!?’ ผมที่สิบสองรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ตั้งแต่นิกายหลางหยาก่อตั้งขึ้น นี่เป็นตัวเลขที่สูงที่สุด

เหลือเชื่อ!

มันคือประวัติการณ์!

หัวใจของผมที่สิบสองสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงแต่ฉากต่อมายิ่งทำให้เขาตกใจมากขึ้น

แต้มผลงานของฟางหยวนยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

หนึ่งหมื่นห้าพัน หนึ่งหมื่นแปดพัน สองหมื่น สามหมื่น ห้าหมื่น หกหมื่น…

บ้าไปแล้ว!

“ทะลุ…แปดหมื่น!” ผมที่สิบสองตะลึง สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือแต้มผลงานของฟางหยวนยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเพิ่มขึ้น!

แต่เมื่อถึงเก้าหมื่นแต้ม แต้มผลงานของฟางหยวนก็ลดลงมากกว่าเจ็ดหมื่นแต้มอย่างกะทันหัน

“เกิดสิ่งใดขึ้น!?”

“ข้าตาฝาดงั้นหรือ?”

“หรือมันคือความฝัน?”

“อา…ไม่!”

ทันใดนั้นร่างกายของผมมี่สิบสองพลันสั่นสะท้านขึ้น เขาตระหนักถึงบางสิ่ง

“แต้มผลงานเจ็ดหมื่นแต้มหายไปอย่างกะทันหัน นี่หมายความว่าฟางหยวนใช้มันแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะบางดวง เขาไม่ได้แลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรของข้าใช่หรือไม่?”

ผมที่สิบสองรีบตรวจสอบข้อมูล

หลังจากตรวจสอบ เขาจึงสามารถพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “เขาไม่ได้แลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรแต่เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ดีตราบเท่าที่มันไม่ใช่วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร”

ผมที่สิบสองหมดสติไปหลังจากนั้น

เขาได้รับบาดเจ็บจากการหลอมรวมวิญญาณ อารมณ์ที่ปะทุขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เขาหมดสติหลังจากผ่อนคลายลง

เมื่อบรรลุเป้าหมาย ฟางหยวนกลับไปยังเมืองเมฆาของเขา

ในห้องลับ ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะดวงใหม่ออกมา

มันดูคล้ายกลุ่มเมฆหมอกสีม่วงอ่อนที่อยู่ในรูปลักษณ์ของมังกร

วิญญาณอมตะระดับเจ็ด ลมหายใจมังกร!

ฟางหยวนเลือกท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบเพราะในคลังสมบัติของนิกายหลางหยามีวิญญาณอมตะดวงนี้

เพื่อแลกเปลี่ยนกับมัน ฟางหยวนต้องขายดวงวิญญาณของผู้อมตะทั้งหมดพร้อมกับข้อมูลการบ่มเพาะจำนวนมากที่เขาได้รับจากการค้นวิญญาณ

โดยธรรมชาติฟางหยวนเก็บข้อมูลบางส่วนเอาไว้ ตัวอย่างเช่นข้อมูลบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟาน ข้อมูลเกี่ยวกับมรดกของไห่ฟาน และอื่นๆ

สิ่งเหล่านี้ทำให้แต้มผลงานของฟางหยวนบบรรลุถึงระดับเก้าหมื่นแต้ม ในอนาคตอันใกล้เป็นเรื่องยากที่ฟางหยวนจะได้รับแต้มผลงานระดับนี้อีก

ฟางหยวนใช้แต้มผลงานเจ็ดหมื่นแต้มแลกกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดลมหายใจมังกร

แม้แต้มผลงานของเขาจะลดลงแต่ชื่อของเขายังอยู่บนจุดสูงสุดของตารางผลงาน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่อยู่ในอันดับสองมีแต้มผลงานหลักพันแต้มเท่านั้น

นี่เป็นช่องว่างขนาดใหญ่

ตำแหน่งของฟางหยวนมั่นคงราวกับภูผา

แน่นอนว่าฟางหยวนไม่สนใจเรื่องเหล่านี้

นอกจากนั้นเขายังไม่รู้ว่าผมที่สิบสองได้ร้บผลกระทบอย่างมากจากเหตุการณ์นี้และกระทั่งหมดสติไป

ไม่ใช่ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่จะสามารถแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะ โดยเฉพาะวิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเก็บมันไว้ให้กับผมที่สิบสองโดยเฉพาะ

แม้ฟางหยวนจะต้องการแลกเปลี่ยนมัน เขาก็ไม่สามารถทำได้

นอกจากนี้วิญญาณบัวสวรรค์อมตะก็ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเช่นกัน

เดิมทีวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้เป็นของเทพอมตะบัวสวรรค์ แต่ต่อมามันถูกหลอมรวมขึ้นใหม่โดยบรรพชนผมยาวและถูกรวมเข้ากับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

แม้นิกายเงาจะสามารถฉกชิงบางส่วนของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวม แต่วิญญาณบัวสวรรค์อมตะยังอยู่

สิ่งสำคัญก็คือมันไม่คุ้มค่าที่จะจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับมัน

ฟางหยวนใช้เวลาพอสมควรก่อนที่จะสามารถผสานวิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ดเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบ

วิญญาณอมตะลมหายใจมังกรมีความเกี่ยวข้องกับท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบโดยธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลอมรวมกัน

ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะลมหายใจมังกร ฟางหยวนจึงไม่ต้องการวิญญาณลมหายใจมังกรระดับมนุษย์อีกต่อไป

เช่นเดียวกับท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟาน ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณปีอมตะ ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณปีระดับมนุษย์อีก

วิญญาณอมตะจะทำให้ทุกอย่างสะดวกสบายมากขึ้น

นอกจากนั้นมันยังลดความยุ่งยากในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอีกด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดคือพลังอำนาจของท่าไม้ตายจะพุ่งสูงขึ้นอีกมาก!

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกรดาบอีกครั้ง

แสงสีเงินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เพียงสิ่งนี้ฟางหยวนก็ตระหนักแล้วว่าพลังอำนาจของมังกรดาบเพิ่มขึ้นหลายเท่า

มังกรดาบปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่ขึ้นสองเท่า

ดวงตาของมันยังเป็นสีขาว เกล็ดของมันใหญ่และหนาขึ้น เดิมทีมันเป็นมังกรสองกรงเล็บ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นมังกรสี่กรงเล็บ เขาของมันยื่นออกมาและพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

ฟางหยวนตรวจสอบและตระหนักว่าคุณภาพของมันเพิ่มสูงขึ้นในทุกแง่มุม

‘หลังจากเพิ่มวิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ดเข้าไป ตอนนี้มันกลายเป็นมังกรดาบบรรพกาลไปแล้ว’ ฟางหยวนประเมิน

ด้วยวิธีนี้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบจึงเพียงพอที่จะใช้ในงานประลองทุ่งโลหิต

มังกรดาบบรรพกาลในปัจจุบันสามารถเทียบเคียงกับผู้อมตะระดับเจ็ด

ส่วนถัดไปเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ฟางหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

เขายืดร่างมังกรออกเบาๆและบินไปที่ผลึกหมึกดำก้อนใหม่

ลมหายใจมังกร!

ฟางหยวนเปิดปากและพ่นลมหายใจออกไป

แสงดาบสีขาวบริสุทธ์พุ่งออกมาและตัดผลึกหมึกดำออกเป็นสองส่วนในเสี้ยวพริบตา

นอกจากนั้นแสงดาบยังเหลือพลังอำนาจเพียงพอที่จะทำลายห้องลับทั้งหมด

เมืองเมฆาของฟางหยวนเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

‘ลมหายใจมังกรสามารถตัดผลึกหมึกดำได้อย่างง่ายดายและยังมีพลังเหลืออยู่เล็กน้อย’ ความสุขปรากฏขึ้นในดวงตาของมังกรดาบบรรพกาล

ฟางหยวนปล่อยพลังออกมาเพียงเล็กน้อยแต่สภาพแวดล้อมรอบตัวเขากลับไม่สามารถรับมือ

เมืองเมฆาเป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ แน่นอนว่ามันไม่สามารถต่อต้านลมหายใจมังกรดาบบรรพกาล

องุ่นเขียวอมตะยังถูกใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษารูปลักษณ์ของมังกรดาบบรรพกาลเอาไว้

เห็นได้ชัดว่ามันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ที่ใดมีกำไร ที่นั่นย่อมมีขาดทุน

ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณอมตะลมหายใจมังกรก็เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์นี้

‘ข้าไม่สามารถฝึกฝนอยู่ในเมืองเมฆาอีกต่อไป แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีผู้สังเกตการณ์อยู่มากมาย แต่หากข้าออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าจะดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์’

‘ดูเหมือนข้าต้องวางมิติช่องว่างจักรพรรดิลงและทดสอบขีดจำกัดของท่าไม้ตายนี้’

‘ลมหายใจมังกรที่ข้าส่งออกไปก่อนหน้าบรรลุระดับเจ็ดแล้ว ผลลัพธ์ของมันโดดเด่นมาก แต่มันจะมีพลังอำนาจถึงระดับใดหากข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต ท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืด หรือท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นด้วยร่างมังกรดาบบรรพกาล?’

ฟางหยวนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

เขาบินออกจากเมืองเมฆาทันที

‘ฟางหยวนออกไปแล้ว เขาแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะลมหายใจมังกรเพื่อสิ่งใด?’ ผมที่หกลอบตรวจสอบฟางหยวนอย่างใกล้ชิดกระทั่งฟางหยวนกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งและหายตัวไป ณ จุดนั้น

หลังจากผมที่หกเรียนรู้เกี่ยวกับแต้มผลงานของฟางหยวน เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ความเร็วในการพัฒนาของฟางหยวนเกินความคาดหมายของเขาอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่รู้ว่าฟางหยวนจะเติบโตไปในทิศทางใด

‘ฟางหยวนจะไม่แลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะหากมันไม่มีประโยชน์ต่อเขา ไม่ ข้าต้องรายงานเรื่องนี้กับท่านอิงอู๋เซี่ยโดยเร็วที่สุด!’ ผมที่หกเต็มไปด้วยความกังวล

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท