เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1207

ตอนที่ 1207

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1207 กระทำการชั่วร้าย

แปลโดย iPAT

“เปรี้ยง!” ห่าวเจิ้นบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและยิงสายฟ้าออกมา

สายฟ้าควบรวมเป็นบอลสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีศัตรูของเขาด้วยความเร็วสูง

คู่ต่อสู้ของเขาคือผู้อมตะเผ่ามู่หลานที่มีมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่งราวกับก้อนหิน เขามีดั้งจมูกกว้าง คางใหญ่ และหน้าผากเล็กซึ่งทำให้ศีรษะของเขาดูเหมือนรูปสามเหลี่ยม

เขาไม่ได้หลบบอลสายฟ้าและอนุญาตให้มันปะทะร่างกายของเขาโดยตรง

“บึม!”

บอลสายฟ้าระเบิดกระจายออกไปทั่วทุกหนทุกแห่งทำให้สายตาของผู้อมตะพร่าเลือนไปชั่วขณะ

หลังจากประกายสายฟ้าสลายไป ผู้อมตะเผ่ามู่หลานยังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน

มีจุดไหม้อยู่บนหน้าอกของเขาและมีควันสีขาวลอยขึ้นมา

แต่ผลกระทบของมันก็มีเพียงเท่านั้น

“นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้างั้นหรือ? เจ้าเผาขนหน้าอกของข้าได้บางส่วน มันมีพลังมากกว่าเดิมเล็กน้อย” ผู้อมตะเผ่ามู่หลานกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งโดยปราศจากความหงุดหงิดใดๆ

“เจ้า!” ดวงตาของห่าวเจิ้นราวกับสามารถพ่นไฟออกมาดแต่เขาไม่สามารถโต้แย้ง

ท่าไม้ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขากลับไม่มีผลต่อคู่ต่อสู้

“ยอดเยี่ยม!”

“เขาสมกับเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงด้านการป้องกันของภาคเหนืออย่างแท้จริง!”

“เผ่ามู่หลาน…ชายผู้นี้ไม่ได้โจมตีแต่การโจมตีของผู้อาวุโสห่าวเจิ้นกลับไม่ส่งผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อย”

ผู้อมตะทั้งสองฝ่ายอุทานด้วยความประหลาดใจ

ฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง นี่เป็นการโจมตีฝ่ายธรรมะอย่างหนักหน่วง

เพื่อพลิกสถานการณ์และปลุกขวัญกำลังใจ กงหว่านถิงต้องส่งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งของเผ่ามู่หลานออกมา

ชายร่างกำยำผู้นี้ก็คือมู่หลานกัง!

ชูตู๋ขมวดคิ้วอีกครั้ง

เขาลอบถอนหายใจ ‘เย่หลิวชุนซิงถูกสังหารไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังมีมู่หลานกัง ตระกูลฮวงจินสมกับเป็นเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือมาอย่างยาวนาน’

ห่าวเจิ้นยอมรับความพ่ายแพ้และกลับมาด้วยใบหน้าซีดขาว “ข้ารู้สึกละอายใจนักที่ไม่สามารถเติมเต็มความคาดหวังของท่าน”

ชูตู๋ปลอบใจด้วยคำพูดไม่กี่คำ

ฟางหยวนพึ่งจากไปแต่ชูตู๋ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจอีกครั้ง

เขามองผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังและพบว่าไม่มีผู้ใดที่สามารถส่งออกไป

“ในความคิดเห็นของข้า คนที่แข็งแกร่งที่สุดของเราคือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง แต่ท่านไม่สามารถออกไปได้โดยง่าย ข้าคิดว่าท่านควรเรียกผู้อาวุโสหลิวกลับมา” หวังอู๋หมิงแนะนำ

ข้อเสนอของเขาได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะหลายคนทันที

“ถูกต้อง ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสหลิวไม่อาจหยั่งรู้ ข้าคิดว่าเขาจะสามารถสังหารมู่หลานกังอีกครั้ง!”

“ผู้อาวุโสหลิวสังหารเย่หลิวชุนซิงได้อย่างง่ายดาย การสังหารมู่หลานกังย่อมไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา”

“ลมหายใจมังกรดาบบรรพกาลของผู้อาวุโสหลิวทรงพลังเกินไป”

กระทั่งมู่หลานกังยังกล่าวว่า “จักรพรรดิอมตะอย่าส่งตัวละครเล็กๆออกมา นอกจากเจ้า ผู้เดียวที่สามารถต่อสู้กับข้า มู่หลานกัง มีเพียงหลิวกวนซื่อ ข้าขอแนะนำให้เจ้าส่งเขาออกมา ข้าต้องการสัมผัสกับพลังอำนาจของลมหายใจมังกร”

“บัดซบ! เขากำลังดูถูกพวกเรา!” เชาเหลาอู๋โกรธมาก

ห่าวเจิ้นกำหมัดแน่น “หากเป็นการต่อสู้สองต่อสอง พวกเราจะสามารถใช้เสียงคำรามของวายุสายฟ้ากวาดล้างพวกเขา!”

หลังจากเห็นพลังของฟางหยวน ความไม่พอใจในตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามและสี่ของห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ก็จางหายไป

ห่าวเจิ้นกล่าวเช่นนี้เพียงเพราะต้องการรักษาใบหน้าเท่านั้น

แท้จริงแล้วเขารู้ดีว่าท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้งาน พวกเขาต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเท่านั้น

เช่นเดียวกับการต่อสู้ที่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน พวกเขาสามารถใช้เสียงคำรามของวายสายฟ้าเพราะได้รับการปกป้องจากผู้อมตะคนอื่นๆ

ตอนนี้ทุกคนต่างคาดหวังให้ฟางหยวนปรากฏตัว

ฝ่ายของชูตู๋หวังว่าฟางหยวนจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา

ฝ่ายธรรมะหวังว่าพวกเขาจะสามารถสังหารฟางหยวนเพื่อกอบกู้ใบหน้า

ชูตู๋หวังว่าฟางหยวจะออกไปต่อสู้อีกครั้ง

แต่ฟางหยวนไม่ได้ตอบกลับ

ชูตู๋ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นกับเรื่องนี้และไม่สามารถทำสิ่งใด

หลังจากทั้งหมดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางหยวนก็เป็นเพียงเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้น พวกเขามีสถานะที่เท่าเทียม

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ในห้องลับของเมืองเมฆา

ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนเสื่อและส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่มิติช่องว่างของเขา

เขากำลังหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะให้เป็นลูกพลัมแดงอมตะ

วิธีการหลอมรวมนี้ได้รับความนิยมกันในกว้างขวางและไม่ใช่เรื่องใหม่

วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนบินอยู่รอบๆ

ภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณเหล่านี้ องุ่นเขียวอมตะค่อยๆหลอมรวมกันอย่างช้าๆ

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ฟางหยวนมีลูกพลัมแดงอมตะที่เกิดจากการหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะจำนวนสองผล

‘หือ? ชูตู๋ส่งจดหมายมาอีกครั้ง มันยังเป็นมู่หลานกัง…นี่เป็นจดหมายฉบับที่หกแล้ว’ ความสนใจของฟางหยวนถูกเบี่ยงเบนเล็กน้อย

แต่หลังจากนั้นเขาก็โยนวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลทิ้งไปอย่างไม่แสแยและไม่ตอบกลับ

งานประลองทุ่งโลหิตอันใด! ข้าไม่สน!

สัญญาพันธมิตรระหว่างฟางหยวนกับนิกายชูหละหลวมมาก นอกเหนือจากหลักการพื้นฐานบางอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องทำงานใดๆให้กับนิกาย เขากระทั่งสามารถออกจากนิกายชูได้โดยสมัครใจและจะไม่ได้รับผลกระทบย้อนกลับใดๆทั้งสิ้น

แล้วงานประลองทุ่งโลหิตคือสิ่งใด?

ฟางหยวนรู้ว่ามันเป็นการประนีประนอมทางการเมือง

นี่เป็นการต่อสู้ที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวงสองผู้อมตะระดับแปดของภาคเหนือตกลงกันและสร้างมันขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้ง จุดประสงค์หลักของมันคือเพื่อทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่สูญเสียผลประโยชน์มากเกินไป

เหยากวงรู้อย่างชัดเจนว่าตั้งแต่เผ่าไป่ซูก่อตั้งขึ้นแล้ว มันก็ไม่สามารถถูกทำลาย อย่างน้อยเหยากวงเพียงผู้เดียวก็ไม่สามารถทำได้

เพราะฝ่ายตรงข้ามคือผู้อมตะระดับแปดจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ตราบเท่าที่เขายังอยู่ เผ่าไป่ซูก็ยังมั่งคงแข็งแกร่งราวกับหินผา

เว้นเพียงถ้ำสวรรค์นิรันดรจะส่งบางคนที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดออกมาเป็นกำลังเสริม

เมื่อเหยากวงได้รับคำสั่งจากถ้ำสวรรค์นิรันดร เขาไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตาม สิ่งที่เขาต้องการทำคือการไกล่เกลี่ย

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้กับกองกำลังตระกูลฮวงจิน เขาสร้างเผ่าของตนเองขึ้นมาและต้องการอยู่อย่างสันติ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงทำได้เพียงเผชิญหน้ากับการรุกรานของกองกำลังตระกูลฮวงจิน

มีเพียงการจัดงานประลองเช่นนี้ที่จะทำให้พวกเขาไม่ต้องต่อสู้ล้มตายกันทั้งหมด

ชูตู๋เข้าใจความคิดของทั้งสอง แต่เขาถูกบีบให้อยู่ตรงกลางและเผชิญหน้ากับผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ หากเขาทำงานได้ดี นิกายชูจะได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หากไม่ นิกายชูจะถูกทำลาย อย่างไรก็ตามการสูญเสียของพวกเขาก็ยังไม่น่าเป็นกังวล

จากมุมมองของถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาไม่ต้องการเห็นสายเลือดอื่นปะปนอยู่ในฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ พวกเขายิ่งไม่อยากเห็นการดำรงอยู่ของนิกายชู ความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์กับระบบสายเลือดเป็นอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน พวกเขาต้องระวังไม่ให้เกิดความสัมพันธ์ระบบอื่น

ถ้ำสวรรค์นิรันดรตระหนักอย่างชัดเจนว่าเมื่อระบบอาจารย์กับศิษย์แพร่กระจายออกไป ระบบสายเลือดจะสั่นคลอนและส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตระกูลฮวงจินเป็นอย่างมาก

ภาคกลางเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของเรื่องนี้

‘แต่ถ้ำสวรรค์นิรันดรกำลังฝันหากพวกเขาต้องการใช้ชื่อเสียงเพื่อทำลายกองกำลังพันธมิตรระหว่างนิกายชูกับเผ่าไป่ซู’

‘เว้นเพียงพวกเขาจะมีความเด็ดขาดและส่งผู้อมตะระดับแปดออกมาสังหารจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู’

‘โลกใบนี้ความแข็งแกร่งคือกฎ’

‘เผ่าไห่ไม่มีผู้อมตะระดับแปด ขณะเดียวกันพวกเขาก็สูญเสียคฤหาสน์วิญญาณอมตะ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เผ่าไห่ล่มสลาย กระทั่งสหายตระกูลฮวงจินก็ยังพยายามเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกเขา’

‘เผ่าไป่ซูเป็นคนนอกที่ไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน แต่การคงอยู่ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูทำให้สถานการณ์แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง’

‘ความแข็งแกร่ง…ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่ง…’

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

การบ่มเพาะระดับเจ็ด นี่คือความสำเร็จ แต่สำหรับฟางหยวน มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

‘งานประลองทุ่งโลหิตไม่อยู่ในความสนใจของข้า’

‘ข้ามีมิติช่องว่างที่ยิ่งใหญ่และสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติและยกระดับความแข็งแกร่ง นี่เป็นการบ่มเพาะทางลัดที่เต็มไปด้วยเลือดและการฆ่าฟัน…แต่ข้าชอบมัน’

‘ข้าต้องการให้ทั้งโลกวุ่นวาย ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งดี!’

‘สงครามห้าภูมิภาคยังต้องรออีกสี่ร้อยปี มันยาวนานเกินไป ข้าไม่สามารถรอให้เวลานั้นมาถึง’

‘ข้าต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเขาต่อสู้กัน งานประลองทุ่งโลหิตยังอ่อนโยนเกินไป พวกเขาสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้มากเพียงใด? หากไม่มีคนตาย มันก็ไม่มีแดนศักดิ์สิทธิ์’

‘สำหรับนิกายหลางหยาและพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์ ฮ่าฮ่า หากข้าปล่อยข่าวออกไป ผู้อมตะภาคเหนือจะทำเช่นไร น่าเสียดายที่ข้าถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตร กระทั่งท่าไม้ตายอมตะไม่สนใจก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ’

ความกังวลของฟางหยวนมีเพียงหนึ่งเดียวคือโลกจะไม่วุ่นวาย

ความคิดชั่วปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างต่อเนื่อง

เขาไม่มีความตั้งใจที่จะไปที่ทุ่งโลหิตอีก

เขาจะตอบสนองความคาดหวังของนิกายชูเพื่อสิ่งใด

ฟางหยวนต้องทุ่มเทความพยายามเพื่อสังหารเย่หลิวชุนซิง หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เขาอาจหมดโอกาส หลังจากทั้งหมดคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังอยู่ที่นั่นและพวกมันไม่ใช่ของประดับฉาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมู่หลานกัง เขาเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฟางหยวนที่จะเอาชนะโดยไม่ต้องกล่าวถึงการสังหาร

ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น ฝ่ายของชูตู๋ก็พ่ายแพ้มาแล้วหลายครั้งขณะที่ฝ่ายธรรมะแพ้เพียงหนึ่งในสาม

ฮ่าฮ่า จะเกิดความขัดแย้งภายในหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างแน่นอน

นี่เป็นสิ่งที่มักเกิดขึ้นในกองกำลังฝ่ายธรรมะ

ฟางหยวนเคยคิดที่จะไปภาคใต้

ก่อนนหน้านี้เขาปรับเปลี่ยนแผนการบ่มเพาะและทุ่มเทความพยายามกับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝัน

มันเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

แต่หลังจากไตร่ตรองอีกครั้ง เขารู้สึกว่างานประลองทุ่งโลหิตเป็นโอกาสที่หาได้ยาก

นอกจากนี้อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ยังถูกยึดครองโดยกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ฟางหยวนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากที่เขาจะเข้าไปโดยไม่เปิดเผยตัวตน

ดังนั้นหลังจากที่ฟางหยวนหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะทั้งหมดให้กลายเป็นลูกพลัมแดง เขาก็ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและไปถึงอาณาเขตของเผ่าหลิว

เขากำลังจะกระทำการชั่วร้าย!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท