เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1213

ตอนที่ 1213

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1213 ธุรกิจขายโอกาส

แปลโดย iPAT

‘ว่าไงนะ!?’ เมื่อได้ยินบทสนทนาของผู้อมตะทั้งสอง ฟางหยวนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เขากระโดดไปยังกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้กับผู้อมตะทั้งสองมากที่สุด

นี่เป็นพฤติกรรมทั่วไปของลิงสายพันธุ์ที่ฟางหยวนปลอมแปลง ไม่มีสิ่งใดน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

ผู้อมตะทั้งสองไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น

แต่ฟางหยวนรู้ดีว่าผู้อมตะทั้งสองค้นพบการคงอยู่ของลิงตัวนี้ตั้งแต่แรก แต่ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยของฟางหยวนเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปดที่เหนือกว่าวิธีการตรวจสอบของพวกเขา

ผู้อมตะทั้งสองไม่มีข้อสงสัยใดๆและยังกล่าวต่อไป

หนึ่งในนั้นกล่าว “พี่ลั่ว ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าเข้าใจ เทพธิดากระต่ายขาวบอกข้าแล้ว ข้าต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันและทดสอบความสามารถของตนเอง แม้ข้า เจียวเหล่ยซือจะเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่ข้าก็ยึดมั่นในคำสัญญา ตั้งแต่ข้าสัญญากับท่านและทำข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูล ข้าจะฝ่าฝืนข้อตกลงได้อย่างไร?”

“แน่นอนเพราะชื่อเสียงของเจ้า พวกเราพี่น้องจึงตกลงที่จะพบเจ้า มิฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของพวกเรา ข้ามาที่นี่เพื่อนำเจ้าเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ บอกพวกเขาว่าเจ้าเป็นสมาชิกตระกูลลั่วและมาที่นี่เพื่อนำวิญญาณอมตะไปให้พี่ชายของข้า” ผู้อมตะตระกูลลั่วอธิบายขณะเดินไปข้างหน้า

เจียวเหล่ยซือเดินตามอยู่ด้านหลังและตั้งใจฟัง

ฟางหยวนกระโดดไปยังกิ่งไม้อีกต้นและติดตามพวกเขาไปอย่างใกล้ชิด

หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะทั้งสองก็หายตัวไป อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่พบการคงอยู่ของฟางหยวนและไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น

‘น่าสนใจ’ ฟางหยวนกลับไปยังตำแหน่งเดิมด้วยความตื่นเต้น

เขาได้ยินข้อตกลงลับของผู้อมตะสองคนโดยบังเอิญ

ทั้งสองเลือกมาพบกันที่ภูเขาลูกนี้และพูดคุยต่อหน้าฟางหยวนโดยไม่คาดคิด

บังเอิญมาก!

โชคดีมาก!

จากบทสนทนาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่เป็นหนึ่งในผู้ปกป้องค่ายกลวิญญาณกำลังทำข้อตกลงลับกับผู้บ่มเพาะสันโดษเจียวเหล่ยซือ

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะนำทางเจียวเหล่ยซือที่แสวงหาโอกาสเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนเย้ยหยันเจียวเหล่ยซืออยู่ภายใน

‘เจ้าคิดว่าอาณาจักรแห่งความฝันง่ายดายงั้นหรือ? โอกาสงั้นหรือ? โดยปราศจากวิธีการบนเส้นทางแห่งความฝันจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้อย่างไร?’

‘ผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่ถูกเรียกว่าพี่ลั่วต้องมาจากกองกำลังตระกูลลั่ว’

ฝ่ายธรรมะของภาคใต้มีกองกำลังใหญ่สิบสามกองกำลัง ตระกูลลั่วเป็นหนึ่งในนั้น

‘ข้าสามารถใช้วิธีนี้ผ่านค่ายกลวิญญาณและเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันหรือไม่?’ ฟางหยวนคิดถึงความน่าจะเป็นนี้อย่างช่วยไม่ได้

เขาชำเลืองมองค่ายกลวิญญาณอีกครั้งก่อนจะจากไป

ลิงฟางหยวนกระโดดไปตามกิ่งไม้ หลังจากครึ่งวันฟางหยวนเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์ตามปกติ

‘ระยะนี้น่าจะปลอดภัยแล้ว’ ฟางหยวนประเมินอยู่ในใจ

เขาระวังตัวมากแต่เขายังไม่เข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณนี้มากนัก

อย่างไรก็ตามแม้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะบางคนจะพบร่องรอยของเขา มันก็ไม่มีปัญหา

‘ข้าไม่เชื่อว่าหลังจากฝ่ายธรรมะสร้างค่ายกลวิญญาณนี้ ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษจะไม่มาตรวจสอบมัน!’

ฟางหยวนเดาถูก

การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนทำให้เกิดคลื่นแห่งความโกลาหลขึ้นในภาคใต้

ผู้อมตะทุกคนของภาคใต้ต่างให้ความสนใจมัน

หลังการเสียชีวิตของผู้อมตะจำนวนมากบนภูเขาอี้เทียน อาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

สิ่งนี้ดึงดูดผู้อมตะของภาคใต้ให้เข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่ว่าจะเป็นนิกายเงา วังสวรรค์ หรือฟางหยวน ทุกฝ่ายต่างปิดปากเงียบ ดังนั้นผู้อมตะของภาคใต้จึงถูกผลักเข้าสู่ความมืด

ตั้งแต่กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เข้ายึดครองอาณาจักรแห่งความฝันและสร้างค่ายกลวิญญาณผนึกมันเอาไว้ กลุ่มปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษย่อมไม่เต็มใจ พวกเขาพยายามมาที่นี่เพื่อตรวจสอบและแสวงหาโอกาส

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะมักพบร่องรอยของผู้คนเหล่านี้ แต่ตราบเท่าที่พวกเขาไม่โจมตีค่ายกลวิญญาณ ผู้อมตะฝ่ายธรรมะก็ไม่สนใจ

ฟางหยวนเลือกถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขาธรรมดาและอยู่ที่นี่สองสามวัน

เขารอให้เจียวเหล่ยซือออกจากค่ายกลวิญญาณ

การเคลื่อนไหวของเจียวเหล่ยซือไม่สามารถปกปิดเพราะทางเข้าออกค่ายกลวิญญาณเป็นเส้นทางเดียวกัน

‘เนื่องจากเจียวเหล่ยซือปลอมตัวเป็นผู้อมตะตระกูลลั่ว เมื่อเขาออกมา เขาต้องออกมาแบบเปิดเผย มิฉะนั้นเขาจะถูกสงสัย’ ฟางหยวนเห็นเจียวเหล่ยซือเดินออกมาจากค่ายกลวิญญาณก่อนจะบินจากไป ฟางหยวนรีบติดตามไปอย่างใกล้ชิด

หลังจากชั่วขณะเจียวเล่อซือร่อนลงบนยอดเขาไร้นามแห่งหนึ่ง

เขาหันหลังกลับและมองไปที่ฟางหยวน “สหาย เจ้าตามข้ามานานแล้ว เจ้าต้องการสิ่งใด?”

เจียวเหล่ยซือไม่มีท่าทีที่จะโจมตีหรือต่อสู้

นี่เป็นเพราะฟางหยวนจงใจเปิดเผยร่องรอยของตนตลอดการติดตามเจียวเหล่ยซือ

นอกจากนี้เขายังใช้วิญญาณทัศนคติเพื่อแสดงความเป็นมิตร

ดังนั้นเจียวเหล่ยซือจึงไม่ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี แต่เขายังต้องระวังตัว

“ข้าต้องขออภัยที่ทำให้ท่านรู้สึกระแวง” ฟางหยวนทักทายและกล่าวด้วยความสุภาพ

การแสดงออกของเจียวเหล่ยซือผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินถ้อยคำของฟางหยวน

เหตุผลก็คือฟางหยวนบอกว่าตนเองเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน เขายังเคยได้ยินมาว่าเจียวเล่อซือมีวิธีติดสินบนผู้อมตะฝ่ายธรรมะและสามารถเข้าไปในค่ายกลวิญญาณเพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนต้องการถามเจียวเหล่ยซือว่ามีโอกาสที่เขาจะสามารถเข้าไปหรือไม่

“ข่าวแพร่สะพัดออกไปแล้ว กระทั่งคนนอกเช่นเจ้ายังได้รับข้อมูลนี้” เจียวเหล่ยซือเผยรอยยิ้มและไม่มีข้อสงสัย

“มากับข้า มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อแสวงหาโอกาส อย่างไรก็ตามข้าไม่ใช่คนกลาง ข้าจะพาเจ้าไปพบเทพธิดากระต่ายขาว” เจียวเหล่ยซือกระตือรือร้นมาก

เขาอาจไม่รู้จักฟางหยวน แต่กลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้จากร่างของฟางหยวนเป็นของจริง

ผู้อมตะแต่ละภูมิภาคมีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ภาคใต้ยังเป็นสถานที่ที่มีผู้บ่มเพาะสันโดษอยู่มากที่สุด มีผู้อมตะมากมายที่ไม่มีผู้ใดรู้จักตั้งแต่พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะจนเสียชีวิต

หลังจากเดินทางไม่ถึงหนึ่งวันฟางหยวนก็ได้พบกับเทพธิดากระต่ายขาว

ผู้อมตะหญิงผู้นี้อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหญิงอายุประมาณยี่สิบปี ดวงตาของนางเป็นสีแดงเหมือนทับทิม ใบหน้ากลม และริมฝีปากเล็กๆที่ดูน่ารัก

ฉากการพบกับเทพธิดากระต่ายขาวทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ

เนื่องจากเทพธิดากระต่ายขาวผู้นี้อยู่ในคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาและสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัด

“เราทำธุรกิจอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเจ้ามาถูกที่แล้ว!”

“หากพวกเจ้าต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ข้ามีหลากหลายวิธี มันขึ้นอยู่กับราคาที่พวกเจ้าสามารถจ่าย”

“ยิ่งพวกเจ้าจ่ายมากเท่าใด พวกเจ้าก็ยิ่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันได้เร็วเท่านั้น บางทีพวกเจ้าอาจได้รับความสำเร็จบางอย่างจากอาณาจักรแห่งความฝัน!”

เทพธิดากระต่ายขาวกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กำแพงด้านหลัง จากนั้นจึงหันหน้ามาทางฟางหยวน

มีรายชื่อผู้คนเขียนไว้บนกระดาน

“ต้องรออีกห้าคน” เจียวเหล่ยซือเห็นสิ่งนี้และถอนหายใจ

“เจ้าต้องรู้ถึงความสำคัญของโอกาสนี้!” เทพธิดากระต่ายขาวมองไปที่ฟางหยวน “ตามคำทำนาย เทพอมตะแห่งความฝันจะถือกำเนิดขึ้น นี่เป็นโอกาสที่คนผู้หนึ่งจะกลายเป็นเทพอมตะ! กระทั่งเจ้าจะได้รับผลประโยชน์เล็กๆเพียงครั้งเดียว ชีวิตของเจ้าก็จะเปลี่ยนไป หากเจ้าไม่ทดลองด้วยตนเอง เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่?”

“ถูกต้อง แม้เจ้าจะรู้ว่าเจ้าจะไม่สามารถประสบความสำเร็จ แต่เจ้าก็มั่นใจได้ว่าเจ้าจะไม่เสียใจในอนาคต” เจียวเหล่ยซือกล่าวเสริมจากด้านข้าง “อาณาจักรแห่งความฝันเป็นโอกาสที่ล้ำค่า แม้แต่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะยังปรารถนาที่จะเข้าไปสำรวจมัน”

“ข้าต้องจ่ายเท่าใด?” ฟางหยวนแสร้งลังเล

เทพธิดากระต่ายขาวบอกราคา

ฟางหยวนแสดงท่าทางลังเล “ข้าจะพิจารณาก่อน”

“แน่นอน คิดให้ดี!” เทพธิดากระต่ายขาวยิ้ม

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งเดินเข้ามา เทพธิดากระต่ายขาวรีบเดินเข้าไปหานางและไม่สนใจฟางหยวนอีก “ท่านพี่เมียวหยิน ท่านมาคว้าโอกาสอีกครั้งเช่นนั้นหรือ?”

ผู้อมตะหญิงพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าครั้งนี้ข้าจะได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน”

ฟางหยวนเดินออกจากคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์และบอกลาเจียวเหล่ยซือ

“เจ้าต้องคิดให้ดี แต่ในความเห็นของข้า เจ้าควรตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่สุด หากเจ้าคิดนานเท่าใด เวลาที่เจ้าจะได้เข้าไปก็ยิ่งล่าช้าออกไปเท่านั้น อย่าเสียเวลามากเกินไป” เจียวเหล่ยซือแนะนำ

ฟางหยวนแสดงความขอบคุณก่อนจะจากไป

“ฮืม เขายังไม่ตัดสินใจอีกงั้นหรือ?” หลังจากพูดคุยกับเมียวหยิน เทพธิดากระต่ายขาวจึงเปิดปากถามเจียวเหล่ยซือ

“เขาบอกว่าเขาต้องคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เห้อ…ข้าคิดว่าข้าจะได้รับค่าแนะนำเพื่อเติมเต็มความสูญเสียในครั้งนี้สักเล็กน้อย” เจียวเหล่ยซือเผยรอยยิ้มขมขื่น

“เจียวเหล่ยซือ เจ้าร่ำรวยมาก อย่ามาทำตัวน่าสงสารต่อหน้าข้า!” เทพธิดากระต่ายขาวหัวเราะ “แต่คนที่เจ้านำมาดูเหมือนจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ยากจน มิฉะนั้นเขาจะจากไปเช่นนี้งั้นหรือ? หากเขามีเงินทุนอยู่บ้าง เขาจะพูดคุยอีกสักพักก่อนจะจากไป”

เจียวเหล่ยซือหัวเราะขมขื่น “ข้าไม่ได้ร่ำรวยอันใด แต่ข้าต้องขอบคุณเทพธิดากระต่ายขาวสำหรับคำชม กล่าวตามตรงราคานี้แพงมาก กระทั่งข้าก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่”

เทพธิดากระต่ายขาวยิ้ม “ธุรกิจขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย แพงหรือไม่ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคน หลังจากทั้งหมดนี่คือโอกาสที่จะได้เป็นเทพอมตะแห่งความฝันมิใช่หรือ?”

เจียวเหล่ยซือพยักหน้าและตัดสินใจ “ข้าจะจ่ายเพื่อคว้าโอกาสอีกครั้ง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท