เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1211

ตอนที่ 1211

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1211 กลับภาคใต้

แปลโดย iPAT

ลมพัดเข้ามาปะทะร่างกายของเขา

ทุ่งหญ้าด้านล่างเคลื่อนไหวราวกับคลื่นสมุทรขณะที่ฟางหยวนบินผ่านพวกมัน

หลังจากเดินทางมานานมากกว่าสิบวัน กำแพงภูมิภาคก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าฟางหยวน

แต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไป

เรารู้สึกได้ว่าพลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดกำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว

‘บางคนอนุมานเกี่ยวกับข้าอีกครั้ง’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้

เขาใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดต่อต้านการอนุมานเหล่านั้น

ฟางหยวนเคยพบปัญหานี้มาแล้วหลายครั้ง เมื่อเร็วๆนี้หลังจากฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง ฆ่าหลิวหยง และปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าหลิว ผู้อมตะภาคเหนือพยายามอนุมานเกี่ยวกับตัวเขา

โชคดีที่ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาและมีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดที่ช่วยป้องกันการอนุมานจากภายนอก

แต่วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดมีเวลาจำกัดในการใช้งานแต่ละครั้ง

ฟางหยวนจำเป็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นนี้และพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เขาต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดขณะที่มันยังไม่พร้อมใช้งาน

เผ่าหลิว

ผู้อมตะเผ่าหลิวสามคนนั่งอยู่ในค่ายกลวิญญาณและกำลังกระตุ้นใช้งานมัน

หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะทั้งสามก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหว

“ล้มเหลวอีกครั้ง?” ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งแสงหลิวเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

“พวกเราไม่สามารถปฏิบัติภารกิจตามคำขอของท่านหลิวเจิ้ง พวกเรารู้สึกละอายใจนัก” สามผู้อมตะเผ่าหลิวถอนหายใจและก้มศีรษะลงด้วยการแสดงออกที่น่าเกลียด

หลิวเจิ้งก่นเสียงเย็นก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบลง “ลืมมันไปซะ เผ่าหลิวของเราไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ค่ายกลวิญญาณนี้เป็นเพียงการเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาเท่านั้น มันมีประสิทธิภาพไม่มาก ข้าต้องไปหาเทียนเซี่ยซินเพื่อขอความช่วยเหลือเดี๋ยวนี้!”

“ท่านหลิวเจิ้งโปรดอภัยให้พวกเราด้วย พวกเราไม่สามารถอนุมานสิ่งใดไม่ใช่เพราะพวกเราอ่อนแอ แต่เป็นเพราะศัตรูมีวิธีป้องกันการอนุมานจากภายนอก” ผู้นำกลุ่มสามผู้อมตะกล่าว

“เป็นเช่นนั้น?” ใบหน้าของหลิวเจิ้งมืดครึ้มลง

เขาพึมพำกับตนเอง “อีกฝ่ายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เชี่ยวชาญการเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล แล้วเขาจะมีวิธีการเช่นนั้นได้อย่างไร? แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจะสามารถเลียนแบบวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาหรือไม่? อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ที่หลิวกวนซื่อจะได้รับความช่วยเหลือจากจักรพรรดิอมตะชูตู๋อย่างลับๆ แม้เขาจะขับไล่หลิวกวนซื่อออกจากนิกายชู แต่ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะนิ่งเฉย หลังจากทั้งหมดปีศาจอมตะล้วนชั่วร้ายทุกคน!”

หลิวเจิ้งกัดฟ้นแน่นและเผยใบหน้าโหดเหี้ยม

หลินกวนซื่อปล้นสะดมทรัพยากรสำคัญของเผ่าหลิวสองแห่งและยังสังหารผู้อมตะเผ่าหลิว แล้วพวกเขาจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร?

หลิวเจิ้งต้องการสังหารหลิวกวนซื่อแต่ผ่านมาหลายวันพวกเขายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ

ก่อนหน้านี้เพื่อความปลอดภัยของน้องชาย หลิวเจิ้งไม่ได้ไล่ล่าฟางหยวน เรื่องนี้ทำให้สมาชิกเผ่าหลิวรู้สึกไม่ดี ดังนั้นหลิวเจิ้งจึงต้องแบกรับแรงกดดันและต้องการจับกุมฟางหยวนเป็นอย่างมาก

‘หลิวกวนซื่อ เจ้าคนขลาด เจ้าอยู่ที่ใด?’ หลิวเจิ้งรู้สึกหนักใจ

เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้เขาจะพบกับความอยากลำบากมากขึ้นเนื่องจากฟางหยวนกำลังจะออกจากภาคเหนือ

เผ่าเย่หลิวก็พบปัญหาเดียวกันกับหลิวเจิ้ง

เย่หลิวชุนซิงเสียชีวิตด้วยน้ำมือของฟางหยวน เผ่าเย่หลิวต้องการแก้แค้นอย่างแน่นอน เมื่อฟางหยวนถูกขับไล่ออกจากนิกายชู เผ่าเย่หลิวจึงสามารถตรวจสอบและชำระบัญชีแค้น

ผู้อมตะที่พวกเขาส่งออกมาไล่ล่าฟางหยวนไม่อ่อนแอกว่าหลิวเจิ้ง แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนออกจากภาคเหนือไปแล้ว

ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาคโดยไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวาง

หลังจากผ่านกำแพงภูมิภาค ฟางหยวนมาถึงทะเลตะวันออก

เมื่อมาถึงที่นี่ กลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขากลายเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกอย่างสมบูรณ์

นี่คือหนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของร่างทารกอมตะ

ฟางหยวนสามารถผสานตนเองเข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆได้ราวกับเขาเกิดและเติบโตขึ้นที่นั่น

นี่ต่างจากผู้อมตะคนอื่นๆ กลิ่นอายคนนอกของพวกเขาจะปรากฏขึ้นอย่างชันเจน เมื่อพวกเขาพบภัยพิบัติ พวกเขายังต้องกลับไปภูมิภาคของตนเพื่อวางมิติช่องว่างลง มิฉะนั้นพวกเขาจะพบปัญหามากมาย

หลังจากเข้าสู่ทะเลตะวันออก ฟางหยวนไม่ได้รีบเดินทางต่อ เขาไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ชิงหยูและพักผ่อนอยู่ที่นั่น

นี่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่หลิวชิงหยูทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

ฟางหยวนกลายเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์คนใหม่หลังจากสังหารหลิวชิงหยู

ได้พบฟางหยวนอีกครั้งทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดรู้สึกตื่นเต้นมาก มันกระโดดไปรอบๆและส่งเสียงกรีดร้องอย่างมีความสุข

ฟางหยวนปลอบโยนมันขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดหลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมา

“ข้ารู้ว่านายท่านจะไม่ทอดทิ้งข้า!”

น่าเสียดายที่ระดับความสำเร็จของฟางหยวนยังต่ำเกินไปและไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดแห่งนี้

ฟางหยวนพักผ่อนอยู่ที่นี่เพื่อรอให้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดฟื้นตัว ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าผู้ใดจะอนุมานเกี่ยวกับเขา พวกเขาก็จะล้มเหลวโดยที่ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด

เมื่อถึงเวลาที่วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดฟื้นตัว ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานมันอีกครั้งและเดินทางไปยังทะเลไหลเชี่ยวทันที

เส้นทางที่ยากลำบากของทะเลไหลเชี่ยวทำให้ฟางหยวนเสียเวลาไปหลายวัน แต่ในที่สุดเขาก็ไปถึงเมืองจิ๋ว

มีแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายอยู่ที่นี่

ฟางหยวนใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเข้าไปและกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่ง

เขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพได้อีกสองครั้ง

ฟางหยวนออกจากทะเลไหลเชี่ยวและกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ชิงหยูเพื่อรอให้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดฟื้นตัวก่อนจะออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของเขา

หลังจากมาถึงทะเลตะวันออก ความสามารถในการอนุมานของผู้อมตะภาคเหนือก็อ่อนแอลง นี่ทำให้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดสูญเสียพลังงานน้อยลง

ฟางหยวนแตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก

เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ นอกจากนั้นเขายังมีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดและวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญามากมายเพื่อใช้ป้องกันตัว แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือระดับการบ่มเพาะและพลังการต่อสู้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากของเขา

เปรียบเทียบกับช่วงเวลาหลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนเมื่อฟางหยวนเดินทางจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือ มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

หากฟางหยวนพบฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลอีกครั้ง เขาจะไม่ถูกไล่ล่า ฝ่ายที่ตกอยู่ในอันตรายจะไม่ใช่ฟางหยวนอีกต่อไปแต่จะเป็นฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลเหล่านั้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนรู้สึกว่าหลังจากได้รับร่างทารกอมตะการบ่มเพาะของเขาพุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจมาก มันคู่ควรกับการเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ นิกายเงา และกองกำลังพันธมิตรผีดิบหลังจากใช้เวลาและความพยายามมานานนับแสนปีอย่างแท้จริง

แน่นอนว่ายิ่งร่างทารกอมตะแข็งแกร่งขึ้นเท่าใด ความเป็นอริศัตรูระหว่างฟางหยวนกับนิกายเงาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

ความบาดหมางที่ไม่สามารถแก้ไขนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกกังวลมาก

น่าเสียดายที่อิงอู๋เซี่ยและสมาชิกนิกายเงามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ฟางหยวนไม่สามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขา มิฉะนั้นเขาจะมุ่งหน้าไปกำจัดคนกลุ่มนี้เป็นอันดับแรก

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรืออิงอู๋เซี่ย พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน

‘ข้าได้ยินมานานแล้วว่าภูเขาอี้เทียนถูกผนึกเอาไว้ด้วยค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยฝ่ายธรรมะ ข้าควรไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อน’ ฟางหยวนไม่รู้ว่าเขาจะเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างไร

เขาบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

มันเป็นการบินอ้อม แต่เมื่อพิจารณาถึงเจตจำนงสวรรค์ หากฟางหยวนบินเป็นเส้นตรง มีโอกาสที่เจตจำนงสวรรค์จะสร้างปัญหาให้กับเขามากกว่า

‘หือ? มีบางคนพยายามอนุมานเกี่ยวกับข้างั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกถึงพลังอำนาจที่ค่อยๆลดลงของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดและรู้สึกขบขัน

ภาคใต้และภาคเหนือเป็นสองภูมิภาคที่ถูกกีดขวางด้วยกำแพงภูมิภาค การอนุมานข้ามภูมิภาคมีโอกาสประสบความสำเร็จต่ำมาก

ดังคาด ในสวนหมื่นพฤกษา ผู้อมตะเทียนเซี่ยซินของภาคเหนือคืนทรัพยากรครึ่งหนึ่งให้กับหลิวเจิ้ง

หลิวเจิ้งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “อันใด? กระทั่งท่านก็ไม่สามารถอนุมานสิ่งใดงั้นหรือ?”

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเทียนเซี่ยซินเผยรอยยิ้มขมขื่น “การอนุมานบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่สามารถทำทุกสิ่ง ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ขอโทษอย่างสุดซึ้ง”

หลิวเจิ้งบินออกไปจากสวนหมื่นพฤกษาอย่างช้าๆ

เขาหนักใจมากและไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

กระทั่งผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือในปัจจุบันเทียนเซี่ยซินก็ไม่สามารถสรุปตำแหน่งที่อยู่ของหลิวกวนซื่อ แล้วผู้ใดจะทำได้?

“หลิวกวนซื่อ เจ้าจงอธิษฐานเอาไว้ให้ดีว่าอย่าพบข้าอีก!” ดวงตาของหลิวเจิ้งเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

แต่ไม่ว่าเจตนาสังหารของเขาจะรุนแรงเพียงใด ฟางหยวนก็ยังมีชีวิตที่ดี

“โอ้ พวกเขาหยุดอนุมานแล้ว ฮ่าฮ่า เมื่อคนเหล่านี้จ่ายด้วยราคาที่มากขึ้นแต่ยังไม่ได้รับผลลัพธ์ใดๆ พวกเขาจะหยุดในที่สุด” ฟางหยวนหัวเราะ

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

หม่าหงหยุนมองท่านหญิงหว่านซูที่กำลังเดินเข้ามา เขามองนางด้วยความโกรธ “เข้ามา! หญิงชั่ว!”

ท่านหญิงหว่านซูส่งบอลสายฟ้าไปที่หน้าอกของหม่าหงหยุนด้วยการแสดงออกที่เรียบเฉียบ

“เปรี้ยง!”

ร่างของหม่าหงหยุนสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

“พรวด!”

ทันใดนั้นท่านหญิงหว่านซูกลับกระอักเลือดออกมาขณะที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว “เหตุใดข้าถึงล้มเหลวอีกครั้ง?”

ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากล้มเหลวหลายครั้ง

หม่าหงหยุนพยายามประคองสติเอาไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ข้าจะรู้ได้อย่างไร? หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าคงตายไปแล้ว หากต้องตายในตอนจบ อย่างน้อยข้าก็จะไม่ทรมานอีก!”

หลังกล่าวจบประโยค หม่าหงหยุนก็หมดสติไปในที่สุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท