เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1219

ตอนที่ 1219

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1219 ฟางหยวนเผชิญหน้าวูหยง

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนเดินออกมาจากลุ่มผู้อมตะตระกูลเฉียว

ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็พุ่งมาที่เขา

เมื่อเห็นใบหน้าของเขา ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูหลายคนถึงกับอ้าปากค้าง “พวกเขาเหมือนกันจริงๆ”

รูปร่างหน้าตาของฟางหยวน ไม่! รูปร่างหน้าตาของวูอี้ไห่เหมือนกับวูตู๋ซิ่วมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาอย่างมาก นี่เป็นจุดที่ไม่สามารถปฏิเสธและเป็นข้อได้เปรียบของฟางหยวน

รูปร่างหน้าตาของวูหยงแตกต่างออกไป เขาคล้ายกับบิดาของเขาที่ดูธรรมดามาก

สำหรับวูอี้ไห่ เขาทั้งหล่อเหลาและโดดเด่นราวกับหอกที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าท่ามกลางฝูงชน แม้เขาจะอาศัยอยู่ในทะเลตะวันออก แต่ลักษณะของเขาก็คล้ายคนตระกูลวูโดยเฉพาะอย่างยิ่งจมูกที่ทั้งสูงและกว้าง ผู้คนสามารถบอกได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีความพิเศษ เขามีบุคลิกที่มั่นคง และไม่สามารถดูแคลน

นี่คือเหตุผลที่ฟางหยวนสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนได้ทันที

อย่างไรก็ตามวูอี้ไห่ตัวจริงไม่มีรายละเอียดบางอย่างที่เหมือนคนตระกูลวู

ท่าไม้ตายอมตะระดับแปดใบหน้าที่คุ้นเคย!

ทักษะเฉพาะตัวของเทพปีศาจปล้นสวรรค์แสดงคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของมันออกมาในเวลานี้ ตอนนี้ผู้อมตะทั้งหมดถูกหลอกและไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือนักต้มตุ๋น

ความจริงก็คือกระทั่งผู้อมตะของตระกูลวูก็ไม่เคยเห็นหน้าวูอี้ไห่มาก่อน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครั้งนี้ฟางหยวนเตรียมตัวมาอย่างดี นั่นทำให้ผู้อมตะตระกูลวูรู้สึกดีต่อเขาทันที

ทั้งหมดก็คือวูอี้ไห่เหมือนวูตู๋ซิ่ว

วูตู๋ซิ่วไม่ใช่หญิงอ่อนหวานแต่เป็นวีรสตรีผู้กล้าท้าทายสวรรค์

วูอี้ไห่มีความคล้ายคลึงกับนางเจ็ดสิบส่วน

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิต ตระกูลวูตกอยู่ในความปั่นป่วน ผู้อมตะของตระกูลต่างคิดถึงความสำเร็จและความรุ่งโรจน์ของวูตู๋ซิ่ว

ท้ายที่สุดมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่ค่อยเห็นคุณค่าของคนที่มีชีวิตอยู่ เพียงเมื่อสูญเสียคนเหล่านั้นไปแล้ว พวกเขาจึงจะเห็นคุณค่าและรู้สึกโหยหาสิ่งที่ไม่สามารถหวนคืน

ฟางหยวนปรากฏตัวในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาใช้ประโยชน์จากสภาพจิตใจของผู้คน

นี่คือส่วนหนึ่งในแผนการของเขา

“เหมือนกันมาก พวกเขาเหมือนกันจริงๆ” กระทั่งผู้อมตะตระกูลอื่นๆก็ยังถอนหายใจ

ฟางหยวนรู้สึกอย่างรวดเร็วว่าสายตาของผู้คนที่จ้องมองมาที่เขาค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป

ในช่วงห้าร้อยปีของชีวิตแรก แม้การบ่มเพาะของเขาไม่สูงนัก แต่เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์

ฟางหยวนสามารถตัดสินจากวิธีการมองของผู้คน สายตาของกลุ่มผู้อมตะตระกูลวูบอกว่าพวกเขาให้การต้อนรับวูอี้ไห่ผู้นี้ ขณะที่สายตาของวูหยงมีความเกลียดชังแฝงอยู่

วูหยงตกใจมาก การปรากฏตัวของวูอี้ไห่ส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา

แต่สิ่งที่ทำให้วูหยงตื่นตระหนกยิ่งกว่าคือการที่ฟางหยวนอยู่กับผู้อมตะตระกูลเฉียว

ความจริงก็คือวูหยงเกลียดน้องชายผู้นี้จากก้นบึ้งของจิตใจ

แม้ทั้งสองจะพบกันเป็นครั้งแรก

วูหยงก็ไม่ชอบฟางหยวนตั้งแต่แรกเห็น

เพราะวูอี้ไห่ดูเหมือนมารดาของเขามากเกินไป

หลายปีที่ผ่านมาวูหยงอยู่ใต้ร่มเงาของวูตู๋ซิ่วมาตลอด

วูตู๋ซิ่วเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ปกป้องตระกูลวูรวมถึงวูหยง

เมื่อเห็นวูอี้ไห่ วูหยงรู้สึกราวกับเขากำลังอยู่ใต้เงามืดของต้นไม้อีกต้นหนึ่ง

เขาเป็นบุตรของวูตู๋ซิ่วและเป็นชายที่แสวงหาความแข็งแกร่ง เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าต่ออำนาจ

แต่ตลอดมาวูหยงต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของวูตู๋ซิ่วและไม่สามารถต่อต้านนางได้

วูตู๋ซิ่วจากไป วูหยงรู้สึกเสียใจแต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู็สึกเหมือนได้รับอิสระ เขามีความสุข!

มันเป็นความสุขที่วูหยงไม่กล้าที่จะยอมรับ

แต่ตอนนี้เมื่อวูหยงเห็นวูอี้ไห่ที่มีลักษณะคล้ายกับวูตู๋ซิ่ว เขาจึงเกิดความรู้สึกไม่ชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายและความเกลียดชังของวูหยง

เขาคิด ‘ขั้นตอนแรกของการแสดงตัวประสบความสำเร็จ แต่ขั้นตอนที่สองเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลวูและทำให้พวกเขายอมรับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด’

‘การยอมรับจากผู้อมตะระดับแปดวูหยงก็คือการยอมรับจากตระกูลวู’

ดังนั้นฟางหยวนจึงก้าวเข้าสู่กองไฟ เขาโค้งคำนับวูหยงอย่างสุดซึ้ง “วูอี้ไห่คาวระท่านพี่”

วูหยงแสดงออกด้วยความกังวลและลังเล “เจ้าเป็นน้องชายของข้า วูอี้ไห่ จริงๆงั้นหรือ? เจ้าดูเหมือนท่านแม่จริงๆ เว้นเพียงดวงตาของเจ้าที่เป็นสีฟ้า ผู้คนของภาคใต้มักมีดวงตาสีดำ”

ประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้ง

วูหยงยังไม่ยอมรับตัวตนของฟางหยวน เขาชี้ให้ทุกคนเห็นว่าคนผู้นี้เป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก

ฟางหยวนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “ท่านพี่ ข้าเคยมีดวงตาสีดำมาก่อน แต่มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างที่ข้าฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ข้ากลับมาในครั้งนี้เพราะคำสั่งของท่านแม่ แต่น่าเสียดายที่ข้าถูกซุ่มโจมตีตลอดการเดินทาง ท่านลุงจางและพี่เล้งที่ท่านแม่ส่งไปคุ้มครองข้าเสียชีวิตในสนามรบเพื่อสร้างโอกาสให้ข้าหลบหนี”

“จางและเล้งเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชาเล็กๆของท่านแม่ แต่พวกเขาทุ่มเทเพื่อตระกูลวูเป็นอย่างมาก ถ่ายทอดคำสั่งออกไป พวกเราจะจัดพิธีฝังศพให้กับพวกเขาตามประเพณี พวกเราจะดูแลบุตรหลานของพวกเขาอย่างดีเช่นกัน” วูหยงออกคำสั่ง

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูเร่งตอบสนอง

ฟางหยวนลอบมอง

วูหยงผู้นี้ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เขาเป็นคนฉลาด แต่ในคำกล่าวของเขา ไม่มีคำใดที่บอกว่าเขายอมรับตัวตนของฟางหยวน เขาหลีกเลี่ยงหัวข้อสำคัญที่สุด นั่นคือวูอี้ไห่น้องชายของเขา

วูหยงไม่สนใจส่วนนี้

อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถหยุดฟางหยวน

ฟางหยวนโค้งคำนับและกล่าวต่อ “ข้าหวังว่าท่านพี่จะอนุญาตให้ข้าทำความเคารพท่านแม่ของเรา!”

วูหยงขมวดคิ้วแน่น

คำกล่าวของฟางหยวนมีเหตุผลมาก ในฐานะบุตร เมื่อมารดาจากไป เขาจะไม่แสดงความเคารพได้อย่างไร?

นี่เป็นคำขอที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งโดยเฉพาะในระบบตระกูลที่ให้ความสำคัญกับสายเลือด กระทั่งวูหยงก็ไม่สามารถละเลยเรื่องนี้

หากเขาบอกว่าไม่ คนนอกจะตอบสนองในทางที่ไม่ดี ภาพลักษณ์ใหม่ที่เขาพยายามสร้างขึ้นด้วยความอุตสาหะจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

แต่หากเขาไม่ปฏิเสธคำขอของฟางหยวน นั่นก็หมายความว่าตระกูลวูยอมรับตัวตนของฟางหยวนว่าเขาเป็นสมาชิกตระกูลวูที่แท้จริง

แน่นอนว่าวูหยงไม่ต้องการเช่นนั้น

วูหยงไม่ชอบรูปลักษณ์ของวูอี้ไห่

ตัวตนของวูอี้ไห่สร้างความปวดหัวให้กับวูหยง

วูอี้ไห่มาที่นี่พร้อมกับคนตระกูลเฉียว นี่เป็นคำเตือนที่ส่งถึงวูหยงโดยตรง!

‘วูอี้ไห่ผู้นี้ควรกลับไปยังที่ที่เขาจากมา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกงั้นหรือ? ไม่ว่าข้าจะต้องใช้จ่ายทรัพยากรบางอย่าง ข้าก็ต้องทำให้เขาจากไป’

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับวูหยง

ในความเป็นจริงการแสดงตัวของฟางหยวนรวมถึงการเปิดตัวโดยผู้อมตะตระกูลเฉียวทำให้วูหยงไม่มีข้อสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวนตั้งแต่แรก

‘เดี๋ยว! หากข้ากำจัดวูอี้ไห่?’

‘ก่อนหน้านี้ข้าไม่สามารถทำได้เพราะท่านแม่อยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง นี่คืออาณาจักรของข้า หลังจากนี้ข้าคือผู้นำของตระกูลวูทั้งหมด ข้าสามารถกำจัดเขาอย่างลับๆนี่จะทำให้ปัญหาของข้าจบลงหรือไม่?’

‘แม้เขาจะอยู่ที่ทะเลตะวันออกแต่ก็ยังเป็นตัวปัญหา หากเขาอยู่ที่ภาคใต้ มันจะยิ่งมีปัญหามากขึ้น’

‘ตอนนี้ข้าควรยอมรับคำขอของเขา แต่ข้าต้องจัดการบางอย่างและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นตัวปลอม ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถกำจัดเขาได้อย่างเปิดเผย!’

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เจตนาสังหารที่รุนแรงก็พลุ่งพล่านขึ้นในร่างของวูหยงทันที

เขากำลังจะตอบรับคำขอของฟางหยวนแต่ในจังหวะนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูกลับชิงกล่าว “ขออภัยด้วยแต่ทุกคนลืมที่จะยืนยันตัวตนของวูอี้ไห่ นายน้อยรอง ข้าไม่มีข้อสงสัยในตัวท่านหรือตระกูลเฉียว แต่สำหรับท่านที่กลับมาที่นี่เป็นครั้งแรก นั่นเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่จำเป็น!”

วูหยงได้ยินสิ่งนี้และต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง

เขามองผู้อมตะตระกูลวูที่กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา มันคือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวู วูเฉียว

ฟางหยวนกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวลอบส่งสายตาถึงกันอย่างลับๆ เขาคิด ‘ข้าคิดถูกที่ติดต่อตระกูลเฉียว แต่ข้าไม่คิดว่าตระกูลเฉียวจะแทรกซึมเข้าสู่ตระกูลวูได้ลึกถึงระดับของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม วูเฉียว’

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวมองฟางหยวนและนึกถึงฉากที่พวกเขาวางแผนกัน…

“ตราบเท่าที่ข้าปรากฏตัวในงานศพ วูหยงจะเฉยเมยต่อสถานะของข้า แต่กระทั่งเขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด เขาก็ไม่สามารถสังหารข้าได้โดยตรง เขาไม่สามารถทำสิ่งใดข้าที่นั่น ฮ่าฮ่า”

ฟางหยวนหัวเราะกล่าวต่อ “หากข้าขอแสดงความเคารพต่อท่านแม่ เขาจะไม่โจมตีข้าเพราะเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู เขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะสันโดษหรือปีศาจอมตะ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยอดเยี่ยม!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยกนิ้วให้ “มันจะอันตรายหากเป็นการพบปะส่วนตัว แต่ในกรณีนี้แม้วูหยงจะไม่อยากยอมรับแต่เขาจะทำสิ่งใดได้?”

ฟางหยวนกล่าวอย่างจริงจัง “ดังนั้นเราต้องได้รับการยอมรับระหว่างงานศพ หากเราพลาดโอกาสนี้ มันจะยิ่งยากและมีความเสี่ยงมากขึ้น วูหยงจะไม่ให้โอกาสที่สองกับเรา”

“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะเป็นผู้แนะนำเจ้า” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยิ้ม

“ไม่ ไม่ ไม่” ฟางหยวนส่ายศีรษะ “มันไม่เหมาะสมที่ท่านจะเป็นผู้แนะนำ ท่านเป็นคนนอก ท่านจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องภายในของตระกูลวูได้อย่างไร?”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวเงียบ

คำกล่าวของฟางหยวนคือความกังวลที่ยิ่งใหญ่ของเขา นี่เป็นปัญหาที่เขาต้องแก้ไข มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถร่วมมือกับวูอี้ไห่

ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นและมองไปนอกหน้าต่าง “ดังนั้นข้าจึงต้องการผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวู เขาสามารถกล่าวถึงเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผยและควบคุมสถานการณ์กระทั่งบรรลุเป้าหมาย”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวแสดงออกด้วยความหนักใจ “นี่…”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท