เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1220

ตอนที่ 1220

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1220 แทรกซึมเข้าสู่ภาคใต้

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนยังกล่าวต่อไป “ผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้ควรมีสถานะบางอย่าง เขาต้องมีทัศนคติที่มั่นคงเพราะในช่วงเวลานี้วูหยงมีแนวโน้มที่จะแสร้งยอมรับข้า เขาจะปฏิเสธข้อเสนอแนะนี้ ดังนั้นเราต้องเลือกคนที่สามารถอดทนต่อแรงกดดันของผู้อมตะระดับแปด!”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยักไหล่ “นี่มันยากเกินไป ท้ายที่สุดวูหยงไม่ได้เป็นเพียงผู้อมตะระดับแปดแต่เขายังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู นอกจากนั้นเขายังได้รับมรดกของวูตู๋ซิ่ว”

ฟางหยวนไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา เขายังมองออกไปด้านนอก

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและหนักแน่น “อย่าบอกว่าตระกูลเฉียวไม่มีคนเช่นนี้ หากท่านไม่มี เหตุใดท่านจึงเข้าไปวุ่นวายกับตระกูลวู? ท่านอาจประสบความสำเร็จมากขึ้นหากท่านนอนนิ่งๆอยู่ที่บ้าน แน่นอนว่าวูอี้ไห่ผู้นี้จะไม่ร่วมมือกับตระกูลเช่นนี้!”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวตกตะลึง เขาต้องประเมินฟางหยวนใหม่อีกครั้ง

จากมุมมองของเขา เขาสามารถมองเห็นบางสิ่งจากเรื่องนี้

การแสดงออกของฟางหยวนมั่นคงราวกับเหล็กกล้า ดวงตาสีฟ้าของเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิต

‘ชายผู้นี้…ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ดังคาด บุตรของวูตู๋ซิ่วไม่ธรรมดาจริงๆ’ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวลอบถอนหายใจก่อนจะตอบตกลง “พวกเราจะทำตามความคิดของเจ้า”

…..

แม้วูตู๋ซิ่วจะตายไปแล้วแต่ในงานศพของนางยังมีฉากที่แปลกประหลาดและน่าสนใจ

วูอี้ไห่บุตรนอกสมรสของวูตู๋ซิ่วจากทะเลตะวันออกปรากฎตัวขึ้นและต้องการแสดงความเคารพมารดาของเขา

ผู้อมตะจากกองกำลังต่างๆเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆโดยไม่เข้าไปยุ่ง

ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องภายในของตระกูลวู

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวูเปิดปากกล่าว สายตาของผู้คนจึงหันไปที่เขา

วูเฉียวไม่สะทกสะท้านและยังแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

ตระกูลเฉียวสามารถแทรกซึมเข้าไปในตระกูลวูได้ถึงระดับนี้ นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตกใจเล็กน้อย

แต่คนนอกที่ไม่รู้เหตุผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังไม่สามารถบอกได้ว่าการแสดงออกของวูเฉียวหมายถึงสิ่งใด

เขาเข้าข้างตระกูลวูหรือตระกูลเฉียว?

กระทั่งวูหยงก็ไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้

วูหยงกล่าว “เอาล่ะ เราจะพิสูจน์ตัวตนของเขาที่นี่ ข้าแน่ใจว่าท่านแม่จะดีใจมากที่เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น”

เขาไม่ได้ตำหนิแต่เห็นด้วย

ฟางหยวนมองวูหยงอย่างลึกซึ้ง คนผู้นี้ไม่ง่ายเลย

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยต่อการตอบสนองของวูหยง นี่ทำให้เขาต้องให้คะแนนประเมินวูหยงเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าวูหยงสังเกตเห็นว่าเขาไม่สามารถหยุดฟางหยวน หากเขายังปฏิเสธต่อไป เขาจะเสียชื่อเสียงและภาพลักษณ์

“ผู้อมตะทุกท่านที่นี่สามารถเป็นพยาน นำวิญญาณอมตะออกมา!” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของตระกูลวูลุกขึ้นยืนและแสดงตัวเป็นผู้ดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้วูหยงแทรกตัวเข้ามา

ในไม่ช้าตระกูลวูก็นำวิญญาณอมตะบางดวงออกมา

วูเฉียวถือวิญญาณอมตะยืนอยู่ตรงหน้าฟางหยวน “นี่คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด วิญญาณอมตะสายโลหิต ตระกูลวูของเราได้รับมันมาจากการสังหารปีศาจอมตะผู้หนึ่ง มันเป็นรางวัลจากการต่อสู้ มันสามารถใช้ระบุตัวตนของนายน้อยรอง”

ผู้อมตะทั้งหมดเย้ยหยันอยู่ภายใน เส้นทางแห่งเลือดไม่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป

แต่ความจริงก็คือกองกำลังฝ่ายธรรมะทุกกองกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดอยู่อย่างลับๆ เนื่องจากเส้นทางแห่งเลือดเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้รวดเร็วที่สุด

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดดวงนี้เป็นผลลัพธ์จากงานวิจัยของตระกูลวูแต่พวกเขากลับเรียกมันว่ารางวัลจากการต่อสู้

“นายน้อยรองโปรดหยดเลือดของท่านลงไป” วูเฉียวกล่าว

นี่คือวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด!

ภายใต้สายตาของทุกคน ฟางหยวนมอบหยดเลือดให้กับวูเฉียว

วูเฉียวใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดตรวจสอบ

ไม่มีปัญหา!

ฟางหยวนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

‘โชคดีที่วิญญาณอมตะสมบัติเลือดฟื้นตัวขึ้นแล้ว ข้าเพิ่มมันเข้าไปในท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่ออำพรางสายเลือด ครั้งก่อนข้าสามารถหลอกไห่ฟานและรับมรดกของเขา ครั้งนี้ข้าสามารถผ่านการทดสอบของวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือด’

โชคดีที่มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากมันเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด เขาอาจไม่สามารถหลอกลวง

ฟางหยวนค่อนข้างโชคดีในด้านนี้

แน่นอนว่าตระกูลวูไม่ยินดีที่จะจ่ายราคามหาศาลเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งเลือด

การหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป มันสามารถกลืนกินทรัพย์สินของกองกำลังใหญ่จนเหือดแห้งและยังไม่สามารถรับประกันความสำเร็จ

แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด

ต่อไปวูเฉียวยังตั้งคำถามที่สำคัญกับฟางหยวนมากมาย

บางคำถาม ฟางหยวนรู้คำตอบ ขณะที่บางคำถามเขาไม่สามารถตอบได้

ท่ามกลางคำถามเหล่านี้มีบางคำถามเป็นกับดัก มันถูกใช้เพื่อล่อลวงเขา

แต่ฟางหยวนค้นวิญญาณวูอี้ไห่มาแล้ว เขาสามารถจัดการคำถามเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา

อันตรายที่แท้จริงมีเพียงวิญญาณอมตะสายโลหิตระดับเจ็ดแต่เขาผ่านมันมาแล้ว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูพยักหน้า บางคนยิ้มและมองฟางหยวนราวกับเขาผ่านการทดสอบแล้ว

“ในความเป็นจริงเราต้องตรวจสอบดวงวิญญาณและกระดูกของท่านด้วย แต่ท่านหญิงวูตู๋ซิ่วได้ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้นเราจะข้ามขั้นตอนนี้ไป” วูเฉียวกล่าว

ฟางหยวนดีใจมาก

หากเขาถูกตรวจสอบโดยวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณหรือวิธีบนเส้นทางแห่งกระดูก มีโอกาสสูงมากที่มันจะเปิดเผยข้อบกพร่องของเขาออกมา

‘ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวูตู๋ซิ่วเสียชีวิต ร่างกายของนางกลายเป็นจุดแสงและสลายหายไปในอากาศ กระทั่งเส้นผมก็ไม่เหลือทิ้งไว้ นางตายอย่างสมบูรณ์ นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก!’ ฟางหยวนมีความสุขกับโชคของเขา

วูเฉียวรายงานผลลัพธ์ให้วูหยงทราบ

ในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใด ทุกคนได้เห็นผลลัพธ์กับตาของตนเองแล้ว

วูหยงพยักหน้าขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูคนอื่นๆพยักหน้าเห็นชอบ

ดังนั้นวูเฉียวจึงนำวิญญาณป้ายวิญญาณและวิญญาณโคมไฟวิญญาณออกมาให้ฟางหยวนปรับแต่ง วิญญาณเหล่านี้จะถูกวางไว้ในห้องโถงบรรพชนของตระกูล พวกมันเป็นสัญลักษณ์ของการรับฟางหยวนเข้าสู่ตระกูล

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนประสบความสำเร็จในการได้ใช้ตัวตนของวูอี้ไห่แทรกซึมเข้าสู่ภาคใต้

หลังจากทำความเคารพวูตู๋ซิ่ว ฟางหยวนก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยทักษะการแสดงอันไร้ที่ติ

เนื่องจากตอนนี้เป็นงานศพของวูตู๋ซิ่ว ตระกูลวูจึงไม่สามารถจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่หลังจากพิธีการจบลง ฟางหยวนได้รับการต้อนรับจากผู้อมตะตระกูลวูอย่างอบอุ่น พวกเขาต้องการดื่มชาและพูดคุยกับฟางหยวนเพื่อผลประโยชน์

แต่ฟางหยวนปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด

ตอนนี้สถานะของเขาสูงมาก!

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเป็นน้องชายของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู วูหยง

แม้พี่น้องจะไร้เยื้อใย แต่บนพื้นผิวพวกเขาต้องเป็นพี่น้องที่รักใคร่ปรองดอง

เจ็ดวันต่อมา งานศพสิ้นสุดลง ฟางหยวนยืนอยู่กับกลุ่มผู้อมตะตระกูลวูเพื่อส่งแขกคนสำคัญของตระกูล

ผู้อมตะภาคใต้เหล่านี้จดจำฟางหยวนเอาไว้ในใจ

พวกเขารู้สึกว่าฟางหยวนไม่ใช่ตัวตนที่สามารถมองข้าม ไม่ใช่เพราะระดับการบ่มเพาะแต่เป็นตัวตนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับวูหยงมากที่สุด

ชื่อของวูอี้ไห่กระจายไปทั่วภาคใต้

สามวันต่อมา

ดวงตะวันขึ้นจากขอบฟ้าอย่างช้าๆ

ฟางหยวนยืนอยู่บนยอดเขาผาหมีและมองดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเงียบๆ

เขาได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่บนภูเขาลูกนี้

ที่นี่ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลวู ฟาหงยวนบอกพวกเขาว่าต้องการอยู่ข้างนอก ภูเขาผาหมีเต็มไปด้วยสัตว์อสูร มีหมีทุกชนิดอาศัยอยู่ที่นี่

ตระกูลวูมอบภูเขาผาหมีให้กับฟางหยวน จากนี้ไปที่นี่คืออาณาจักรของวูอี้ไห่

แต่ตระกูลวูยังไม่ได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของฟางหยวน

ในแง่นี้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวรู้สึกกังวลมาก

เมื่อตระกูลเฉียวให้ความช่วยเหลือฟางหยวน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการให้ฟางหยวนกลายเป็นผู้มีอำนาจในตระกูลวูและมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขา

ฟางหยวนทำข้อตกลงลับๆกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวเอาไว้

แต่เขาไม่รีบร้อน

เขาแสร้งทำเป็นมองดวงอาทิตย์ขึ้นแต่แท้จริงแล้วเขากำลังคิดถึงอาณาจักรแห่งความฝัน

เขากลายเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้แล้ว แต่เขาจะเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอย่างเปิดเผยได้อย่างไร

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลก็บินเข้ามาหาเขา

มันกลายเป็นว่าวูหยงเรียกเขาเข้าพบ

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลวูอย่างสมบูรณ์แล้ว วูหยงไม่สามารถสังหารเขาได้อีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลวู วูหยงจำเป็นต้องปกป้องน้องชายผู้นี้

ฟางหยวนเดินทางไปพบวูหยงที่ห้องทำงานของเขา

วูหยงกล่าว “เจ้าเป็นน้องชายของข้า เจ้าพึ่งกลับมา ตามกฎของตระกูล ผู้อมตะระดับหกคนใหม่สามารถเลือกวิญญาณอมตะระดับหกได้หนึ่งดวง หลังจากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด พวกเขาสามารถเลือกวิญญาณอมตะระดับเจ็ดอีกหนึ่งดวง นำวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลไปที่คลังสมบัติเพื่อเลือกวิญญาณอมตะสองดวงที่เจ้าต้องการ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท