เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1212

ตอนที่ 1212

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1212 ผลาญจิตวิญญาณระเบิดโชค

แปลโดย iPAT

“เจี๊ยก เจี๊ยก!” ลิงตัวเมียขนเหลืองวิ่งไปรอบๆก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหน้าฟางหยวนและมอบลูกท้อให้เขา

ฟางหยวนรับมันไว้โดยไม่กล่าวสิ่งใดก่อนจะโยนมันลงไปด้านล้างต้นไม้

ลิงตัวเมียตกใจและกระโดดไปรอบๆทำให้กิ่งไม้ที่ฟางหยวนยืนอยู่สั่นไหว

ฟางหยวนยกมือขึ้นปิดใบหน้าของตนและถอนหายใจ

ลิงตัวเมียเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง

ฟางหยวนเตะส่งมันลงไปจากกิ่งไม้

ลิงตัวเมียล้มลงบนพื้นและกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด มังมองขึ้นไปที่ฟางหยวนด้วยความหวาดกลัวก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของลิงตัวผู้!

ด้วยเหตุนี้เขาจึงดึงดูดความสนใจของลิงตัวเมีย

ที่นี่คือยอดเขาไร้นามแห่งหนึ่ง

ฟางหยวนมาที่นี่โดยปลอมตัวเป็นลิงภูเขา เขาอยู่บนภูเขาลูกนี้มาครึ่งเดือนแล้ว

เขาปกปิดตัวตนและเฝ้าสังเกตค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป

ถูกต้อง เขาอยู่ด้านหน้าอาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

น่าเสียดายที่อาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ถูกผลึกไว้ในค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะ หากมองด้วยตาเปล่า คนผู้หนึ่งจะเห็นเพียงภูเขาสีเขียวเท่านั้น

แม้ฟางหยวนจะใช้วิธีการบางอย่างที่สามารถมองทะลุค่ายกลวิญญาณ แต่เขาก็เห็นเพียงภาพที่พร่ามัว

‘น่าเสียดายที่วิธีการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพที่สุดของข้าคือท่าไม้ตายอมตะภาพอนาคตสามลมหายใจ มันไม่สามารถจัดการค่ายกลวิญญาณนี้ นอกจากนั้นยังมีวิญญาณอมตะมากมายเป็นแกนกลางของมัน’

‘ผู้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้คือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ จื่อชิวหยู คนผู้นี้เป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล ค่ายกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาสร้างขึ้นคือค่ายกลวิญญาณเก้าสระสามชั้น ในสงครามห้าภูมิภาค ตระกูลจื่อใช้มันสังหารผู้อมตะภาคกลางจำนวนมาก ค่ายกลวิญญาณสามชั้นฟ้าเก้ามหาสมุทรกสร้างขึ้นในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของจื่อชิวหยู แต่ตอนนี้เขายังห่างไกลจากความสำเร็จ บางทีข้าอาจสามารถเรียนรู้บางสิ่งจากค่ายกลวิญญาณที่อยู่ตรงหน้านี้ หลังจากทั้งหมดมันเป็นค่ายกลวิญญาณที่ทับซ้อนกันคล้ายกับค่ายกลวิญญาณสามชั้นฟ้าเก้ามหาสมุทร’

‘ตอนนี้ค่ายกลวิญญาณถูกใช้งานเพียงบางส่วน วิญญาณอมตะยังไม่ถูกกระตุ้นใช้งาน’

‘แต่ถึงกระนั้นข้าเพียงผู้เดียวก็ยังไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณระดับนี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะฝ่ายธรรมะอีกอย่างน้อยสิบสามคนที่เฝ้าระวังอยู่รอบๆ!’

ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของกองกำลังพันธมิตรฝ่ายธรรมะ

เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน แต่ละกองกำลังจึงส่งผู้อมตะระดับสูงอย่างน้อยหนึ่งคนมาปกป้องมันเอาไว้ มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์

‘การป้องกันของมันหนาแน่นเกินไป หากข้าต้องการเข้าไปและคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝัน ข้าต้องวางแผนอย่างชาญฉลาด’ ฟางหยวนส่ายศีรษะอยู่ภายใน

แต่เขาควรใช้แผนการใด ตอนนี้เขายังไม่รู้

ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

เนื่องจากปัญหานี้เกี่ยวข้องกับกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของภาคใต้ พวกเขาสร้างความร่วมมือและมีการกระจายผลประโยชน์ที่สมเหตุสมผล

ฟางหยวนอยู่ตัวคนเดียว แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เปรียบเทียบกับกองกำลังขนาดใหญ่ เขาก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

เช่นเดียวกันก่อนหน้านี้ ฟางหยวนโจมตีและปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าหลิว นั่นทำให้กองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของภาคเหนือรวมถึงชูตู๋ต่อต้านเขา

ฟางหยวนเป็นผู้กลับชาติมาเกิด แต่ด้วยการคงอยู่ของเจตจำนงสวรรค์ ข้อได้เปรียบของเขาจึงลดลงอย่างมาก

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในชีวิตแรกของเขาอาณาจักรแห่งความฝันและค่ายกลวิญญาณนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

‘ข้าควรทำเช่นไร?’ ฟางหยวนรู้สึกหนักใจ

ด้านไป่หนิงปิง เขาสามารถเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไป่เซียง แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหนักใจไม่แพ้ฟางหยวนเมื่อมองไปที่จิตวิญญาณสวรรค์

“ข้าทะลวงผ่านสามสิบห้องโถงและทำลายอุปสรรคทั้งหมดเพื่อมาพบเจ้า แต่เจ้ากลับปฏิเสธที่จะยอมรับข้าเป็นเจ้านายงั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงมองจิตวิญญาณสวรรค์ของถ้ำสวรรค์ไป่เซียงด้วยสายตาเย็นชา

จิตวิญญาณสวรรค์ของถ้ำสวรรค์ไป่เซียงอยู่ในรูปลักษณ์ของชายชราผู้หนึ่ง

เขานั่งอยู่บนขั้นบันไดและสูบยาสูบอย่างสะดวกสบาย เขาถอนหายใจกล่าว “คนหนุ่มสาวยุคนี้ช่างใจร้อนนัก ก่อนหน้านี้ข้าบอกให้เจ้าเดินทางผ่านสามสิบห้องโถงเพื่อมาพบข้าที่นี่ แต่ข้าไม่เคยบอกว่าข้าจะยอมรับเจ้าเป็นเจ้าหน้าคนใหม่ เมื่อเจ้ามาถึงที่นี่ นั่นหมายความว่าเจ้ามีคุณสมบัติเบื้องต้นที่จะรับการทดสอบต่อไปเท่านั้น”

“การทดสอบต่อไปคือสิ่งใด?” ไป่หนิงปิงถามเสียงเย็น

“นำทรัพยากรอมตะกลับคืนมา” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงมองไป่หนิงปิงและหัวเราะเบาๆ

“ทรัพยากรอมตะใด?” ไป่หนิงปิงถาม

“เจ้าเห็นรูบนเพดานห้องหรือไม่?” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงชี้นิ้วขึ้นไป

“ข้าเห็นมันทันทีที่มาถึง มันสะดุดตาเกินไป” ไป่หนิงปิงกล่าวเสียงเรียบ

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงถอนหายใจอีกครั้ง “ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามสิบคลังสมบัติสวรรค์แห่งนี้คือการจัดเก็บทรัพยากรอมตะจำนวนมาก แต่เมื่อไม่กี่พันปีที่ผ่านมา ทรัพยากรอมตะชิ้นหนึ่งหลุดออกมาและบินออกไป”

“อันใด!?” ไป่หนิงปิงรู้สึกประหลาด

“อย่าพึ่งตกใจ หนุ่มน้อย โลกใบนี้กว้างใหญ่เกินจินตนาการของเจ้า มีรูปแบบชีวิตมากมายที่เจ้าจะได้พบเห็นในอนาคต” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงถอนหายใจ

“หยุดไร้สาระ กล่าวเข้าประเด็น!” ไป่หนิงปิงตะคอก

“โอ้ เด็กน้อย เจ้าช่างไร้ความอดทน คำกล่าวของคนแก่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้า” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกล่าว

ไป่หนิงปิงเงียบและจ้องมองจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงด้วยดวงตาสีฟ้าของเขา

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ข้าจะบอกเจ้า ข้าต้องการให้เจ้ากำหราบเปลวเพลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลทางทิศตะวันตก ในช่วงเวลาปกติ เจ้าจะไม่พบมันเพราะมันสามารถหลอมรวมกับน้ำทะเลได้อย่างสมบูรณ์ แต่นานๆครั้งมันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำและเล่นสนุกไปรอบๆ นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเจ้าที่จะจับมัน”

ไป่หนิงปิงทำตามคำแนะนำของจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงและไปถึงชายหาดทางทิศตะวันตก

มันเป็นทะเลขนาดใหญ่ที่งดงาม

ไป่หนิงปิงซ่อนตัวอยู่ที่นี่นานกว่าสิบวัน ในที่สุดเขาก็พบโอกาสที่จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกล่าวถึง

“ครืน…”

คลื่นน้ำสูงกว่าร้อยเมตรก่อตัวขึ้นกลางทะเลก่อนที่เสียงคำรามอันดุร้ายจะดังขึ้น

ไป่หนิงปิงค้นพบเป้าหมายของเขา

เดิมทีมันเป็นดวงไฟสีส้มขนาดเล็กเท่ากับกำปั้นมนุษย์

แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันกลับเปลี่ยนร่างเป็นมังกรเพลิงสีส้มบินไปรอบๆ

เห็นสิ่งนี้ ไป่หนิงปิงที่เย็นชายังแสดงออกด้วยความตกใจ

‘แสงจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและยังมีชีวิต นี่เป็นทรัพยากรอมตะระดับเก้า!’

ทรัพยกรอมตะระดับเก้าเป็นสมบัติหายากอย่างที่สุด

ทรัพยากรประเภทนี้สามารถใช้หลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเก้า

ไป่หนิงปิงไม่คาดคิดว่าจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงจะขอให้เขานำทรัพยากรอมตะระดับเก้ากลับไป!

เรื่องนี้อยู่นอกเหนือความสามารถของไป่หนิงปิง ดังนั้นเขาจึงต้องกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะบางดวงเพื่อติดต่อกับอิงอู๋เซี่ยที่อยู่ด้านนอก

“ข้าไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือว่าอย่าติดต่อข้า หากจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงค้นพบ มันอาจเกิดปัญฆา” อิงอู๋เซี่ยกล่าว

“ข้ากำลังพบปัญหา ข้าต้องจับทรัพยากรอมตะระดับเก้า มังกรเพลิงสีส้ม…”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยก็เปลี่ยนแปลงไป “เจ้าบอกว่ามังกรเพลิงสีส้มงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง มันกำลังบินเล่นอยู่ในทะเล แต่น้ำทะเลราวกับหวาดกลัวมันและแยกออกจนถึงจุดต่ำสุด ข้ายังมองเห็นห้วงมิติที่ว่างเปล่าที่ขยายตัวออกไป” ไป่หนิงปิงกล่าวเสริม

ร่างกายของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย “เจ้าต้องเคยอ่านตำนานมนุษย์คนแรกมาก่อน ตำนานกล่าวว่ามีเปลวเพลิงสามชนิดอยู่บนโลกใบนี้ เพลิงสวรรค์ เพลิงปฐพี และเพลิงมนุษย์ นี่คือเพลิงมนุษย์ มันมีชื่อว่าเพลิงมังกรล่องคลื่น”

“เพลิงมังกรล่องคลื่น!?” ไป่หนิงปิงตกใจ

เขาหยุดก่อนถามต่อ “แล้วข้าควรทำอย่างไร?”

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “มันยากมาก ด้วยระดับการบ่มเพาะของเจ้า ไม่มีความหวังที่จะกำหราบมัน แต่ข้ามีสามวิธีให้เจ้าทดลอง”

“มีโอกาสมากน้อยเท่าใด?” ไป่หนิงปิงถาม

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าไม่แน่ใจ พวกมันมีโอกาสประสบความสำเร็จทั้งหมด แต่มากน้อยขึ้นอยู่กับโชคของเจ้า”

ทั้งคู่สนทนากันในช่วงเวลาสั้นๆเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อิงอู๋เซี่ยเป็นคนตัดการเชื่อมต่อ

เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีและรู้สึกติดอยู่ในความมืด

“เพลิงมนุษย์ ข้าเกรงว่ามีเพียงร่างหลักของข้าเท่านั้นที่มีโอกาสประสบความสำเร็จ”

“ดูเหมือนข้าต้องช่วยไป่หนิงปิง หากเขาล้มเหลว มันจะเป็นปัญหาสำหรับแผนการในอนาคตของข้า”

อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจกระทำการบางอย่าง

แม้ไป่หนิงปิงจะอยู่ในถ้ำสวรรค์ไป่เซียง แต่อิงอู๋เซี่ยก็มีวิธีการมากมายที่สามารถช่วยไป่หนิงปิง

อันดับแรก โชค!

อิงอู๋เซี่ยมีท่าไม้ตายอมตะผลาญจิตวิญญาณระเบิดโชค

อิงอู๋เซี่ยเคยใช้ท่าไม้ตายนี้ในช่วงเวลาที่เขาพยายามหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะในถ้ำนรกใต้พิภพของภาคกลางมาก่อน มันทำให้โชคของเขาปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่การหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะล้มเหลวเพราะวังสวรรค์ชิงหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ไปก่อนแล้ว

วิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเพียงหนึ่งไม่มีสอง แม้อิงอู๋เซี่ยจะโชคดีแต่เขาก็ไม่สามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะที่เหมือนกันดวงที่สอง

ก่อนที่ไป่หนิงปิงจะออกเดินทาง อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับไป่หนิงปิงไว้แล้ว

ตอนนี้เมื่อไป่หนิงปิงต้องจับเพลิงมังกรล่องคลื่นทรัพยากรอมตะระดับเก้า ไป่หนิงปิงสามารถพึ่งพาเพียงโชคเท่านั้น

กลับไปที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้

‘โอ้ มีบางสิ่งเกิดขึ้น!’ ฟางหยวนในร่างลิงซ่อนตัวอยู่หลังกิ่งไม้

ผู้อมตะสองคนปรากฏตัวขึ้นด้านล่างต้นไม้ที่ฟางหยวนซ่อนตัวอยู่

ลูกท้อที่ฟางหยวนโยนทิ้งก่อนหน้านี้อยู่ที่ปลายเท้าของผู้อมตะผู้หนึ่ง

“พี่ลั่ว ขอบคุณสำหรับสิ่งนี้” ผู้อมตะคนหนึ่งกล่าว

“ข้าสามารถนำเจ้าเข้าไป แต่หากเกิดสิ่งใดขึ้นและเจ้าถูกค้นพบ มันจะไม่เกี่ยวกับข้า” ผู้อมตะอีกคนตอบกลับ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท