เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1206

ตอนที่ 1206

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1206 บรรลุระดับเจ็ด

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนทิ้งเรื่องงานประลองทุ่งโลหิตเอาไว้ข้างหลัง

เขาจะไม่ปล่อยแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงไปอย่างแน่นอน แม้เขาจะไม่สามารถกลืนกินมันในตอนนี้แต่เขายังสามารถทำมันได้ในอนาคต

สำหรับผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่ต้องการศพและดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง ฟางหยวนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเต็มใจที่จะตอบสนองคำของบางส่วนของพวกเขา

สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง เมื่อเขาค้นวิญญาณของเย่หลิวชุนซิง เขาจะได้เรียนรู้ความลับมากมายของเผ่าเย่หลิว หลังจากค้นวิญญาณ เขาจะขายดวงวิญญาณนี้ให้กับนิกายหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงาน

‘เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือทดสอบว่าข้าสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาหรือไม่?’

ฟางหยวนบินไปอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าเขาป้องกันตัวจากการตรวจสอบของเจตจำนงสวรรค์ตลอดเวลา

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เขามาถึงไท่ชิว

ไท่ชิวอยู่ไม่ไกลจากทุ่งโลหิต

หากมองจากแผนที่ภาคเหนือ ทุ่งโลหิตอยู่ด้านซ้าย ไท่ชิวอยู่ด้านขวา ตรงกลางคือแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่

ทุ่งโลหิต แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก และไท่ชิวเป็นสามอาณาเขตที่เชื่อมต่อกัน

เมื่อเข้าสู่ไท่ชิว ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์และลอบเข้าไป

เขาคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี ดังนั้นเพียงไม่นานเขาก็ไปถึงค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายหลางหยาและเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้สำเร็จ

“ฟางหยวนกลับมาแล้ว!” ผมที่หกจับตามองฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

“ตั้งแต่เขาแลกเปลี่ยนวิญญาณอมตะลมหายใจมังกร นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับมา เขาใช้วิญญาณอมตะลมหายใจมังกรทำสิ่งใด?” ผมที่หกพยายามคาดเดา

แต่เขาไม่รู้ว่าหลายชั่วโมงก่อนฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลเพื่อสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือเย่หลิวชุนซิง

คนผู้นี้อยู่ในระดับเดียวกับไป่ซุ้ยฮันและบัณฑิตสันโดษ

กล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟางหยวนสามารถแข่งขันกับตัวตนเหล่านี้แล้ว

ตั้งแต่ความล้มเหลวที่ภูเขาอี้เทียน นิกายเงาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ผมที่หกอาจเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของนิกายเงาที่เหลืออยู่ในภาคเหนือ ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลของเขาจึงค่อนข้างล่าช้า

แต่ข่าวของฟางหยวนไม่สามารถปกปิด ฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจเกินไปและในไม่ช้ามันจะแพร่กระจายไปทั่วภาคเหนือ

กระทั่งสิบนิกายโบราณของภาคเหนือก็ยังสนใจการต่อสู้ที่ทุ่งโลหิต

“โอ้ ฟางหยวนออกไปอีกแล้วงั้นหรือ?” ผมที่หกประหลาดใจ

ค่ายกลวิญญาณขนส่งถูกใช้งานอีกครั้ง

ผมที่หกไม่รู้ว่าฟางหยวนกำลังทำสิ่งใด เขามาและรีบจากไป แต่ผมที่หกยังรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีบางสิ่งผิดปกติและค่อนข้างน่าตื่นตระหนก เขารู้สึกว่าฟางหยวนกำลังจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

ความเร็วในการเติบโตของฟางหยวนเป็นข่าวร้ายสำหรับนิกายเงา

ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายหลางหยาในการเดินทาง เขาต้องการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงต้องวางมิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงลงบนพื้นเป็นอันดับแรก

เขาไม่สามารถวางมิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงที่ทุ่งโลหิต ความปั่นป่วนจะดึงดูดสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนและนั่นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับฟางหยวน

‘มันไม่ใช่เรื่องง่าที่จะกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ข้าต้องวางแผนอย่างรอบคอบและไม่ปล่อยให้เกิดเหตุร้ายใดๆ’

ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายกลวิญญาณขนส่งที่อยู่ห่างไกลจากทุ่งโลหิต

เขาเลือกสถานที่ไว้แล้ว

เมื่อออกจากค่ายกลวิญญาณขนส่ง เขาบินไปยังทุ่งหญ้าที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่ง

หลังจากตรวจสอบและไม่พบสิ่งผิดปกติ ฟางหยวนนำซากศพของเย่หลิวชุนซิงออกมา

ศีรษะของเย่หลิวชุนซิงถูกตัดออกไปแล้ว

ฟางหยวนใช้วิธีการบางอย่างเพื่อทำให้แน่ใจว่ามิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงยังคงอยู่

วิธีนี้มีที่มาที่ไป

ครั้งหนึ่งฟางหยวนเคยเห็นวิธีดึงมิติช่องว่างออกมาจากร่างผู้อมตะของนางมารผลาญสวรรค์ หลังจากเจรจา เขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยของผู้อมตะเฒ่ากงเจียจากนาง นอกเหนือจากนี้ฟางหยวนยังมีวิธีการบางอย่างจากชีวิตแรกของเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างวิธีเก็บรักษามิติช่องว่างที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

ดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงถูกนำออกไปและผนึกไว้แล้ว

ในความเป็นจริงดวงวิญญาณของเย่หลิวชุนซิงได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่โชคดีที่ฟางหยวนมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

แม้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์แต่มันถูกสร้างขึ้นจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพและเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างจิตวิญญาณของโลกใบนี้ ฟางหยวนเป็นเจ้าของภูเขาตงฮัน ดังนั้นเขาย่อมมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยวสำรองเอาไว้มากมาย

หลังจากใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยว กระทั่งดวงวิญญญาณของเย่หลิวชุนซิงจะใกล้ดับสูญ มันก็ยังได้รับการช่วยเหลือ

ฟางหยวนปลดผนึกและโยนศพไร้หัวลงบนทุ่งหญ้า

เย่หลิวชุนซิงผู้ยิ่งใหญ่เมื่อยังมีชีวิตกลับถูกปฏิบัติอย่างน่าสมเพชหลังจากเสียชีวิต หากผู้อมตะเผ่าเย่หลิวได้เห็นสิ่งนี้ พวกเขาจะกระโดดออกมาและเดิมพันชีวิตกับฟางหยวนด้วยความโกรธ

หลังจากหลายลมหายใจ ปราณสวรรค์พิภพก็หลอมรวมกับมิติช่องว่างของเย่หลิวชุนซิงและสร้างความปั่นป่วนขึ้น

โชคดีที่ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและไม่โชคร้ายเหมือนสมัยก่อน

โดยไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ประตูทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดออกต่อหน้าฟางหยวนในที่สุด

เขาเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

แดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงค่อนข้างประหลาด

ท้องฟ้าเป็นฉากที่มืดมิดแต่พื้นด้านล่างส่องแสงสีฟ้าสลัว

ฟางหยวนค้นพบว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เต็มไปด้วยดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน แต่พวกมันเหมือนก้อนหินที่วางอยู่บนพื้น

แดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงกว้างใหญ่ราวกับอาณาจักร

ฟางหยวนต้องการบินแต่เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ทำให้เขาจมลงสู่พื้น

ทันใดนั้นดาวสีฟ้าอ่อนขนาดเท่าอ่างล้างหน้าก็ลอยเข้ามาหาฟางหยวน

มันคือจิตวิญญาณแผ่นดิน

ดาวดวงนี้หมุนวนรอบตัวมันเองและปล่อยแสงทุกเฉกสีออกมา นี่ทำให้ฟางหยวนเชื่อมโยงมันกับอัญมณีที่งดงามเช่นเพชร

ท่ามกลางการสื่อสารที่ไร้เสียง ฟางหยวนได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเป็นเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

สำหรับผู้อมตะทั่วไป มันเป็นเงื่อนไขที่ค่อนข้างยาก

เพราะคำขอของจิตวิญญาณแผ่นดินคือการแสดงเคล็ดลับท่าไม้ตายอมตะที่แท้จริงและสมบูรณ์แบบที่มีชื่อว่าหมื่นหิ่งห้อยดาราให้มันดู

ในขณะที่เย่หลิวชุนซิงยังมีชีวิต เขาค้นคว้าเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดารามาตลอด ท่าไม้ตายที่เขาสร้างขึ้นก็เลียนแบบมาจากท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราเช่นกัน

นี่เป็นความหมกมุ่นของเขา

“โชคดีจริง ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนนำเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราออกมาและมอบให้กับจิตวิญญาณแผ่นดิน

เขาเป็นคนฆ่าตงฟางชางฟานและค้นวิญญาณของตงฟางชางฟานมานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากสูญเสียคุณค่าทั้งหมด ฟางหยวนมอบดวงวิญญาณของตงฟางชางฟานให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อแลกกับแต้มผลงานของนิกาย

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็กลายเป็นเจ้าของคนใหม่ของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

“ต่อไปเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด มาดูกันว่าข้าจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้หรือไม่?”

ฟางหยวนหยุดพักชั่วขณะก่อนจะเริ่มกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์

ในการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเงื่อนไขสามประการ

หนึ่ง ความสำเร็จบนเส้นทางสายนั้น

สอง มิติช่องว่างที่ด้อยกว่าไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่า

สาม มิติช่องว่างที่ตายแล้วไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์

ฟางหยวนสามารถบรรลุเงื่อนไขสองข้อแต่มีข้อหนึ่งที่ยังคลุมเครือ

มิติช่องว่างที่ด้อยกว่าไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่า คำถามคือสิ่งใดเรียกด้อยและสิ่งใดเรียกเหนือ?

หากพิจารณาในแง่ของระดับการบ่มเพาะ มิติช่องว่างระดับหกอาจถือว่าด้อยกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด ในกรณีนี้ฟางหยวนอาจไม่สามารถกลืนกินมันได้

หากพิจารณาในแง่ของรากฐาน มิติช่องว่างจักรพรรดิถือว่าเหนือกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงไปไกลมาก ในกรณีนี้ฟางหยวนจะสามารถกลืนกินมัน

ฟางหยวนต้องการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน

แต่น่าเสียดายที่เขารู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดน้อยมาก บางแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขข้ออื่น

จนถึงตอนนี้ฟางหยวนมีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ของเย่หลิวชุนซิงเท่านั้นที่สามารถใช้ในการทดลอง

ด้วยความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณแผ่นดินน ฟางหยวนเริ่มกลืนกินทันที

กระบวนการต่างๆดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเกินความคาดหมาย

เขาไม่พบอุปสรรคใดๆทั้งสิ้น!

การทดลองประสบความสำเร็จในครั้งเดียว!

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ชุนซิง ไม่เพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิจะได้รับทรัพยากรทั้งหมดจากมัน แต่ฟางหยวนยังสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดได้ทันที

ผู้อมตะระดับเจ็ด!

“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าคือผู้อมตะระดับเจ็ด!”

จิตใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

ในช่วงห้าร้อยปีของชีวิตแรก ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกที่ผ่านภัยพิบัติสวรรค์เพียงสองครั้ง โดยธรรมชาติตอนนี้ฟางหยวนรู้แล้วว่าเจตจำนงสวรรค์ตั้งใจยับยั้งระดับการบ่มเพาะของเขา

เจตจำนงสวรรค์ต้องการใช้ปีศาจต่างโลกเป็นเครื่องมือเพื่อจัดการกับนิกายเงา ฟางหยวนถูกคัดเลือกจากเจตจำนงสวรรค์ มันพยายามปลุกปั้นตัวหมากของมันให้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุด อย่างน้อยระดับการบ่มเพาะของเขาก็ต้องไม่สูงเกินไป หากเขาแข็งแกร่งเกินไป เจตจำนงสวรรค์จะควบคุมฟางหยวนได้ยากขึ้น นอกจากนี้เขายังต้องไม่อ่อนแอเกินไป มิฉะนั้นกระทั่งเขาจะกำเนิดใหม่ เจตจำนงสวรรค์ก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใดๆจากเขา

นี่เป็นแผนการระยะยาวที่แยบยลของเจตจำนงสวรรค์!

แต่ในปัจจุบันเนื่องจากการพบโชคลาภโดยังเอิญตลอดจนความพยายามของตัวเขาเอง ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางของเจตจำนงสวรรค์และก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ด!

เรื่องนี้มีความสำคัญมาก!

ผู้อมตะระดับหกถือเป็นชนชั้นล่างสุด ในโลกของผู้อมตะมีผู้อมตะระดับหกอยู่มากที่สุด

ผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นชนชั้นกลาง แต่ในกองกำลังของผู้อมตะ พวกขาถือเป็นตัวตนชั้นสูงและมีสถานะสูงส่ง

ผู้อมตะระดับแปดหาได้ยาก ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาสามารถสร้างพายุใหญ่ในแต่ละภูมิภาค

ด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด ฟางหยวนกลายเป็นชนชั้นสูงของกองกำลังผู้อมตะ หากเขายังเป็นผู้อมตะระดับหก เขาต้องเดินอ้อมตัวตนระดับสูง แต่เมื่อฟางหยวนบรรลุระดับเจ็ด เขาต้องระวังเพียงตัวตนเช่นเย่หลิวชุนซิงหรือบัณฑิตสันโดษ ตัวตนระดับนู๋เอ๋อกู่ไม่อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไป

ชูตู๋? ฟางหยวนประเมินว่าเขายังด้อยกว่าชูตู๋ โชคดีที่ปัจจุบันชูตู๋เป็นพันธมิตรของเขา

เวลานี้มิติช่องว่างจักรพรรดิเริ่มผลิตพลังงานอมตะระดับเจ็ดแล้ว

ในไม่ช้าฟางหยวนจะมีลูกพลัมแดงอมตะเป็นของตนเอง

ในเวลาเดียวกันเขายังสามารถหลอมรวมองุ่นเขียวอมตะระดับหกที่สะสมไว้และเปลี่ยนพวกมันเป็นลูกพลัมแดงอมตะระดับเจ็ด

องุ่นเขียวอมตะหนึ่งร้อยผลสามารถเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งผล

“ข้าต้องหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน!”

“ในการใช้องุ่นเขียวอมตะกับวิญญาณอมตะระดับเจ็ด ข้าต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามสิบส่วน หลังจากหลอมรวมมันเป็นลูกพลัมแดงอมตะ จะไม่มีการสูญเสียที่ไร้ความหมายอีกต่อไป”

“เมื่อเวลาผ่านไป ข้าจะมีลูกพลัมแดงอมตะสำรองไว้และไม่ต้องกลัวการต่อสู้ที่ยึดเยื้ออีกต่อไป สถานการณ์ที่ยากลำบากระหว่างการต่อสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท