เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1225

ตอนที่ 1225

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1225 การล่อลวงของเทพธิดากระต่ายขาว (2)

แปลโดย iPAT

วูเหลียวไม่ใสาใจวูอัน เขาโค้งคำนับไปที่ประตูและตะโกน “วูอันมีเจตนาร้าย วูเหลียวขอเข้าพบนายท่านเพื่อรายงานเขา!”

หัวใจของวูอันราวกับถูกแช่แข็ง

เขากลัว เขากลัวมาก

เขากลัวว่าเมื่อประตูบานนี้ถูกเปิดออก เทพธิดากระต่ายขาวจะวิ่งออกมาพร้อมกับน้ำตา

เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะทำเช่นไร

อย่างไรก็ตามประตูยังคงปิดราวกับฟางหยวนไม่ได้ยินสิ่งใด

แต่มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ทั่วไป มันอยู่ในค่ายกลวิญญาณ ขณะที่ฟางหยวนเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะที่สำคัญสองดวง เขาสามารถรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาเขตของตระกูลวู

การกระทำของวูอันและวูเหลียวอยู่ภายใต้การรับรู้ของฟางหยวนทั้งหมด

แล้วเขาจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนของวูเหลียวได้อย่างไร

เป็นไปไม่ได้!

เมื่อเห็นฟางหยวนไม่สนใจ วูเหลียวผู้มีความมั่นใจกลับตกตะลึง

เขารู้ว่าวูอันพยายามทุกวิถีทางเพื่อขอพบฟางหยวน วูเหลียวรู้จุดประสงค์ของเขา

วูเหลียวไม่ได้ขัดขวางเพราะเขารู้ว่ามนุษย์ย่อมมีความโลภและเห็นแก่ตัว ผู้อมตะระดับเจ็ดคนก่อนหน้าเป็นหนึ่งในนั้น

แต่ฟางหยวนไม่ได้พบวูอันในช่วงเวลาที่ผ่านมา นี่ทำให้วูเหลียวมีความสุขมาก

เขาคิดว่าฟางหยวนปฏิเสธวูอันและไม่มีความสุขกับธุรกิจซื้อขายโอกาส

‘ท่านวูอี้ไห่จะคิดอย่างไรหลังจากได้รับข้อเสนอ เขาพึ่งกลับเข้าตระกูล เขาต้องกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของตน มิฉะนั้นเขาจะนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์ในอนาคตได้อย่างไร?’ วูเหลียวคิด

วูเหลียวหวังว่าฟางหยวนจะให้เขาเข้าพบ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ?

ประตูยังปิดแน่นราวกับกำแพงหรือภูเขาสูงที่ปิดกั้นหัวใจของวูเหลียว

วูอันหัวเราะเสียงดัง

เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก จิตใจของเขากลับสู่ความสงบ

การขอเข้าพบของวูเหลียวเป็นการตรวจสอบที่ดีที่สุด

วูอันคิดทันทีว่าเขาเข้าใจความตั้งใจของฟางหยวนแล้ว

วูเหลียวไม่เชื่อ เขาตะโกนอีกครั้งแต่ประตูยังปิดสนิทและไม่มีเสียงตอบรับ

วูอันหัวเราะดังขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกมั่นใจมาก

เขากล่าว “วูเหลียว หยุดกรีดร้อง นายท่านมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ อย่ารบกวนท่าน”

การแสดงออกของวูเหลียวกลายเป็นมืดมนและน่าเกลียด

วูอันยิ้มเยาะและส่ายศีรษะ

วูเหลียวดูแคลนวูอันขณะที่วูอันรู้สึกว่าวูเหลียวเป็นคนดื้อรั้นเกินไป เขาไม่รู้วิธีสร้างความสัมพันธ์กับผู้คน

‘ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะเป็นที่น่าพอใจ’

‘เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เทพธิดากระต่ายขาวงดงามมาก เมื่อข้าเห็นนางครั้งแรกในชุดนั้น หัวใจของข้าแทบพุ่งออกมาทางปาก ข้าอยากกอดและถูไถร่างกายของนาง!’

‘เมื่อได้เห็นความงามของเทพธิดากระต่ายขาว ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งเป็นผู้ชาย พวกเขาย่อมถูกล่อลวง! ท่านวูอี้ไห่เป็นเด็กหนุ่มและแข็งแรง อำนาจและหญิงงามย่อมสามารถตอบสนองอัตตาของเขา นอกจากนี้เขายังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออกขณะที่เทพธิดากระต่ายขาวก็เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้ การบ่มเพาะอย่างสันโดษย่อมทำให้พวกเขาเข้าใจกัน สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเทพธิดากระต่ายขาวเป็นหญิงพรหมจรรย์ เมื่อชายหญิงพบกัน พวกเขาจะหลอมรวมกันกันอย่างเร้าร้อน! ฮ่าฮ่าฮ่า’

ขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ มันกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

ประตูเปิดออก เทพธิดากระต่ายขาวยืนอยู่ต่อหน้าผู้อมตะทั้งสองของตระกูลวู

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้าออมาแล้วงั้นหรือ? เหตุใดจึงรวดเร็วนัก!?” วูอันประหลาดใจมาก

“นายท่านต้องได้ยินคำกล่าวของข้าและส่งหญิงผู้นี้ออกมา” วูเหลียวดีใจมากแต่เมื่อเขาเห็นเทพธิดากระต่ายขาว ร่างกายของเขากลับแข็งค้าง

ความงามของเทพธิดากระต่ายขาวทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว เขาต้องยอมรับว่าเทพธิดากระต่ายขาวงดงามมาก

“เจ้าทำไม่สำเร็จงั้นหรือ?” หัวใจของวูอันจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง

แต่ในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นว่าเทพธิดากระต่ายขาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว นางไม่ได้สวมชุดขนสัตว์สีขาวอีกต่อไป

นอกจากนี้!

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของวูอันมากที่สุดก็คือเทพธิดากระต่ายขาวสวมตุ้มหูหยกคู่หนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนลูกบอล

นี่เป็นประเพณีของภาคใต้

เมื่อผู้หญิงแต่งงาน พวกเขาจะสวมตุ้มหูชนิดนี้เพื่อแสดงว่านางได้เป็นหนึ่งเดียวกับผู้ชายของนางแล้ว

วูอันดีใจมาก เขามีความสุขมาก

ใบหน้าของวูเหลียวกลายเป็นซีดขาว เขาเห็นตุ้มหูหยกของเทพธิดากระต่ายขาวแล้ว

“เจ้าทำสำเร็จหรือไม่?” วูอันเดินเข้าไปถามอย่างระมัดระวัง

เทพธิดากระต่ายขาวแสดงท่าทางแปลกๆ นางพยักหน้าแต่ไม่พูด

วูอันพ่นลมหายใจออกมา แรงกดดันทำให้เขาไม่สามารถปรับตัวกับความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและทำให้เขาแทบล้มลงบนพื้น

‘แต่เหตุใดถึงเร็วนัก?’ วูอันคิด ‘อย่าบอกว่าท่านวูอี้ไห่เป็น…นกกระจอก…สิ่งนี้หาได้ยากในภาคใต้ ฮ่าฮ่า หากเป็นเช่นนั้นข้าจะเสนอวิญญาณที่มีประโยชน์ให้กับท่านวูอี้ไห่ในอนาคต แต่ท่านวูอี้ไห่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด วิญญาณเหล่านี้อาจไม่ได้ผล’

‘ไข่มุกหยกคู่นี้ถูกมอบให้ข้าโดยท่านวูอี้ไห่ ท่านให้ข้าไล่พวกเจ้าไป ท่านจะปิดประตูฝึกตน เจ้าสามารถปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าและอย่ามารบกวนท่านอีก’ เทพธิดากระต่ายขาวกล่าว

หลังจากนางกล่าวจบประโยค วูอันหันหน้าไปมองวูเหลียวด้วยใบหน้าของผู้ชนะ

ร่างกายของวูเหลียวสั่นสะท้านขึ้น เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวและมองวูอันด้วยความโกรธก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านวูอัน ไปด้วยกันเถอะ” เทพธิดากระต่ายขาวกล่าว

“อย่าเรียกข้าว่าท่าน เรียกข้าด้วยชื่อของข้า” วูอันแสดงออกด้วยความสุภาพ

ตอนนี้สถานะของเทพธิดากระต่ายขาวเปลี่ยนไปแล้ว

วูอี้ไห่ไม่เพียงรับความบริสุทธิ์ของนางแต่ยังมอบตุ้มหูหยกให้นาง นี่หมายความว่าเขายอมรับนางเป็นนางบำเรอของเขา

เทพธิดากระต่ายขาวรู้สึกได้ถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปของวูอัน นี่ทำให้นางเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน

นางกล่าว “แท้จริงแล้วท่านวูอี้ไห่มีบางคำฝากถึงท่านโดยเฉพาะ”

“เทพธิดา เชิญกล่าว” วูอันกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เทพธิดากระต่ายขาวพูดเรื่องที่น่าตกใจ “ในความเป็นจริง…ท่านวูอี้ไห่ไม่ได้เข้าหอกับข้า”

“อันใด!?” วูอันตกใจมาก

ฉากก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นในใจของเทพธิดากระต่ายขาวอีกครั้ง

ขณะที่นางกำลังเดินเข้าไปสวมกอด นางรู้สึกถึงมือที่แข็งแกร่งคู่หนึ่งคว้าไหล่ของนางเอาไว้

พลังงานที่อบอุ่นถูกปล่อยออกมาจากมือคู่นี้และไม่ยอมให้มีการต่อต้านใดๆ เทพธิดากระต่ายขาวถูกผลักออกจากร่างของฟางหยวนอย่างแผ่วเบา

ใบหน้าของเทพธิดากระต่ายขาวกลายเป็นเป็นซีดขาว นางรู้สึกราวกับกำลังจะหมดสติ

แต่ในช่วงเวลาต่อมา นางกลับได้ยินเสียงของฟางหยวน “ก่อนหน้านี้ข้าเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษอยู่ในทะเลตะวันออก ข้าเข้าใจความเจ็บปวดของผู้บ่มเพาะสันโดษอย่างชัดเจน หากเจ้าต้องการรสชาติที่หอมหวาน เจ้าต้องจ่ายด้วยบางสิ่ง ข้าแน่ใจว่าตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตามข้าไม่ต้องการฉกฉวยผลประโยชน์จากคนที่กำลังลำบาก”

หลังกล่าวจบประโยค เทพธิดากระต่ายขาวเห็นวิญญาณดวงหนึ่งลอยเข้ามาหา

“นี่คือวิญญาณอาภรณ์ เปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยและมาคุยกัน” เสียงของฟางหยวนดังขึ้นอีกครั้ง

เทพธิดากระต่ายขาวเปลี่ยนชุดอย่างเชื่อฟัง

เมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางก็เห็นฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางให้กับนาง “แม้ข้าจะเข้าร่วมตระกูลวู แต่ข้าก็ยังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เจ้าสามารถพิจารณาว่าวิญญาณดวงนี้เป็นของขวัญจากสหายผู้บ่มเพาะสันโดษเช่นเดียวกัน’

หัวใจของเทพธิดากระต่ายขาวสั่นไหว นางรู้สึกประทับใจมาก

ในครั้งเดียวนางเริ่มสะอื้น น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของนางและทำให้การมองเห็นของนางกลายเป็นพร่ามัว

แต่ท่ามกลางความพร่ามัว นางสามารถสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มของฟางหยวน มันทั้งอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนแสงแดดยามเช้าที่ส่องลงมาที่หัวใจของนาง มันทำให้นางรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

“อย่างไรก็ตามข้าเข้าใจความตั้งใจของเจ้าและวูอัน ดังนั้นนำสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย” ฟางหยวนกล่าวขณะส่งตุ้มหูหยกคู่หนึ่งให้นาง

ด้วยความสามารถของเขา การสร้างสิ่งนี้ต้องใช้เพียงหนึ่งความคิดเท่านั้น

เทพธิดากระต่ายขาวรับตุ้มหูหยกไว้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าคือผู้หญิงของข้า” ฟางหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เทพธิดากระต่ายขาวพยักหน้าเล็กน้อย

“ทำธุรกิจของเจ้าต่อไป แต่ข้าจะไม่รับช่วงต่อ หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น ข้าสามารถช่วยได้อย่างลับๆ แต่ข้าจะไม่ออกหน้าอย่างเป็นทางการ”

“นี่เป็นการละเมิดผลประโยชน์ของกองกำลังฝ่ายธรรมะอื่นๆ ท้ายที่สุดค่ายกลวิญญาณทั้งหมดก็ถูกสร้างขึ้นจากความพยายามของทุกคน”

“ข้าพึ่งมาถึงภาคใต้ ข้ายังไม่ได้สร้างตัว ข้าไม่สามารถรับผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆเหล่านี้”

“เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่?”

“ข้าเข้าใจ” เทพธิดากระต่ายขาวตอบด้วยเสียงสั่นเทา

“กลับไปเถอะ ถ่ายทอดข้อความของข้ากับวูอันและคนรอบข้างเขา กำไรส่วนของข้าจะตกเป็นของเจ้า” ฟางหยวนส่งนางออกไป

เทพธิดากระต่ายขาวต้องการมองฟางหยวนอีกครั้ง แต่นางไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้

นางก้มศีรษะลงขณะเดินจากไป

สถานการณ์ดีกว่าที่นางคิดไว้มาก

สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ชื่อของวูอี้ไห่ถูกจารึกไว้ในส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณของนางเรียบร้อยแล้ว

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หลังจากได้ยินเรื่องเล่าของเทพธิดากระต่ายขาว หน้าผากของวูอันก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เขามองไปยังที่พักของฟางหยวน ความชื่นชมและความเคารพสามารถมองเห็นได้จากสายตาของเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท