เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1223

ตอนที่ 1223

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1223 เข้าสู่ค่ายกลวิญญาณ

แปลโดย iPAT

ภาคใต้

ภูเขาอี้เทียน

“ท่านวูอี้ไห่เชิญทางนี้” วูอันโค้งคำนับและนำทาง

ฟางหยวนพยักหน้าตอบรับอยู่ด้านหน้าค่ายกลวิญญาณ

“เชิญท่านก่อน” วูอันหลีกทางให้ฟางหยวนด้วยรอยยิ้ม

ตอนนี้ตัวตนของวูอี้ไห่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในโลกของผู้อมตะภาคใต้

ฟางหยวนมายังค่ายกลวิญญาณและกลายเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบอาณาจักรแห่งความฝันของตระกูลวู วูอันเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงของฟางหยวน

วูอันบินออกมาจากค่ายกลวิญญาณและเดินทางเป็นเวลาสองวันสองคืนเพื่อออกไปรับฟางหยวนด้วยตนเอง

เมื่อเขาพบฟางหยวน เขาก้มศีรษะลงทันที ไม่ว่าฟางหยวนจะถามสิ่งใด เขาก็จะตอบคำถามอย่างสุดความสามารถ หากฟางหวนต้องการเตะก้นเขา เขาจะย้ายก้นไปที่ขาของฟางหยวนเพื่อที่ฟางหยวนจะได้เตะก้นของเขาได้สะดวกสบายมากขึ้น

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างดี

ฟางหยวนเดินเข้าไปในค่ายกลวิญญาณโดยมีวูอันติดตามอยู่ด้านหลัง

ผู้อมตะหลายคนลอบมองฉากนี้อย่างลับๆ

“วูอี้ไห่มายังภาคใต้เมื่อไม่นานมานี้ เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะของตระกูลวูเพื่อกำจัดสถานะผู้อมตะของทะเลตะวันออก ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะของภาคใต้ที่แท้จริงไปแล้ว” ปาฉวนฟงกล่าวกับผู้อมตะที่อยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง

คนที่อยู่ด้านข้างไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดของภาคใต้เฒ่าพฤกษาปาเต๋อ

ปาเต๋อกล่าว “คอยดูกันต่อไป”

หลังกล่าวจบคำ ปาเต๋อหันหลังและจากไปทันที

เขาแสดงออกราวกับการปรากฏตัวของวูอี้ไห่ไม่มีความสำคัญกับเขา

ปาฉวนฟงรู้สึกผิดหวัง

เขาต้องการเห็นการตอบสนองจากปาเต๋อ วูอี้ไห่มาที่นี่แต่เขาเป็นคนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโลกของผู้อมตะภาคใต้หรือในค่ายกลวิญญาณ เขาก็เป็นคนใหม่

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลวูเหลือผู้อมตะระดับแปดเพียงคนเดียว นั่นทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลวูลดลงอย่างมาก หลายกองกำลังกำลังรอเวลาที่จะโจมตีพวกเขาโดยเฉพาะตระกูลปา

ในอดีตตระกูลวูมีความแข็งแกร่ง ปาฉวนฟงไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เมื่อวูตู๋ซิ่วเสียชีวิตไปแล้วขณะที่วูอี้ไห่เป็นเพียงคนใหม่ ดังนั้นปาฉวนฟงจึงต้องการกำหราบวูอี้ไห่เพื่อระบายความหงุดหงิด

น่าเสียดายที่ปาเต๋อไม่ตอบสนองความต้องการของเขา

ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความสามารถที่แท้จริงของวูอี้ไห่

ปาเต๋อเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ หากวูอี้ไห่ไร้เดียงสาหรือมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้ตระกูลปาเป็นผู้ปกครองและมีอำนาจสูงสุดในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

ในค่ายกลวิญญาณมีพื้นที่กว้างใหญ่ สิบสามกองกำลังฝ่ายธรรมะกระจายตัวกันไปปกป้องพื้นที่ต่างๆ พื้นที่ของตระกูลวูมีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง กองกำลังเดียวที่สามารถเทียบเคียงตระกูลวูมีเพียงตระกูลปา กระทั่งตระกูลไท่และตระกูลเฉิงก็ยังด้อยกว่า

ฟางหยวนได้รับข้อมูลจากตระกูลวูและมีวูอันคอยนำทาง ดังนั้นเขาจึงไม่หลงทางไปที่อื่น

ในไม่ช้าพวกเขาก็พบกับผู้อมตะของตระกูลวูอีกคน วูเหลียว

คนผู้นี้มีไหล่กว้าง เอวบาง มีเคราเหมือนเข็มอยู่ใต้คาง และดูกล้าหาญ เขาทักทายฟางหยวนโดยไม่มีท่าทีอ่อนน้อม “ท่านวูอี้ไห่ โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ไม่ได้ออกไปรับท่าน ข้าได้รับมอบหมายให้อยู่ที่นี่”

น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง

ฟางหยวนรู้สึกขบขัน วูอันกับวูเหลียวเป็นผู้อมตะระดับหกทั้งคู่ แต่ทัศนคติของพวกเขากลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

เดิมทีมีผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลวูอยู่ที่นี่ แต่เมื่อฟางหยวนเข้ามา ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นั้นก็ถูกย้ายออกไป

ตระกูลวูเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ แต่พวกเขามีผู้อมตะอยู่อย่างจำกัด ผู้อมตะทุกคนมีความสำคัญและต้องใช้อย่างชาญฉลาด

“เรามาแก้ปัญหาหลักกันก่อน ข้าแน่ใจว่าเจ้าได้ยินคำสั่งจากตระกูลของเราแล้ว นำข้าไปปรับแต่งวิญญาณอมตะทั้งสองของข้า” ฟางหยวนกล่าว

นี่เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด

วูเหลียวเห็นวูอี้ไห่เริ่มทำงานทันที นั่นทำให้เขาเริ่มยอมรับฟางหยวน

วูอันรีบวิ่งไปเข้าไปหาฟางหยวนและเผยรอยยิ้มเย้ยหยันให้กับวูเหลียว “นายท่าน เชิญทางนี้ ข้าจะนำทางท่านไปเดี๋ยวนี้”

ครู่ต่อมาฟางหยวนประสบความสำเร็จในการปรับแต่งวิญญาณอมตะทั้งสองดวง

การปรับแต่งวิญญาณอมตะของผู้อื่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความร่วมมือของตระกูลวู มันจึงแตกต่างออกไป

ในที่สุดฟางหยวนก็สามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เขารู้ว่าในคลังสมบัติของตระกูลวูมีวิญญาณอมตะที่ดีกว่าและเหมาะสมกับเขามากกว่า แต่เขายังเลือกวิญญาณอมตะสองดวงนี้

เขาทำเช่นนี้เพราะขามีเป้าหมาย

ด้วยวิญญาณอมตะสองดวงนี้ ฟางหยวนจะสามารถบ่มเพาะอยู่ในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

จากนี้ไปกระทั่งตระกูลวูจะต้องการย้ายฟางหยวนออกไป พวกเขาก็ต้องพิจารณาถึงประเด็นนี้!

ค่ายกลวิญญาณถูกสร้างขึ้นแล้ว วิญญาณอมตะทั้งหมดเชื่อมต่อถึงกัน การเปลี่ยนวิญญาณอมตะแม้แต่ดวงเดียวจะส่งผลกระทบต่อค่ายกลวิญญาณทั้งหมด เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อขั้วอำนาจต่างๆอย่างรุนแรง

“นายท่าน ข้าเตรียมอาหารเย็นไว้ให้ท่านแล้ว” หลังจากฟางหยวนปรับแต่งวิญญาณอมตะ วูอันเร่งเข้ามาปรนนิบัติเขา

ฟางหยวนไม่ตอบแต่ก่นเสียงฮึดฮัด

วูอันรู้สึกราวกับได้ยินเสียงดนตรีจากสวรรค์ เขารีบนำทาง “นายท่าน เชิญทางนี้”

วูเหลียวก่นเสียงเย็นและแสดงออกด้วยสายตารังเกียจ

แต่ฟางหยวนกลับเปิดปากกล่าว “วูเหลียว ตามเรามา ข้ามีบางอย่างจะถามพวกเจ้าทั้งสอง”

“ทราบแล้ว” วูเหลียวตอบกลับ

งานเลี้ยงจัดได้ค่อนข้างดี มันเต็มไปด้วยอาหารและสุราเลิศรส

ฟางหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักขณะที่วูอันและวูเหลียวนั่งทางซ้ายและขวาตามลำดับ

ฟางหยวนไม่สามารถฟังความข้างเดียวจากวูอัน มิฉะนั้นข้อมูลบางอย่างอาจไม่ตรงกันความเป็นจริง ดังนั้นระหว่างงานเลี้ยง เขาจึงถามคำถามมากมายกับคนทั้งสอง

วูอันและวูเหลียวตอบทุกคำถาม

หลังจากงานเลี้ยงจบลง ฟางหยวนได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้

ฟางหยวนวางแผนที่จะบ่มเพาะอยู่ที่นี่อย่างลับๆไปอีกนาน

เขาต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

ฝ่ายธรรมะกับฝ่ายปีศาจแตกต่างกัน ฝ่ายปีศาจสามารถทำทุกสิ่งได้อย่างอิสระขณะที่ฝ่ายธรรมะต้องทำตามกฎ แล้วกฎของฝ่ายธรรมะคือสิ่งใด? มันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากประเพณีที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน แต่ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์

ฟางหยวนเข้าใจตั้งแต่แรกว่าต้องจัดการเรื่องต่างๆโดยใช้วิธีของฝ่ายธรรมะ หากเขาใช้วิธีของฝ่ายปีศาจ ศัตรูของเขาจะหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่ตระกูลของเขาจะผลักเขาออกไป กระทั่งวูหยงก็ยังต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของตระกูลเป็นหลักและย้ายฟางหยวนไปอยู่ที่อื่น

ตระกูลวูเคยเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง แต่ตระกูลปา ตระกูลไท่ และตระกูลเฉิงไม่เต็มใจที่จะอยู่ภายใต้ตระกูลวู สำหรับตระกูลเฉียว พวกเขาป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์ของตระกูลวูมาตลอด

แต่หลังจากการเสียชีวิตของวูตู๋ซิ่ว สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ตระกูลปากำลังตื่นเต้นและพร้อมที่จะโจมตีตระกูลวูโดยเฉพาะเฒ่าพฤกษาปาเต๋ิอ

ฟางหยวนได้เรียนรู้ว่าตระกูลปาเป็นคู๋แข่งหลักของพวกเขา

สำหรับตระกูลเฉียว

ฟางหยวนรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง

เขามาที่นี่และทำผิดข้อตกลงกับตระกูลเฉียว สำหรับทัศนคติของตระกูลเฉียวจะเป็นอย่างไร พวกเขาจะให้การสนับสนุนฟางหยวนต่อหรือไม่ เขายังไม่แน่ใจ

หลังงานเลี้ยงจบลง วูอันต้องการกล่าวบางสิ่งกับฟางหยวน แต่เขายังลังเล

วูเหลียวจากไปอย่างเงียบๆ เขามีความประทับใจที่ดีขึ้นต่อฟางหยวน คำถามที่ฟางหยวนถามระหว่างงานเลี้ยงเป็นคำถามที่ตรงประเด็นทั้งหมด วูเหลียวมีปัญหาในการตอบบางคำถาม แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกมั่นใจในความสามารถของฟางหยวน

ความแข็งแกร่งเป็นรากฐานของฝ่ายธรรมะ แต่มันยังไม่เพียงพอ พวกเขาจำเป็นต้องมีทักษะทางการเมืองอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหลังจากงานเลี้ยงผ่านไปหลายวัน ฟางหยวนยังไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะและเก็บตัวฝึกตนอยู่ในห้องของเขาเท่านั้น

“วูอี้ไห่เป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษจริงๆงั้นหรือ?” การกระทำของฟางหยวนคล้ายกับผู้บ่มเพาะสันโดษอย่างมาก

วูเหลียวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาต้องการเจ้านายที่สามารถควบคุมสถานการณ์ ไม่ใช่เจ้านายที่เก็บตัวฝึกตนโดยไม่สนใจโลกภายนอก

วูอันรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

หลายวันที่ผ่านมา เขาหว่านล้อมฟางหยวนด้วยเหตุผลมากมาย แต่ฟางหวนปฏิเสธทั้งหมดและยังบอกว่าห้ามผู้ใดรบกวนหากไม่มีเรื่องสำคัญ

วูอันไม่สามารถบอกได้ว่าฟางหยวนกำลังคิดสิ่งใดอยู่ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาก็ยิ่งวิตกกังวลมากเท่านั้น

นอกจากวูอันยังมีผู้อมตะตระกูลอื่นที่รู้สึกกังวลเช่นกัน

เหตุผลง่ายมาก

มันเกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาส!

ก่อนหน้านี้พวกเขาทำธุรกิจนี้ได้เพราะมีตระกูลวูเป็นผู้นำ

แต่เมื่อวูอี้ไห่ถูกย้ายมาแทนผู้อมตะระดับเจ็ดคนเดิมของตระกูลวู ธุรกิจซื้อขายโอกาสจึงต้องหยุดลงเพราะวูอี้ไห่เป็นเจ้าของวิญญาณอมตะที่สำคัญทั้งสองดวง

วูอันต้องการกอบกู้ธุรกิจซื้อขายโอกาสเพราะเขาได้รับประโยชน์มากมายจากเรื่องนี้ ในความเป็นจริงนี่เป็นแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่และทำให้เขากระตือรือร้นที่จะปรนนิบัติฟางหยวน

เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับวูอันกำลังพัฒนาไปได้ด้วยดี แต่เมื่อฟางหยวนทำตัวผิดปกติ วูอันจึงรู้สึกแย่มาก

ธุรกิจซื้อขายโอกาสไม่สามารถกล่าวได้อย่างเปิดเผย หลังจากทั้งหมดนี่คือเรื่องทุจริต

วูอันรู้สึกไม่สบายใจมาก ดังนั้นเขาจึงกัดฟันและตัดสินใจเสี่ยง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท