เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1222

ตอนที่ 1222

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1222 ผู้นำรุ่นต่อไป

แปลโดย iPAT

วิญญาณอมตะระดับเก้า วิญญาณแห่งความรัก!

จ้าวเหลียนหยุนไม่รู้จักวิญญาณดวงนี้ แต่นั่นไม่ได้หยุดนางจากการสังเกตเห็นเอกลักษณ์พิเศษของมัน

นางรู้สึกราวกับวิญญาณดวงนี้เป็นจุดศูนย์กลางของทุกสิ่ง มันเหมือนเปลวไฟหลากหลายสีสันที่ร้อนแรงที่สุดในจักรวาล ความเป็นจริงทั้งหมดจะถูกพลิกกลับ ทุกอย่างในโลกใบนี้จะหมุนรอบตัวมัน

‘นี่คือ…ปาฏิหาร์ย์?’ ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของจ้าวเหลียนหยุน

จากนั้นนางก็ล้มลงหมดสติอยู่บนพื้น

นิกายคฤหาสน์วิญญาณตกลงสู่ความปั่นป่วนทันที

วิญญาณแห่งความรักเป็นวิญญาณอมตะที่เป็นสัญลักษณ์ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

มันบินออกมาจากที่อยู่ของมันและมาหาจ้าวเหลียนหยุน สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อจ้าวเหลียนหยุนหมดสติ มันไม่ได้บินหนีไปและยังเกาะอยู่บนไหล่ของนาง

ในคืนนั้นนิกายคฤหาสน์วิญญาณต้องจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง สอง และสามของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ รวมถึงฟงจิวเก้อ เทพธิดาไป่ชิง ซูเฮา หลี่จุนอิง และตัวตนระดับสูงทั้งหมดของนิกายมารวมตัวกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปี

“ทุกคนย่อมรู้กฎของนิกายเป็นอย่างดี ตอนนี้วิญญาณแห่งความรักยอมรับจ้าวเหลียนหยุน ดังนั้นนางก็คือผู้นำนิกายรุ่นต่อไป!” ซูเฮากล่าวโดยไม่สามารถปกปิดความสุขในน้ำเสียง

ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้แนะนำให้จ้าวเหลียนหยุนกระทำการดังกล่าวเพื่อทำลายชื่อเสียงของฟงจินฮวงและสร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับตัวจ้าวเหลียนหยุนเอง

เขาไม่คิดว่าจ้าวเหลียนหยุนจะดื้อรั้นคุกเข่าอยู่ที่นั่นอย่างไม่ยอมแพ้

ซูเฮาไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

เขาเลี้ยงดูจ้าวเหลียนหยุนและใช้นางเป็นตัวหมากเพื่อจัดการฟงจินฮวง แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการโจมตีบิดาของนาง ฟงจิวเก้อ

ทุกองค์กรล้วนมีความขัดแย้งภายใน

องค์กรขนาดใหญ่มักจะแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย

ในปัจจุบันฝ่ายของฟงจิวเก้อมีอำนาจสูงสุดในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ซูเฮา หลี่จุนอิง และคนอื่นๆถูกกำหราบโดยฝ่ายของฟงจิวเก้อและไม่สามารถเงยศีรษะขึ้น โชคดีที่ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและสองมีความยุติธรรมะ พวกเขาไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดแต่มองผลประโยชน์ของนิกายเป็นสำคัญ สิ่งนี้ทำให้ซูเฮาและหลี่จุนอิงยังมีสถานะบางอย่างแม้จะด้อยกว่าฝ่ายของฟงจิวเก้อก็ตาม

จ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าขอร้องฟงจินฮวง เรื่องนี้เป็นเพียงฉากหน้า แต่แท้จริงแล้วมันเป็นความขัดแย้งทางการเมืองภายในของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

จ้าวเหลียนหยุนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ แต่หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ นางจึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะแข่งขันกับฟงจินฮวงเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไป

ซูเฮาทำใช้จ้าวเหลียนหยุนเป็นเครื่องมือทางการเมืองของเขา

ก่อนหน้านี้ซูเฮาคิดว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้จ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าต่อไป ในความคิดของเขา ผลงานทางการเมืองที่นางทำเพียงพอแล้ว หากจ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าต่อไป นางจะดูเหมือนคนงี่เงา เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ต่อนาง

แต่หลายชั่วโมงก่อนที่ซูเฮาจะลงมือ เขากลับได้ยินว่าวิญญาณแห่งความรักบินเข้ามาหาจ้าวเหลียนหยุน เขาตกใจมาก

หลังจากตะลึง เขารู้สึกมีความสุข

เขารู้สึกอย่างแรงกล้าว่านี่คือโอกาส ของขวัญชิันนี้มีค่ามากเกินไป เขาแทบหมดสติเพราะความสุขอันเหลือล้น

นี่เป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้จ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ!

ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถตอบโต้ฝ่ายของฟงจิวเก้อ นี่เป็นโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับซูเฮา ตราบเท่าที่เขาได้รับโอกาสนี้ อนาคตของเขาในนิกายจะเปลี่ยนแปลงไปมาก

ซูเฮาไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้

ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่ยืนหยัดและสนับสนุนให้จ้าวเหลียนหยุนเป็นผู้นำนิกายรุ่นต่อไป

เขากล่าว “กฎของนิกายระบุไว้อย่างชัดเจน ในการเลือกผู้นำ อันดับแรกพวกเราต้องฟังเสียงสมาชิกส่วนใหญ่ ต่อมาพวกเราจะพิจารณาเกี่ยวกับพรสวรรค์ สุดท้ายพวกเราจะทำตามมติของตัวตนระดับสูง”

ความหมายก็คือไม่ว่าสมาชิกนิกายจะคิดเห็นอย่างไร ไม่ว่าผู้เข้าแข่งขันจะมีพรสวรรค์หรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อมตะระดับสูง

ซูเฮายังกล่าวต่อ “ตอนนี้ในสายตาของสมาชิกนิกาย จ้าวเหลียนหยุนอาจเป็นปีศาจต่างโลก แต่นางมีความรักและภักดีต่อคนรักของนาง นางคุกเข่าต่อหน้าคู่ต่อสู้ของนาง เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี ในแง่ของพรสวรรค์ มันไม่สำคัญตราบเท่าที่พวกเราเต็มใจ เราสามารถยกระดับพรสวรรค์ของนางได้อย่างง่ายดาย ข้าเชื่อว่าทุกท่านเคยได้ยินประสบการณ์ของนางในภาคเหนือมาแล้ว นางเป็นชนชั้นสูงที่มีความสามารถอันโดดเด่น และสุดท้ายในแง่ของความเห็นชอบของทุกคนที่นี่ เริ่มจากข้า ข้ายอมรับจ้าวเหลียนหยุน ข้าสนับสนุนให้นางเป็นผู้นำนิกายรุ่นต่อไป!”

“ข้าเห็นด้วย” หลี่จุนอิงเร่งสนับสนุน

นางเป็นภรรยาของซูเฮา ทั้งสองย่อมมีความคิดเห็นเหมือนกันในเรื่องนี้

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

แต่ฉากต่อไปกลับสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน

“ข้าเห็นด้วยกับซูเฮา”

“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของซูเฮา”

“กระทั่งวิญญาณแห่งความรักยังยอมรับจ้าวเหลียนหยุน แล้วข้าจะกล่าวสิ่งใดได้อีก”

ในครั้งเดียวผู้อมตะระดับหกห้าคนเห็นด้วยกับคำกล่าวของซูเฮา

เทพธิดาไป่ชิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป

นางรู้สึกว่า ‘ดูเหมือนทุกคนที่นี่จะเห็นด้วยกับซูเฮา พวกเขาคิดว่าตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณควรเป็นของจ้าวเหลียนหยุน’

เทพธิดาไป่ชิงเป็นผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ แต่มากกว่านั้นนางเป็นมารดาของฟงจินฮวง

ตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมีความพิเศษมาก

นางจะกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกาย พวกเขาจะลงทุนกับนางและทำให้นางเติบโตเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

นิกายคฤหาสน์วิญญาณไม่เพียงต้องการผู้เชี่ยวชาญรุ่นเก่าแต่พวกเขายังต้องการผู้อมตะรุ่นใหม่เพื่อทำให้ระบบสามารถดำเนินต่อไป

เทพธิดาไป่ชิงเคยเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณมาก่อน นางมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้ฟงจิวเก้อและเทพธิดาไป่ชิงจะสามารถดูแลฟงจินฮวงและทำให้นางก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะได้อย่างง่ายดาย แต่การสนับสนุนชนิดนี้จะเปรียบเทียบกับการสนับสนุนจากนิกายได้อย่างไร

เทพธิดาไป่ชิงไม่ต้องการเห็นบุตรสาวของนางสูญเสียโอกาสสำคัญ

แต่นางก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ‘ตอนนี้สถานการณ์ของฮวงเอ๋อเสียเปรียบมาก!’

ตามกฎของนิกาย เมื่อวิญญาณแห่งความรักยอมรับบางคน ไม่ว่าพวกเขาจะไม่ชอบหรือคนผู้นั้นจะมีพรสวรรค์ที่เลวร้ายเพียงใด พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้นำนิกายคนใหม่อย่างไม่มีข้อแม้

เนื่องจากกฎข้อนี้ หลังจากซูเฮากล่าวจบ ผู้อมตะหลายคนจึงออกปากอนุมัติและสนับสนุน

ในความเป็นจริงอำนาจทางการเมืองของซูเฮาไม่มั่นคง โดยปกติเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนเช่นนี้

‘แม้กฎของนิกายจะเป็นเช่นนั้น แต่มันยังไม่ใช่สถานการณ์ที่สิ้นหวังเพราะในประวัติศาสตร์ของนิกาย เราเคยมีผู้นำที่ได้รับการคัดเลือกจากกฎข้อนี้แต่สุดท้ายนางกลับ…’

เทพธิดาไป่ชิงคิดถึงเรื่องนี้และกำลังจะกล่าว

แต่ในจังหวะนี้ฟงจิวเก้อกลับกดมือนางเบาๆ

“อย่ากระวนกระวาย”

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกล่าวถึงโม่เหยา เวลานั้นนางเป็นเพียงทาสมนุษย์หมึก แต่นางได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรักและได้รับการสนับสนุนจากทุกคนและยังสามารถปฏิรูปโป้ชิง แต่สุดท้ายนางกลับทรยศต่อนิกายและท้าทายวังสวรรค์”

ฟงจิวเก้อถ่อยทอดเสียง

เทพธิดาไป่ชิงหยักหน้าและตอบกลับอย่างลับๆ “ถูกต้อง นี่เป็นความหวังเดียวของฮวงเอ๋อ ตราบเท่าที่เราใช้จุดนี้โต้แย้ง ด้วยความแข็งแกร่งทางการเมืองของพวกเรา เราอาจสามารถเอาชนะกฎข้อนี้ ท้ายที่สุดกฎก็ถูกสร้างขึ้นโดยผู้คน กฎนี้ไม่สมเหตุสมผล!”

แต่ฟงจิวเก้อปฏิเสธความคิดของเทพธิดาไป่ชิง “ซูเฮาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เหตุใดเขาจึงไม่พูดถึงกฎของนิกายในประโยคก่อนหน้านี้ เขากล่าวถึงเงื่อนไขสามข้อแรกเท่านั้นและดูเหมือนจะลืมกฎข้อนี้ที่ทำให้เขาได้เปรียบมากที่สุดไป”

เทพธิดาไป่ชิงตะลึง

ฟงจิวเก้อกล่าวต่อ “นี่คือแผนการของเขา มันเป็นกับดักที่ล่อลวงให้เจ้ากล่าวถึงเรื่องนี้ เจ้าจะตกหลุมพรางของเขา แม้โป้ชิงและโม่เหยาจะก่อเหตุเหล่านั้น กฎของนิกายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลังการต่อสู้ที่ภูเขาอี้เทียน นิกายของเราถูกกดันอย่างหนัก แต่กฎของเราก็ยังไม่เปลี่ยน นี่เป็นปัญหาฝังลึกเกินกว่าที่ตาเห็น หากเจ้าต้องการใช้อำนาจทางการเมืองเพื่อท้าทายมัน เราจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และสูญเสียอย่างน่าสังเวช ขณะที่ซูเฮาจะได้รับทุกสิ่งที่เขาต้องการ”

ร่างกายของเทพธิดาไป่ชิงปกคลุมไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบเมื่อได้ยินเรื่องนี้

“ข้าใจร้อนเกินไป” เทพธิดาไป่ชิงตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตน

“เพราะมันเกี่ยวข้องกับฮวงเอ๋อ ข้าร้อนใจเนื่องจากความรัก ไม่ มีเหตุผลอื่น ข้ากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ด นี่ทำให้ข้ามั่นใจในตนเองมากเกินไป เพราะข้าเป็นฝ่ายธรรมะที่พลังการต่อสู้ไม่ใช่ทุกสิ่ง หากสามีไม่เตือนข้า ข้าคงทำเรื่องผิดพลาดร้ายแรงไปแล้ว”

เทพธิดาไป่ชิงมองฟงจิวเก้อโดยไม่รู้ตัว

นางรู้สึกราวกับได้รับการปกป้องจากสามี แม้ฟงจิวเก้อจะมาจากเส้นทางสายปีศาจ แต่หลังจากหลายปีเขาสามารถแสดงทักษะของการอยู่ในนิกายได้อย่างไร้ที่ติ นิกายของฝ่ายธรรมะไม่ได้ต้องการเพียงพลังการต่อสู้แต่ความสามารถทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก มิฉะนั้นฝ่ายของฟงจิวเก้อจะมีวันเวลาที่สดใสเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร

“เนื่องจากท่านสามารถเปิดโปงกับดักของซูเฮา ข้าก็จะมอบความไว้วางใจให้กับท่าน” เทพธิดาไป่ชิงถ่ายทอดเสียงอย่างลับๆด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก

ฟงจิวเก้อเผยรอยยิ้มขมขื่น “เรื่องนี้ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะการแทรกแซงไม่มีประโยชน์”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เทพธิดาไป่ชิงตะลึง

ฟงจิวเก้อไม่ได้กล่าวสิ่งใดแต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

‘พวกเขาไม่ตกลงหลุมพราง…’ ซูเฮากำลังรอให้บางคนกระโดดลงไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่มีผู้ใดกล่าวคัดค้าน กระทั่งฟงจิวเก้อยังนิ่งเงียบ นี่ทำให้ซูเฮารู้สึกเสียดายมาก

เขารวบรวมความคิดและกลับมามั่นใจ ‘ลืมมันไปซะ! เมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน เรื่องก็ถูกตัดสินแล้ว’

แต่ในจังหวะนี้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกลับเปิดปากกล่าว “ข้าเข้าใจความคิดของพวกเจ้า แต่จ้าวเหลียนหยุนมีภูมิหลังที่พิเศษ นางเป็นปีศาจต่างโลก ข้าจะรายงานผลการประชุมให้กับตัวตนระดับสูงและให้พวกเขาตัดสินใจ”

“อันใด!?” ซูเฮาตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท