เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1226

ตอนที่ 1226

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1226 กฎของฝ่ายธรรมะ

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นบนเตียง

ที่นี่คือค่ายกลวิญญาณที่กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ร่วมกันสร้างขึ้น มันปลอดภัยมาก แต่ฟางหยวนยังต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนที่เขาจะลงมือกระทำการใดๆ

ตั้งแต่กำเนิดใหม่ ฟางหยวนฝึกฝนตนเองโดยไม่ยอมเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

การนอนครั้งนี้ก็เช่นกัน

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองและได้รับทรัพยากบนเส้นทางแห่งความฝันเพื่อหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันจำนวนมาก

‘เมื่อข้าหลอมรวมพวกมัน ข้าจะได้รับวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันอีกห้าหรือหกดวง’ ฟางหยวนประเมิน

พัฒนาการบนเส้นทางแห่งความฝันของเขาชัดเจนมาก

ในอดีตการเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันแต่ละครั้ง เขาจะได้รับทรัพยากรเพียงเล็กน้อยและสามารถหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันเพียงหนึ่งหรือสองดวง แต่ตอนนี้กำไรของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าองค์ประกอบสำคัญคือจิตวิญญาณของเขา

ทุกครั้งที่สำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน จิตวิญญาณจะอ่อนแอลง

ดังนั้นยิ่งจิตวิญญาณแข็งแกร่งเท่าใด พวกเขาก็สามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันได้นานขึ้นเท่านั้น

สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือความเข้มแข็งของจิตวิญญาณเป็นเพียงเงื่อนไขพื้นฐานของการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คนผู้หนึ่งประสบความสำเร็จในการคลี่คลายความฝัน

บางคนกล่าวว่า อาณาจักรแห่งความฝันเหมือนทะเลทราย ยิ่งจิตวิญญาณของนักสำรวจแข็งแกร่งเท่าใด พวกเขาก็สามารถอดทนต่อความหิวโหยและอยู่ในทะเลทรายได้นานเท่านั้น

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถเดินออกจากทะเลทรายได้

อย่างไรก็ตามเส้นทางแห่งความฝันพึ่งเริ่มต้น กองกำลังต่างๆพึ่งเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับมัน ผู้อมตะมากมายพบกับความทุกข์ทรมานจากการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันโดยที่ไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ

แม้ในปัจจุบันจะมีวิญญาณป่าระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะป่าบนเส้นทางแห่งความฝันบางดวง มันก็ยังห่างไกลจากการเรียกว่าเส้นทางแห่งการบ่มเพาะที่แท้จริง

หลังจากทั้งหมดการสร้างเส้นทางแห่งการบ่มเพาะไม่ใช่เรื่องง่าย

ตัวอย่างเช่นมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีมากมายถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ยุคแรกกำเนิด เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์ยังสามารถหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีชนิดใหม่ขึ้นมาได้ด้วยตัวพวกเขาเอง อย่างไรก็ตามเส้นทางแห่งวารีพึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อซุ้ยหนี่ก่อตั้งนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ดังนั้นผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคจึงไม่สามารถทำสิ่งใดเกี่ยวกับเส้นทางแห่งความฝัน แม้พวกเขาจะรู้ว่ามันล้ำค่า แต่พวกเขาก็ไม่มีวิธีรับประโยชน์จากมัน

ผู้อมตะหลายคนเสียชีวิตในอาณาจักรแห่งความฝัน

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งและเมื่อไม่นานมานี้ผู้อมตะหลายคนของภาคใต้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากความพยายามสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

แน่นอนว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้สังเกตเห็นความจริงและตัดสินใจชะลอการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันออกไป

อย่างไรก็ตามผู้อมตะหลายคนมีความคิดที่แตกต่าง ดังนั้นธุรกิจซื้อขายโอกาสจึงถือกำเนิดขึ้น

หากผู้อมตะฝ่ายธรรมะมีวิธีสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาจะมอบผลประโยชน์มหาศาลนี้ให้กับปีศาจอมตะหรือผู้บ่มเพาะสันโดษได้อย่างไร?

เมื่อนึกถึงธุรกิจซื้อขายโอกาส ฟางหยวนลุกขึ้นจากเตียง

ธุรกิจนี้ต้องมีอยู่แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมมากเกินไป

ธุรกิจซื้อขายโอกาสมีประโยชน์มากมาย

ในแง่หนึ่งมันสามารถสร้างกำไรมหาศาล ในทางกลับกันมันสามารถลดความขัดแย้งของฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจรวมถึงผู้บ่มเพาะสันโดษ

หากฝ่ายธรรมะปกป้องอาณาจักรแห่งความฝันอย่างเข้มงวด ฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษของภาคใต้จะคิดอย่างไร?

“ฝ่ายธรรมะต้องได้รับผลประโยชน์มหาศาล แต่พวกเขาเก็บมันไว้เพื่อตนเองเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไปฝ่ายธรรมะจะแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่พวกเราอ่อนแอลง ต่อไปพวกเราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? สิ่งนี้คือสถานที่บ่มเพาะของเทพอมตะแห่งความฝัน ผู้ใดบ้างที่ไม่ต้องการเป็นเทพอมตะ แล้วเหตุใดพวกเราต้องปล่อยให้ฝ่ายธรรมะช่วงชิงมันไปโดยที่พวกเราไม่ทำสิ่งใดเลย?”

พวกเขาจะคิดเช่นนี้

และมันอันตรายมาก

กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้รู้ดีว่าหากฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษถูกบีบบังคับมากเกินไป พวกเขาจะร่วมมือกันบุกโจมตีภูเขาอี้เทียนและส่งผลให้เกิดการต่อสู้นองเลือดเช่นเดียวกับภาคเหนือ

ด้วยธุรกิจซื้อขายโอกาส สุดท้ายปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษจะตระหนักได้ว่าอาณาจักรแห่งความฝันอันตรายเกินไป ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้ มิฉะนั้นฝ่ายธรรมะจะสร้างธุรกิจซื้อขายโอกาสและปล่อยให้พวกเขาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันเพื่อสิ่งใด?

ธุรกิจซื้อขายโอกาสถูกคิดขึ้นโดยผู้อมตะระดับเจ็ดของตระกูลวู เขาฉลาดมาก โชคไม่ดีที่ฟางหยวนใช้อิทธิพลของพี่ชายเพื่อขับไล่ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้นี้ออกไป

ฟางหยวนต้องการความมั่นคง

ยิ่งมีเสถียรภาพมากเท่าใด มันก็ยิ่งดีต่อเขามากเท่านั้น

เขาต้องการสภาพแวดล้อมที่มั่นคงเพื่อสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

ดังนั้นเพื่อป้องกันการบุกโจมตีของปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษ ธุรกิจซื้อขายโอกาสจึงเป็นสิ่งจำเป็นและต้องดำเนินต่อไป

แต่ฟางหยวนไม่สามารถเข้าร่วม

เพราะไม่ใช่กองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดที่เข้าร่วมกับเรื่องนี้

นี่คือจุดสำคัญ

ของขวัญชิ้นนี้ไม่ถูกแจกจ่ายออกไปอย่างทั่วถึง

มีเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากธุรกิจนี้

แต่นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ผู้อมตะทั้งหมดถูกขับเคลื่อนโดยผลประโยชน์ คนที่มีส่วนร่วมน้อยกว่าจะได้รับประโยชน์มากกว่าได้อย่างไร?

ดังนั้นผลลัพธ์ก็คือหากธุรกิจนี้ถูกเปิดเผย ผู้มีส่วนร่วมจะถูกลงโทษ เพราะนี่คือกฎของฝ่ายธรรมะ

ฟางหยวนไม่สามารถก้าวเข้าสู่กับดักนี้

วูอันและคนอื่นๆพยายามผูกมัดเขา แต่ฟางหยวนรู้ว่าเมื่อสิ่งนี้ถูกเปิดเผย แม้เขาจะเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะที่สำคัญสองดวงและมีพี่ชายเป็นวูหยง แต่เขาก็จะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป

ฟางหยวนจะไม่เสี่ยงกับเรื่องนี้

เขาทุ่มเทความพยายามอย่างมากเพื่อแทรกซึมเข้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใด?

คำตอบก็คือเพื่ออาณาจักรแห่งความฝัน!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวูหยงไม่ได้ชื่นชอบน้องชายผู้นี้ ทัศนคติของเขาขึ้นอยู่กับสถานการณ์เท่านั้น

แต่ตราบเท่าที่ฟางหยวนไม่ได้กระทำความผิดและยังเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะอยู่ที่นี่ วูหยงจะไม่สามารถส่งเขาไปที่อื่น

ฟางหยวนเห็นรายละเอียดทั้งหมดอย่างชัดเจน

นี่ต้องขอบคุณประสบการณ์ชีวิตอันยาวนานในช่วงชีวิตแรกของเขา

แม้การบ่มเพาะของเขาจะไม่สูงนัก แต่เขาก็เคยอยู่ในกองกำลังฝ่ายธรรมะและเป็นทั้งปีศาจอมตะรวมถึงผู้บ่มเพาะสันโดษ เขามีประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถแฝงตัวอยู่ในกองกำลังฝ่ายธรรมะได้อย่างไม่มีปัญหาขณะที่มันไม่ได้หยุดยั้งการบ่มเพาะของวูอี้ไห่ เขาเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของที่นี่ เขารู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อเล่นเกมส์แห่งชีวิตนี้

ดังนั้นเขาจึงเลือกเทพธิดากระต่ายขาว

ในช่วงเวลาสำคัญเขาสามารถใช้นางเป็นแพะรับบาปโดยบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น

ผลประโยชน์จากธุรกิจซื้อขายโอกาสในส่วนของเขาก็มอบให้เทพธิดากระต่ายขาวเช่นกัน

เขาไม่สามารถเก็บผลประโยชน์ไว้กับตนเอง

ฝ่ายธรรมะไม่เหมือนฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษ บางผลประโยชน์พวกเขาไม่สามารถแตะต้อง

แต่หากฟางหยวนปฏิเสธจะเกิดสิ่งใดขึ้น? หากเทพธิดากระต่ายขาวและวูอันกลายเป็นศัตรูกับเขาจะเป็นอย่างไร?

นั่นยิ่งแย่กว่า

หากฟางหยวนทำเช่นนั้น แม้สถานการณ์ของเขาจะไม่วิกฤต แต่เขาจะกลายเป็นศัตรูกับกองกำลังทั้งหกที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ หากฟางหยวนไม่อนุญาต พวกเขาก็ไม่สามารถทำธุรกิจนี้ต่อไป แน่นอนว่าคนเหล่านี้จะรู้สึกไม่ดีต่อฟางหยวน

ฟางหยวนพึ่งเข้ามาในค่ายกลวิญญาณ เขาไม่สามารถสร้างความขุ่นเคืองต่อพันธมิตรของตระกูลวู

ขณะเดียวกันกองกำลังที่ไม่มีส่วนร่วมกับธุรกิจนี้เช่นตระกูลปา ตระกูลไท่ หรือตระกูลเฉิงก็กำลังหาโอกาสเล่นงานเขาอยู่

ในกรณีนี้การทำลายพันธมิตรของตนเองย่อมเป็นความคิดที่โง่เขลามาก

การตัดสินใจของฟางหยวนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ธุรกิจซื้อขายโอกาสยังดำเนินต่อไป พันธมิตรทางการเมืองของเขามีความสุข ขณะที่ตระกูลปาและกองกำลังอื่นๆไม่สามารถทำสิ่งใดกับฟางหยวน

ในอนาคตหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ฟางหยวนจะโยนความผิดให้กับเทพธิดากระต่ายขาวและบอกว่านางทำสิ่งเหล่านี้ลับหลังเขา เขาถูกซ่อนไว้ในที่มืดอย่างสมบูรณ์

โดยรวมแล้วมันจะทำให้ฟางหยวนมีเวลาล่าถอยหรือก้าวต่อไปข้างหน้า

สำหรับกำไรเหล่านั้น ฟางหยวนต้องละทิ้งพวกมันเท่านั้น

ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากร ทรัพยากรที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิของเขา กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่ก็ยังต้องอับอาย

‘ต่อไปข้าจะเริ่มสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันอย่างเป็นทางการ!’ ฟางหยวนเตรียมตัวเคลื่อนไหว

ในเวลาเดียวกันที่ภาคเหนือ

งานประลองทุ่งโลหิตกำลังจะสิ้นสุดลง

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวงไม่ได้ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบ แต่อิทธิพลของพวกเขาก็ส่งผลกระทบต่อการประลองเป็นอย่างมาก

ชูตู๋มีการแสดงออกที่น่าเกลียด

สถานการณ์ไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา

ห่าวเจิ้งได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนทั้งสองข้างของเขาถูกตัดออก บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานแห่งเต๋า ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษา

‘ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือมีรากฐานที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง’ ชูตู๋ลอบถอนหายใจ เขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเพราะไม่สามารถส่งผู้ใดออกไปอีก

ห่าวเจิ้งกล่าวด้วยความโกรธและไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ “ท่านชูตู๋ ข้ามีสหายที่แข็งแกร่งกว่าข้า แต่พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไร้ชื่อเสียง”

ชูตู๋มีความสุขและสงสัย “โอ้ เหตุใดเจ้าไม่แนะนำพวกเขาให้เร็วกว่านี้?”

ห่าวเจิ้งถ่ายทอดเสียงด้วยความระมัดระวัง “มีจุดที่น่ากังวลอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือพวกเขาบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งเลือด”

การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไป เขาปฏิเสธโดยไม่ลังเล “ไม่อย่างแน่นอน ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเข้าร่วมในการประลองครั้งนี้ นี่เป็นการประลองระหว่างกองกำลังฝ่ายธรรมะ แล้วผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดจะเข้าร่วมได้อย่างไร?”

หากพวกเขาเข้าร่วม ชูตู๋อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นกองกำลังฝ่ายปีศาจ

นั่นจะส่งผลให้การทำงานหนักทั้งหมดที่ผ่านมาของชูตู๋กลายเป็นไร้ความหมาย

นี่คือกฎของฝ่ายธรรมะ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท