เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1228

ตอนที่ 1228

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1228 ราชันมังกร

แปลโดย iPAT

ไป่หนิงปิงรู้ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหรือจิตวิญญาณสวรรค์เกิดจากเจตจำนงของผู้อมตะที่หลอมรวมกับปราณสวรรค์พิภพ พวกมันเป็นการดำรงอยู่ที่ลึกลับ

เนื่องจากจิตวิญญาณแผ่นดินหรือจิตวิญญาณสวรรค์มีต้นกำเนิดมาจากเจตจำนงของผู้อมตะ ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถโกหก

อย่างไรก็ตามแม้จิตวิญญาณแผ่นดินหรือจิตวิญญาณสวรรค์จะไม่สามารถโกหก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่สามารถกล่าวเรื่องไร้สาระ

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหรือจิตวิญญาณสวรรค์ได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง พวกมันสามารถกล่าวตามความเชื่อส่วนตัว นั่นไม่ถือว่าเป็นเรื่องโกหก

คำกล่าวของจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงยังไม่สามารถเชื่อถือได้

โป้ชิงคือโป้ชิงเพราะเขาเป็นคนประเภทที่หาได้ยากในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

ฉายาของโป้ชิงคือสิ่งใด?

เทพอมตะเทียมที่แยกห้าภูมิภาคด้วยดาบของเขา โชคดีของผู้คนทั้งโลกที่ความรักทำให้เขาเปลี่ยนไป

เขาได้รับการยอมรับจากผู้อมตะทั้งหมดว่าเป็นตัวตนอันดับหนึ่งภายใต้ผู้อมตะระดับเก้า

บุคคลเช่นนี้มีความโดดเด่นและส่องประกายเช่นเดียวกับดวงจันทร์ในยามค่ำคืน ในประวัติศาสตร์มีอัจฉริยะอยู่มากมาย แต่ตัวตนระดับโป้ชิงจะไม่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ได้อย่างไร?

ไป่หนิงปิงเต็มไปด้วยความสงสัย

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงไม่ได้ตอบคำถามไป่หนิงปิงแต่ถาม “นายน้อย ชีวิตของท่านตกอยู่ในอันตราย เราสามารถใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณเปลี่ยนเป็นมนุษย์มังกรเพื่อแก้ไขวิกฤตของท่าน”

“อย่างไรก็ตามวิธีนี้ค่อนข้างอันตราย”

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจกล่าว “ท่านต้องรู้ว่าวิธีนี้มีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก กระทั่งผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมยังต้องพิจารณาพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดที่อยู่ในทรัพยากรแต่ละชนิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน”

“วิธีการหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกรใช้ตัวผู้อมตะเป็นวัสดุในการหลอมรวม แต่มันจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลเพราะผู้อมตะแต่ละคนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกัน ดังนั้นวิธีการหลอมรวมนี้จึงมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างต่ำ”

“หากนายน้อยมีสุดยอดกายาสายฟ้าแห่งความรุ่งโรจน์หรือบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง นั่นจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จ แต่ท่านกลับมีสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืด”

“เห้อ…หากท่านใช้วิธีนี้ มีโอกาสน้อยมากที่จะรอดชีวิต ระหว่างการหลอมรวมวิญญาณ พลังงานแห่งเต๋าทั้งหมดของท่านจะได้รับผลกระทบ นายน้อย ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งของท่านอาจหายไปอย่างสมบูรณ์”

ดวงตาของไป่หนิงปิงส่องประกายขึ้น

‘หากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็งของข้าหายไป แล้วข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่ผูกมัดข้าอยู่จะหายไปด้วยหรือไม่?’

นี่เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาตลอดมา

ย้อนกลับไปที่ภูเขาชิงเหมาของภาคใต้ เนื่องจากวิญญาณกงล้อหยินหยาง เขาเปลี่ยนจากชายกลายเป็นหญิง ตอนนี้เมื่อเขาใช้มิติช่องว่างเทียม เขาจะเปลี่ยนเป็นผู้อมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจะถูกกดทับทำให้เขากลายเป็นผู้ชายอีกครั้ง หากเขาไม่ใช้มิติช่องว่างเทียมและกลับเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เขากลายเป็นผู้หญิง

แน่นอนว่าข้อตกลงพันธมิตรบนเส้นทางแห่งข้อมูลของนิกายเงาเป็นสิ่งที่ทำให้ไป่หนิงปิงรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุด

ไป่หนิงปิงเป็นคนที่ยอมก้มศีรษะให้ผู้อื่นงั้นหรือ?

ตลอดมาเขาเพียงไม่มีวิธีที่จะทำให้ตนเองหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้เท่านั้น

“ข้าจะทำ!” ไป่หนิงปิงตัดสินใจโดยไม่ลังเล

…..

ภาคกลาง วังสวรรค์

ผู้อมตะหญิงถือวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลเอาไว้ในมือและตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง

นางมีรูปร่างที่สง่างามในชุดคลุมสีม่วง เส้นผมของนางยาวลงมาจนถึงเอว ดวงตาของนางเหมือนบ่อน้ำลึก ขณะที่ใบหน้าดูโศกเศร้าเล็กน้อย

นางก็คือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ดำรงตำแหน่งแทนเจ้าวังสวรรค์คนก่อนเป็นการชั่วคราว เทพธิดาจื่อเว่ย!

นางดึงความสนใจกลับมาจากวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลและเผยรอยยิ้มบาง

“วิญญาณแห่งความรักยอมรับจ้าวเหลียนหยุนงั้นหรือ? น่าสนใจ”

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่แปลกใจ

นางรู้ความลับทางประวัติศาสตร์มากมาย วิญญาณแห่งความรักไม่สามารถควบคุม ในอดีตมันตระหนักถึงความรู้สึกของมนุษย์หมึกโม่เหยาและตอนนี้มันจะแปลกอันใดหากมันจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของปีศาจต่างโลกจ้าวเหลียนหยุน?

“ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงผลักความรับผิดชอบมาให้ข้า?”

เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจกับตัวเอง

นิกายคฤหาสน์วิญญาณอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก

ผีดิบอมตะโป้ชิงเข้าร่วมกับนิกายเงาและต่อสู้กับวังสวรรค์ที่ภูเขาอี้เทียน และต้องไม่ลืมว่าในอดีตโป้ชิงเคยเป็นสมาชิกของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ ดังนั้นหลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนสิ้นสุดลง นิกายคฤหาสน์วิญญาณจึงได้รับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณไม่กล้าตัดสินใจยกตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไปให้กับจ้าวเหลียนหยุน

การผลักปัญหาที่ยากลำบากนี้ให้กับเทพธิดาจื่อเว่ยจะทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ

แต่เทพธิดาจื่อเว่ยไม่โกรธ

เพราะนางเป็นบุคคลที่มาจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

เทพธิดาจื่อเว่ยเคยเป็นสมาชิกของนิกายคฤหาสน์วิญญาณแต่เพราะพรสวรรค์อันโดดเด่นของนาง นางจึงได้รับการยอมรับจากวังสวรรค์

แม้นิกายโบราณทั้งสิบจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของวังสวรรค์ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ง่ายเหมือนเจ้านายกับลูกน้อง

เนื่องจากผู้อมตะของวังสวรรค์ส่วนใหญ่มาจากนิกายโบราณทั้งสิบ หลายคนยังไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง เมื่อบุตรหลานของพวกเขาหรือสมาชิกนิกายเดิมของพวกเขาเข้าสู่วังสวรรค์ พวกเขาจะกลายเป็นพันธมิตรทางการเมืองโดยธรรมชาติ

ดังนั้นเทพธิดาจื่อเว่ยจึงยินดีแก้ปัญหาให้กับนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ในความเป็นจริงเทพธิดาจื่อเว่ยกับเทพธิดาไป่ชิงมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด

และเทพธิดาไป่ชิงเป็นมารดารของฟงจินฮวงที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งผู้นำนิกายกับจ้าวเหลียนหยุน

หากผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณยอมรับจ้าวเหลียนหยุน ฟงจินฮวงจะพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงส่งปัญหานี้ให้กับเทพธิดาจื่อเว่ยและปล่อยให้นางเป็นผู้ตัดสินใจ

แต่ปัญหานี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับนาง

เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังจะใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลตอบจดหมายแต่ในจังหวะนี้นางกลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง

การสั่นสะเทือนนี้ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

เทพธิดาจื่อเว่ยผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

นางตกตะลึง

เพราะตอนนี้นางอยู่ในวังสวรรค์ ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญและมีการป้องกันที่หนาแน่น แล้วการสั่นสะเทือนนี้หมายถึงสิ่งใด?

การสั่นสะเทือนยังดำเนินต่อไปและดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจำนวนมาก

ยายชาหยุดหลอมรวมวิญญาณและแสดงออกด้วยความตกใจ

เว่ยหลินหยางเดินออกมาจากห้องของเขาและมองไปรอบๆ

เทพธิดาจื่อเว่ยไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป นางออกจากห้องและได้ยินเสียงคำรามของมังกร

เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้การจ้องมองที่ตกตะลึงของเทพธิดาจื่อเว่ย เสาแสงรูปมังกรพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากส่วนลึกของวังสวรรค์

“ที่นั่น! สุสานอมตะ? อย่าบอกว่าผู้อาวุโสบางคนตื่นขึ้น!” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้ว

เป็นเพียงเวลานี้ที่ยายชาและเว่ยหลินหยางมาหานาง

“มันเกิดขึ้นที่สุสานอมตะ มันต้องเป็นผู้อาวุโสบางคนที่ตื่นขึ้น แต่เป็นผู้ใด?” ยายชาคาดเดา

เว่ยหลินหยางกล่าว “สุสานอมตะทั้งลึกลับและไม่อาจหยั่งรู้ กระทั่งพวกเราก็ไม่รู้ว่ามีผู้อมตะจำศีลอยู่ที่นั่นมากเท่าใด แต่แรงสั่นสะเทือนระดับนี้สามารถบอกได้ว่าผู้อาวุโสที่ตื่นขึ้นต้องไม่ธรรมดา”

ยายชาพยักหน้า นางเคยตื่นขึ้นเช่นกัน แต่เมื่อนางตื่นขึ้น วังสวรรค์ยังเงียบสงบมาก สถานการณ์แตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึก “เราจะรู้หากไปดู”

ผู้อมตะทั้งสามบินไปยังสุสานอมตะเพียงเพื่อพบกับหลุมขนาดใหญ่บนทุ่งหญ้า

ในหลุมมีชายชราร่างกายเหี่ยวแห้งและอ่อนแอนอนอยู่

ชายชราเห็นผู้อมตะทั้งสามและเริ่มเปิดปากกล่าวอย่างยากลำบาก “น้ำ…น้ำ…”

เทพธิดาจื่อเว่ยเดินไปข้างหน้าและรีบใช้วิธีรักษาของนาง

ยายชาและเว่ยหลินหยางมองหน้ากัน

เหตุการณ์นี้ค่อนข้างประหลาด

“วิธีรักษาของข้าไม่ได้ผล” เทพธิดาจื่อเว่ยขมวดคิ้วกล่าว

เว่ยหลินหยางรีบเดินเข้าไปและใช้วิธีการทั้งหมดของเขาแต่ยังไร้ผล

เว่ยหลินหยางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่ดีแล้ว ร่างกายของผู้อาวุโสผู้นี้แปลกมาก วิธีการของข้าไม่ได้ผล พลังชีวิตของผู้อาวุโสกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว เขาจะตายภานยในไม่กี่นาที”

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น “ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสกล่าวว่าน้ำ มันต้องเป็นวิธีช่วยเขา น้ำธรรมดาใช้ไม่ได้ แต่เขาต้องการน้ำชนิดใด?”

ยายชาเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม นางกล่าว “มีไฟสามชนิดบนโลกใบนี้และมีน้ำสามชนิดที่เป็นทรัพยากรอมตะระดับเก้า วังสวรรค์มีพวกมันเก็บไว้ทั้งหมด เราต้องนำพวกมันมาที่นี่”

แต่น้ำทั้งสามชนิดยังไร้ประโยชน์

ชายชราแทบไม่สามารถหายใจ เขากำลังจะตาย

ผู้อมตะทั้งสามกังวลมากแต่พวกเขาควรทำอย่างไร?

เทพธิดาจื่อเว่ยชี้นิ้วไปที่ศีรษะของชานยชรา “หน้าผากของผู้อาวุโสมีติ่งเหมือนหินอยู่สองข้าง พวกมันคือสิ่งใด?”

ยายชาเกิดแรงบันดาลใจขึ้นทันที “ข้ารู้แล้วว่ามันคือน้ำชนิดใด!”

นางหยิบวารีมังกรสวรรค์ที่แท้จริงออกมาและเททรัพยากรอมตะระดับแปดนี้ลงในปากของชายชรารา

เมื่อชายชราได้รับน้ำชนิดนี้ พลังชีวิตของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่ร่างกายเริ่มขยายขึ้น ในไม่ช้าเขาก็สามารถดื่มน้ำชนิดนี้ได้ด้วยตนเอง

ผลลัพธ์ปรากฏทันที!

ผู้อมตะทั้งสามมีความสุขมาก

หลังจากชายชราดื่มวารีมังกรสวรรค์ที่แท้จริงเข้าไปจำนวนหนึ่ง เขาก็ผลักมือยายชาออกไป

ยายชาเข้าใจและหยุดให้น้ำกับเขา

ชายชราลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่ยังสั่นเทา

เขาแตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้เขาดูแข็งแรงขึ้นมาก

เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและมองผู้อมตะทั้งสามก่อนจะถอนหายใจ “นี่เป็นครั้งครั้งสุดท้ายที่ข้าสามารถตื่นขึ้น วารีมังกรสวรรค์ที่แท้จริงไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ข้าสัมผัสได้ว่าบางคนกำลังใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกร ข้าได้กลิ่นร่องรอยเล็กๆของโชคชะตา ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตื่นขึ้น”

“ท่าน…ท่านคือราชันมังกร!?” เทพธิดาจื่อเว่ยเบิกตากว้างและรู้สึกพูดไม่ออก

“นั่นคือข้า”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท