เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1231

ตอนที่ 1231

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1231 กึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ ภายในค่ายกลวิญญาณ

ปาฉวนฟงมองไปยังทิศทางของตระกูลวูและรู้สึกสงสัย “เกิดสิ่งใดขึ้น? วูอี้ไห่ผู้นี้อดทนมาก เขาบ่มเพาะอย่างสันโดษและไม่ออกมาข้างนอกเลยงั้นหรือ?”

เขาพบว่ามันยากที่จะเชื่อ

สมาชิกตระกูลวูมักทำตัวเอาแต่ใจและสร้างปัญหาให้ผู้อื่นเสมอ

วูอี้ไห่เป็นน้องชายของวูหยง เขามีสถานะสูงมากในตระกูลวู แต่เขากลับบ่มเพาะอย่างเงียบสงบและไม่ติดต่อผู้ใดเลย

ปาเต๋อส่ายศีรษะ

เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดูเหมือนวูอี้ไห่ผู้นี้จะไม่ง่ายเลย”

“เขารับมือได้ยากกว่าผู้อมตะระดับเจ็ดคนก่อนของตระกูลวู”

ปาฉวนฟงหัวเราะ “จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษจากทะเลตะวันออก”

เฒ่าพฤกษาปาเต๋อมองปาฉวนฟง “หากเขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาจะจัดการธุรกิจซื้อขายโอกาสได้ดีถึงเพียงนี้งั้นหรือ? กระทั่งพวกเราจะกดดันธุรกิจของพวกเรา แต่เราก็ไม่สามารถทำสิ่งใดวูอี้ไห่”

“หลายวันที่ผ่านมาเราได้เตรียมการมากมาย แต่คนผู้นี้เพิกเฉยต่อพวกเราอย่างสิ้นเชิง แม้จะถูกเย้ยหยัน เขาก็ยังเลือกที่จะเงียบและอดทนกับมัน บุคคลเช่นนี้อันตรายกว่าผู้อมตะตระกูลวูคนอื่นๆมาก”

การแสดงออกของปาฉวนฟงเปลี่ยนไป เขาสูดหายใจลึก “ผู้อาวุโส กระทั่งท่านก็ยังยกย่องเขา ดูเหมือนเขาจะโดดเด่นจริงๆ เหตุใดเราไม่ไปทำลายธุรกิจซื้อขายโอกาสนี้เพื่อบังคับให้เขาลงมือ?”

ปาเต๋อส่ายศีรษะ “เป็นไปไม่ได้ เขาจะไม่ทำสิ่งใดอย่างแน่นอน หากเราเปิดโปง ธุรกิจซื้อขายโอกาสจะพังทลายลงเนื่องจากมันไม่ได้รับอนุญาตตั้งแต่แรก แต่เราจะไม่สามารถทำสิ่งใดวูอี้ไห่และมันจะเป็นการรุกรานอีกหกตระกูลใหญ่ พวกเราจะดึงดูดความเกลียดชังขณะที่วูอี้ไห่จะได้รับประโยชน์จากมันและทำให้ความร่วมมือทางการเมืองของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น”

ปาฉวนฟงเบิกตากว้างและกรีดร้อง “แล้วเราจะทำเช่นไร?”

“รอ”

“รอ?”

“รอโอกาส” เฒ่าพฤกษาปาเต๋อกล่าว “โอกาสที่เราสามารถสร้างได้ตอนนี้แทบไร้นัยสำคัญ ในกรณีนี้เราต้องรอโอกาสที่ดีกว่าในอนาคต”

ปาฉวนฟงกัดฟันแน่น “หากเป็นเช่นนั้นตระกูลวูก็จะอยู่เหนือพวกเราไปอีกนาน เราต้องรอนานเท่าใด บางทีเราอาจต้องรอไปอีกนานมาก!”

การแสดงออกของปาเต๋อเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาไม่กล่าวสิ่งใดแต่มองไปที่ปาฉวนฟงอย่างเงียบๆ

ปาฉวนฟงรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจากการจ้องมองของเฒ่าพฤกษา

เขาถอยหลังกลับไปสามก้าวและลดศีรษะลงด้วยเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผาก “ผู้อาวุโส…ข้า…ข้า…”

“เจ้าใจร้อนเกินไป เสี่ยวฟง หลายวันที่ผ่านมา จิตใจของเจ้าปั่นป่วนมาก” ปาเต๋อกล่าวอย่างช้าๆ

“ถูก…ถูกต้อง…ผู้อาวุโส ข้าผิดไปแล้ว” ปาฉวนฟงยอมรับความผิด

“ตระกูลวูสูญเสียผู้อมตะระดับแปดไปแล้ว แต่พวกเขายังมีขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ กองกำลังอื่นกำลังเฝ้ามองตระกูลวูอย่างใกล้ชิดแต่ไม่มีฝ่ายใดกล้าโจมตีก่อนเพราะเรายังไม่สามารถเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตระกูลวู หากตระกูลปาลงมือก่อนและต้องเผชิญหน้ากับหมัดเหล็กของตระกูลวู พวกเราจะเป็นฝ่ายสูญเสียขณะที่กองกำลังอื่นจะฉวยโอกาสฉกชิงผลประโยชน์ เข้าใจหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

“เจ้าจงไปบ่มเพาะอย่างเงียบๆ หากวูอี้ไห่ไม่ออกมา เจ้าก็ยังไม่สามารถออกมา” ปาเต๋อกล่าวอย่างไร้อารมณ์

“ทราบแล้ว” ปาฉวนฟงรับคำสั่งและจากไปด้วยใบหน้าขมขื่น

ฟางหยวนยังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

ผู้อมตะด้านนอกคิดว่าเขากำลังปิดประตูฝึกตน คนส่วนใหญ่คิดว่านี่เป็นธรรมชาติของวูอี้ไห่ในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก เขายังไม่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดของตน ท้ายที่สุดผู้บ่มเพาะสันโดษก็ชอบการบ่มเพาะอยู่อย่างเงียบสงบ

คนส่วนน้อยเช่นปาเต๋อคิดว่าฟางหยวนตั้งใจทำสิ่งนี้ มันเป็นวิธีทางการเมืองของเขา

แต่ไม่มีผู้ใดคิดว่าฟางหยวนลอบเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน

ภายในอาณาจักรแห่งความฝัน ตอนนี้กำลังเป็นช่วงเวลาสำคัญ

นายน้อยหลงได้เปรียบมากในการต่อสู้ เขาหัวเราะเย้ยหยันฟางหยวน “เจ้าไม่เหลือโอกาสแล้ว เจ้าไม่มีทางชนะ หากเจ้ายอมแพ้ตอนนี้ เจ้ายังสามารถรักษาใบหน้า”

ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากัดฟันแน่นและไม่กล่าวสิ่งใด

นี่เป็นฉากที่เจ็ดของอาณาจักรแห่งความฝัน

ฟางหยวนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเช่นเดียวกับฝ่ายตรงข้าม

แต่นายน้อยหลงแข็งแกร่งกว่าเพราะเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด

ไม่เพียงเท่านั้น นายน้อยหลงยังมีวิญญาณที่มีประโยชน์มากมาย ด้วยร่างมนุษย์มังกรของเขา ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันจากเกล็ดมังกรที่แข็งแกร่ง คุณสมบัติงอกใหม่ของเลือดมังกร พวกมันล้วนเทียบเท่ากับวิญญาณระดับห้า

นี่คือข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่!

ไม่ว่าจะเป็นระดับการบ่มเพาะ วิญญาณ หรือร่างมังกร ฟางหยวนถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากสำหรับผู้ชมทั้งหมดที่การต่อสู้ดำเนินมาอย่างยาวนาน

ในความคิดเห็นของพวกเขา แม้จิตวิญญาณของฟางหยวนจะน่ายกย่อง แต่ผลการต่อสู้ครั้งนี้ถูกตัดสินแล้ว

“ตอนนี้เจ้าเหลือพลังวิญญาณไม่ถึงห้าส่วน มาดูกันว่าเจ้าจะป้องกันการโจมตีของข้าอย่างไร?” นายน้อยหลงตะโกนและพุ่งเข้าตะครุบฟางหยวน

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในสภาพที่เลวร้าย แต่สายตาของเขายังชัดเจน เขาถอยศีรษะไปด้านหลัง

หลังจากล้มเหลวในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันฉากนี้มาหลายครั้ง ฟางหยวนได้เรียนรู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องเอาชนะนายน้อยหลงในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาเพียงต้องยื้อเวลาให้มากพอ

เมื่อเวลามาถึง โอกาสจะปรากฏขึ้น

‘เหลือเวลาอีกเจ็ดลมหายใจ ครั้งนี้ข้าควรจะลองใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!’ ฟางหยวนคิด

“ปัง”

นายน้อยหลงพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความเย่อหยิ่ง แต่ในจังหวะนี้เขากลับสะดุดก้อนหินและล้มคว่ำลงกับพื้น

เงียบกริบ!

ผู้ใช้วิญญาณหญิงทุกคนที่เฝ้ามองและให้กำลังใจนายน้อยหลงตั้งแต่แรกเงียบเสียงลง

‘ข้าทำพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร?’ ใบหน้าของนายน้อยหลงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย

เขารีบลุกขึ้นตะโกนและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้ง

ฟางหยวนแทบไม่สามารถยืนอยู่ อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป เขาทำได้เพียงรอความพ่ายแพ้

เสียงโห่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง

“ไปเลยนายน้อยหลง! เอาชนะผู้ท้าชิงที่มั่นใจเกินไปผู้นี้!”

“อา…ข้าจะจำฉากนี้ไว้ในหัวใจตลอดไป นายน้อยหลงช่างมีเสน่ห์นัก หากมีเพียงข้าที่ได้ยืนเคียงข้างท่าน นั่นจะดีมาก”

“หากเขาคุยกับข้า มันก็คุ้มค่าที่ได้เกิดมาแล้ว”

ผู้ใช้วิญญาณชายคำรามขณะที่ผู้ใช้วิญญาณหญิงกรีดร้อง

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!

ฟางหยวนใช้สิ่งนี้อีกครั้งเพราะเขาไม่สามารถสู้ต่อไป

“อา…”

การเคลื่อนไหวของนายน้อยหลงหยุดลงอย่างกะทันหัน

เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอีกครั้ง

เขาอาจก้าวเท้ากว้างเกินไปและทำให้กางเกงของเขาขาดระหว่างการต่อสู้

ลมพัดมาทำให้นายน้อยหลงรู้สึกหนาวเย็นที่เป้ากางเกงของเขา

เงียบ…

กระทั่งฟางหยวนยังรู้สึกประหลาดใจ ‘ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันครั้งนี้ค่อนข้างประหลาดจริงๆ’

“อา…” ผู้ใช้วิญญาณหญิงกรีดร้อง

เสียงของผู้คนระเบิดขึ้นทันที

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

“กางเกงของนายน้อยขาด!”

“นายน้อยหลงไม่ใส่กางเกงชั้นใน!?”

ผู้ใช้วิญญาณชายเฝ้ามองด้วยความสนใจขณะที่ผู้ใช้วิญญาณหญิงรีบยกมือขึ้นปิดใบหน้าของพวกนาง

“นายน้อยหลง…เล็กมาก…”

นายน้อยหลง “…”

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง เส้นเลือดบนหน้าผากโป่งพองขึ้น ตอนนี้เขาดูน่ากลัวมาก

“อ๊าก…ข้าจะฆ่าเจ้า!” ความอับอายทำให้นายน้อยหลงคลั่งและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างดุร้าย

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับเผยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ

เจ็ดลมหายใจผ่านไปแล้ว

“บึม”

ร่างของนายน้อยหลงระเบิดตัวเอง!

เลือดมังกรของเขาสาดกระเซ็นลงบนใบหน้าของฟางหยวน

สนามประลองตกสู่ความสับสนวุ่นวายทันที

“นายน้อยหลง!”

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” ผู้ใช้วิญญาณหญิงหลายคนหมดสติ ณ จุดเกิดเหตุ

“นายน้อยหลงฆ่าตัวตายเพราะความอับอายงั้นหรือ?”

“ต้องเป็นเขา!” ผู้ใช้วิญญาณบางคนชึ้นิ้วไปที่ฟางหยวน “เขาต้องใช้วิธีการที่ชั่วร้ายเพื่อสังหารนายน้อยหลง! เขาเป็นปีศาจบนเส้นทางแห่งเลือด!”

“บึม บึม บึม…”

ในช่วงเวลาต่อมามนุษย์มังกรที่อยู่รอบๆก็ระเบิดตัวเองทีละคน

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ผู้ใช้วิญญาณที่รอดชีวิตตกสู่ความโกลาหล

ฟางหยวนกระพริบตาด้วยความกังวลว่าคนเหล่านี้จะนำปัญหามาสู่เขา แต่ทันใดนั้นอาณาจักรแห่งความฝันกลับนำเขาไปยังฉากต่อไป

“ฉากที่เจ็ดจบลงแล้ว” ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาติดอยู่ในฉากที่เจ็ดมาสามวันแล้ว ตามลักษณะพิเศษของอาณาจักรแห่งความฝัน เขาต้องผ่านทีละฉาก มิฉะนั้นเขาจะต้องทำซ้ำอย่างไม่รู้จบสิ้น

ครู่ต่อมาฟางหยวนออกจากอาณาจักรแห่งความฝันหลังจากล้มเหลวในฉากที่แปด

หลังจากฟื้นคืนสติ เขารีบรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณ

อาณาจักรแห่งความฝันสร้างความเสียหายที่รุนแรงต่อจิตวิญญาณของเขา

โชคดีที่รากฐานจิตวิญญาณของฟางหยวนโดดเด่นมาก นอกจากนั้นเขายังมีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว ดังนั้นอาการบาดเจ็บเหล่านี้จึงไม่ใช่ปัญหา

หลายสิบลมหายใจต่อมา จิตวิญญาณของฟางหยวนก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์

จากนั้นเขาเริ่มตรวจสอบผลประโยชน์ที่ได้รับ

“ไม่เลว ข้ากลายเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารีแล้ว”

เดิมทีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของฟางหยวนอยู่ในระดับทั่วไป แต่ตัวละครหลักของอาณาจักรแห่งความฝันนี้คือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี ดังนั้นเมื่อฟางหยวนผ่านฉากที่เจ็ด ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของฟางหยวนจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ดูเหมือนตัวเอกของอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะมีความสำเร็จสูงมาก การบ่มเพาะของเขาต้องสูงกว่าระดับหกอย่างแน่นอน”

“ตอนนี้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของข้าอนุญาตให้ข้าสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ในเมืองจิ๋วที่ทะเลตะวันออกแล้ว วิเศษมาก!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท