เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1232

ตอนที่ 1232

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1232 หลอมรวมกายา

แปลโดย iPAT

‘อย่างไรก็ตามวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันถูกใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ข้าสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้อีกไม่ถึงสิบครั้ง’

คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนขมวดคิ้วเบาๆ

นี่คือปัญหา

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมีประสิทธิภาพมากแต่ค่าใช้จ่ายของมันก็สูงมากเช่นกัน

เนื่องจากวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันถูกหลอมรวมขึ้นด้วยตัวของฟางหยวนเอง เขาไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้มากนัก

มอบวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันให้กับนิกายหลางหยาและใช้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยหลอมรวมให้เขางั้นหรือ?

ฟางหวนไม่มีความคิดนี้

ในยุคนี้คุณค่าของเส้นทางแห่งความฝันสูงกว่าวิญญาณอมตะมาก!

แน่นอนว่าฟางหยวนเชื่อว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถจ่าย แต่หากมันถูกเปิดเผยออกไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมไม่น้อย

หากวิธีบนเส้นทางแห่งความฝันถูกเผยแพร่ออกไป ความได้เปรียบของฟางหยวนจะหมดลง

นี่คือสิ่งที่ฟางหยวนไม่ต้องการเห็น

ดังนั้นเขาจึงต้องหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันด้วยตนเอง แม้เขาจะผลิตมันได้น้อย แต่เขาก็ต้องรักษามันไว้กับตนเอง

‘ข้าไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แต่ข้าสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆเช่นผลไม้แห่งความฝันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหลอมรวมวิญญาณของข้า’

ผลไม้แห่งความฝันเป็นพืชชนิดพิเศษ

มันเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันที่ไม่มีรูปร่างที่แท้จริง มันอาศัยต้นไม้ที่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้เพื่อความอยู่รอด

ฟางหยวนเคยเก็บเกี่ยวผลไม้แห่งความฝันมาก่อน

แต่เขาไม่สามารถเพาะปลูกหรือเคลื่อนย้ายต้นไม้แห่งความฝัน

นอกจากนั้นภาคกลางยังเป็นถ้ำราชสีห์ ฟางหยวนไม่สามารถไปที่นั่นได้ในเวลานี้

ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยอาจทำให้เขาสามารถปลอมตัว แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการอนุมานของผู้อมตะ วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดสามารถช่วยเหลือ แต่มันก็เป็นวิญญาณระดับหกเท่านั้น

ฟางหยวนไม่สามารถแก้ปัญหานี้

เขาไม่รู้จักต้นไม้แห่งความฝันต้นที่สอง ดังนั้นเขาจึงทำให้เพียงยอมแพ้ต่อความคิดนี้เท่านั้น

หลังจากพักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฟางหยวนยังไม่ได้รีบเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

เขาจำเป็นต้องสรุปฉากที่แปด

เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา การอนุมานสิ่งต่างๆล่วงหน้าจะช่วยให้เขาสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันได้ดีขึ้น นี่คือข้อได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ในแง่ของเส้นทางแห่งปัญญา เขาไม่ขาดแคลนความสำเร็จ

ฟางหยวนไม่ได้อนุมานเพียงอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขายังอนุมานเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตนอีกด้วย

‘หากข้าเดาถูก ตระกูลปาคือศัตรูตัวฉกาจของข้า ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามหาเรื่องข้า แต่ข้าสามารถแก้ปัญหาทั้งหมด ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขากำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างสนาม’

ความเฉยเมยของตระกูลปาทำให้ฟางหยวนระวังตัวมากขึ้น

‘สรุปแล้วสถานการณ์ของข้าค่อนข้างดี ตัวตนของวูอี้ไห่มีประโยชน์มากในเวลานี้’

‘ธุรกิจซื้อขายโอกาสไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป นอกจากนั้นมันยังกลายเป็นกับดักล่อลวงผู้อมตะที่โง่เขลา’

ท้ายที่สุดแล้วผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็มีอยู่น้อยมาก

แม้จะมีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่บ้าง พวกเขาก็อาจไม่ใช่ฝ่ายธรรมะ

สำหรับวูอันและวูเหลียว พวกเขาทำงานได้อย่างเหมาะสม ฟางหยวนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคนทั้งสอง

วูเหลียวมารายงานบางเรื่องกับฟางหยวนก่อนหน้านี้ แต่ฟางหยวนตั้งใจทิ้งงานไว้ที่พวกเขาและบอกว่าอย่ารบกวนหากไม่มีเรื่องสำคัญ

วูเหลียวรู้สึกผิดหวังมาก เขาคิดว่าฟางหยวนเหมือนผู้อมตะระดับเจ็ดคนก่อนหน้า ดังนั้นทัศนคติของเขาที่มีต่อฟางหยวนจึงกลายเป็นเย็นชา

ฟางหยวนรู้แต่เขาไม่สน

อาณาจักรแห่งความฝันขยายตัวออกไปอย่างช้าๆตลอดเวลา

แม้ฟางหยวนจะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันและทำให้มันหดตัวลง แต่เปรียบเทียบกับอาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมด มันยังไร้นัยสำคัญ

เขาสามารถปิดซ่อนการกระทำของตนได้อย่างง่ายดาย

โดยเฉพาะเมื่อปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษยังเข้ามาในอาณาจักรแห่งความฝันผ่านธุรกิจซื้อขายโอกาส นี่เป็นตัวช่วยที่ยิ่งใหญ่ของฟางหยวน

คนเหล่านี้พบกับความยากลำบากในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่มีหนึ่งหรือสองคนที่ได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันบางอย่างแม้พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการคลี่คลายความฝันก็ตาม

ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันเหล่านี้สามารถใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝัน

ผู้อมตะเหล่านี้ปฏิบัติต่อพวกมันเหมือนสมบัติล้ำค่า แม้มันจะเล็กน้อยเพียงใด พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ฝ่ายธรรมะลอบซื้อทรัพยากรเหล่านี้จากพวกเขาอย่างลับๆ

ตระกูลวูก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

อย่างไรก็ตามผู้อมตะส่วนใหญ่ที่ได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันไม่ต้องการขายพวกมัน พวกเขาต้องการเก็บไว้กับตนเอง

ตระกูลวูซื้อทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝันได้ประมาณสิบชิ้น ฟางหยวนไม่กล้าแตะต้องทรัพยากรเหล่านี้เพราะตระกูลวูกำลังจับตามองพวกมันอยู่

หลังจากพักผ่อน ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

มันไม่ใช่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้แต่เป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเขาเอง

เพื่อให้ได้รับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งความฝัน อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองเป็นทางเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุด

น่าเสียดายที่ผู้อมตะเหล่านั้นไม่รู้เรื่องนี้

…..

ภาคใต้ ถ้ำสวรรค์ไป่เซียง

ที่จุดศูนย์กลางของค่ายกลวิญญาณ ไป่หนิงปิงนั่งลงอย่างยากลำบาก

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงลอยอยู่กลางอากาศ เขากำลังควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้

แสงหลากหลายสีสันส่องประกายขึ้นราวกับธารแสง บางครั้งมันปะทุขึ้นราวกับดอกไม้

ใบหน้าของไป่หนิงปิงซีดขาวแต่กลิ่นอายของเขายังมั่นคง

นี่เป็นเพราะเขาใช้ร่างกายบรรจุเพลิงมังกรล่องคลื่นและทำให้ชีวิตของตนตกอยู่ในอันตราย

“ต่อไปคือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เราจะจัดการเพลิงมังกรล่องคลื่นในร่างของท่าน!” จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “นายน้อย ท่านต้องอดทนและมีสมาธิ ท่านต้องหลอมรวมกับค่ายกลวิญญาณและกำหราบเพลิงมังกรล่องคลื่น ขั้นตอนนี้จะใช้เวลาสี่สิบเก้าวัน ระหว่างนี้ท่านจะไม่สามารถพักผ่อน หากข้าไม่บอกให้หยุด ท่านก็ไม่สามารถสูญเสียสมาธิ มิฉะนั้นท่านต้องตายอย่างแน่นอน”

ไป่หนิงปิงรู้สึกเวียนศีรษะจนแทบไม่สามารถทนนั่งอยู่ได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ต้องกล่าวถึงสี่สิบเก้าวัน เพียงครึ่งวันเขาก็แทบทนไม่ไหวแล้ว

แต่เมื่อถึงทางแยกที่สำคัญ ริมฝีปากของไป่หนิงปิงกลับยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม

‘ฮ่าฮ่าฮ่า นี่สนุกมาก’

‘ในสภาพปัจจุบันของข้า มันแทบเป็นไปไม่ได้…’

‘นี่เป็นการทดสอบขีดจำกัดที่แท้จริงของร่างกายข้า’

‘แม้ข้าจะตาย มันก็น่าสนใจมาก!’

ร่างกายของเขาอ่อนล้ามากแต่จิตใจของเขายังเต็มไปด้วยพลังงาน

ไป่หนิงปิงสูดหายใจลึกและเรียกจิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียง “เจ้ารอสิ่งใดอยู่? เหตุใดยังไม่เริ่ม?’

จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงยิ้มและคิด ‘ข้ารอคนเช่นนี้มานานแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เกรงกลัวต่อความตาย’

เมื่อคิดได้เช่นนี้จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงก็กระตุ้นการทำงานของค่ายกลวิญญาณ

“บึม!”

ในช่วงเวลาต่อมาค่ายกลวิญญาณก็ระเบิดแสงสว่างออกไปทุกทิศทุกทาง

“อ๊าก…”

เปลวไฟพุ่งออกมาจากดวงตา รูจมูก และรูหูของไป่หนิงปิง

เพลิงลุกไหม้ขึ้นบนร่างกายของเขาและเปลี่ยนไป่หนิงปิงให้เป็นมนุษย์เพลิง

ไป่หนิงปิงขมวดคิ้วและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ในช่วงเวลาที่เขากรีดร้อง เขาตระหนักถึงบางสิ่ง วิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกรไม่ใช่การกำหราบเพลิงมังกรล่องคลื่นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตวิญญาณทั้งหมดของเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าค่อยๆแยกออกจากร่างของเขาอย่างช้าๆ

นี่เหมือนการปรับแต่งทรัพยากรอมตะแต่ทรัพยากรอมตะชนิดนี้คือร่างกายของไป่หนิงปิง

‘อดทนไว้!’ จิตวิญญาณสวรรค์ไป่เซียงกรีดร้องด้วยความกระวนกระวายใจ

ดวงตาของไป่หนิงปิงกลายเป็นพร่าเลือน เขากำลังจะหมดสติ

หากเขาหมดสติในเวลานี้ เขาจะถูกเพลิงมังกรล่องคลื่นเผ่าทำลายจนกลายเป็นกองเถ้าถ่าน!

…..

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

หม่าหงหยุนกรีดร้อง

“ปุ” เส้นเลือดที่ลำคอของเขาแตก

ประกายสายฟ้าแลบลั่นอยู่บนร่างกายของหม่าหงหยุนอย่างดุเดือด ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังชักกระตุกอย่างรุนแรง

หลังจากชั่วครู่ประกายสายฟ้าก็จางหายไปขณะที่หม่าหงหยุนหอบหายใจอย่างหนักหน่วงพร้อมกับเหงื่อที่ไหลออกมาจากรูขุมขนทั้งร่างของเขา

“ล้มเหลวอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูขมวดคิ้วด้วยความโกรธ

หม่าหงหยุนถูกปรับแต่งโดยบอลสายฟ้ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แม้เขาจะพบกับความทุกข์ทรมาน แต่เขาก็ยังไม่ตาย นอกจากนี้ระดับการบ่มเพาะของเขายังพุ่งสูงขึ้นถึงระดับห้าขั้นสุดยอดอีกด้วย

สิ่งนี้ทำให้ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกพูดไม่ออก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท