เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1234

ตอนที่ 1234

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1234 วิญญาณอมตะระดับสิบ

แปลโดย iPAT

ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

“ท่าไม้ตายอมตะฝนดาวตก!” จ้าวเหลียนหยุนตะโกนพร้อมกับแสงสว่างที่พุ่งออกมาจากร่างของนาง

แสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปในพริบตา

ในช่วงเวลาต่อมาพื้นที่สีขาวที่ถูกสร้างขึ้นจากค่ายกลวิญญาณพลันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

ฝนดาวตกร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสร้างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ฝนดาวตกพุ่งเข้าโจมตีเต่าอสูรเดียวดายที่มีร่างกายใหญ่โตราวกับภูเขา

แขนขาทั้งสี่และหัวของมันหดเข้าไปในกระดอง

ฝนดาวตกปะทะแผ่นหลังของเต่าอสูรเดียวดายและระเบิดทำลายกระดองของมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่พื้นที่รอบๆกลายเป็นหลุมบ่อ

ฝนดาวตกกินเวลานานถึงยี่สิบลมหายใจก่อนจะหยุดลง

ใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุนปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อขณะที่นางรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

เสียงสายหนึ่งดังขึ้น “ไม่เลว จ้าวเหลียนหยุน เจ้าเชี่ยวชาญท่าไม้ตายนี้มาก เช่นนั้นต่อไปฝึกท่าไม้ตายสายป้องกัน”

ซากศพเต่าอสูรเดียวดายกลายเป็นอีกาสีดำ

ฝูงอีกาหลายหมื่นตัวพุ่งเข้าโจมตีจ้าวเหลียนหยุนจากทุกทิศทาง

ดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนส่องประกายขึ้น นางกัดฟันแน่นและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะเพื่อป้องกันการโจมตีจากฝูงอีกา

ครั้งนี้ร่างกายของนางถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน

ชั้นแสงสีเงินปกป้องนางจากจงอยปากอีกาจำนวนนับไม่ถ้วน

“ปัง ปัง ปัง ปัง…”

ฝูงอีกาโจมตีโล่แสงสีเงินของจ้าวเหลียนหยุนอย่างไม่หยุดยั้ง

พลังงานอมตะของนางถูกใช้จ่ายไปอย่างรวดเร็ว

‘ข้าต้องคิดแผน!’ จ้าวเหลียนหยุนคิดและเริ่มใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน

นางประสบความสำเร็จในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันตั้งแต่ครั้งแรก

ท่าไม้ตายอมตะโซ่เงินสังหาร!

แสงสีเงินบนร่างของนางเปลี่ยนเป็นโซ่สีเงินหกเส้นบินออกมา

โซ่เงินเคลื่อนไหวราวกับมังกรและพุ่งเข้าสังหารฝูงอีกาอย่างไม่รู้สิ้นสุด

อีกาจำนวนมากตกตายลง ในรัศมีสิบเมตรรอบตัวจ้าวเหลียนหยุนไม่เหลืออีกาที่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป

โซ่เงินเคลื่อนที่เป็นทรงกลมและกลายเป็นปราการที่แข็งแกร่งปกป้องจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้ภายใน อีกาที่พุ่งเข้ามาจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

‘ท่าไม้ตายอมตะนี้ยอดเยี่ยมมาก มันสามารถโจมตีและป้องกันได้ในเวลาเดียวกัน’ จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขมาก

ผู้อมตะที่ควบคุมค่ายกลวิญญาณลอบถอนหายใจ ‘จ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก การบ่มเพาะของนางถูกยกขึ้นสู่ระดับห้าขั้นสุดยอดโดยความช่วยเหลือของวิญญาณอมตะ หลังจากได้รับมิติช่องว่างเทียมจากวังสวรรค์ นางแสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมาทันที หลังจากฝึกฝนเพียงเล็กน้อย นางก็เชี่ยวชาญท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้แล้ว’

แน่นอนว่าท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษสำหรับจ้าวเหลียนหยุนโดยวังสวรรค์ พวกมันทั้งทรงพลัง ควบคุมง่าย และใช้วิญญาณเพียงไม่กี่ดวง

“เอาล่ะ ต่อไปเราจะฝึกวิธีการรักษาของเจ้า เจ้าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลหรือตกใจ ตราบเท่าที่เจ้าใช้ท่าไม้ตายอมตะ เจ้าจะหายดี” ผู้อมตะผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณกล่าว

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าและเห็นฝูงอีกาหายไป

นางแสดงความกังวลออกมาและถาม “ข้าฝึกมาครึ่งปีแล้ว ข้าจะสามารถเดินทางไปภาคเหนือได้เมื่อใด?”

ผู้อมตะผู้ควบคุมค่ายกลวิญญญาณอธิบาย “อย่ากังวล ที่นี่คือค่ายกลวิญญาณ หนึ่งปีของที่นี่เท่ากับหนึ่งวันของโลกภายนอกเท่านั้น มีเวลาค่อนข้างจำกัดขณะที่การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะไม่เหมือนการฝึกซ้อม มีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”

“เช่นนั้นให้ข้าฝึกการต่อสู้จริง!” จ้าวเหลียนหยุนตะโกน

ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลานี้ตั้งอยู่ในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของวังสวรรค์

วังสวรรค์

เทพธิดาจื่อเว่ยมองจ้าวเหลียนหยุนและแสดงออกด้วยความกังวล “ท่านราชันมังกร ท่านคิดว่าการฝึกเช่นนี้จะช่วยให้จ้าวเหลียนหยุนสามารถปรับตัวกับสนามรบได้หรือไม่? มันเร่งรีบเกินไป พลังการต่อสู้ของนางไม่สามารถพึ่งพาได้”

แม้ราชันมังกรจะดื่มวารีมังกรสวรรค์ที่แท้จริงเข้าไปแล้ว แต่มันไม่ได้ช่วยเพิ่มอายุขัยของเขา

ตอนนี้เขายังดูสูงอายุและอ่อนแอมาก

เขานั่งอยู่ตรงข้ามกับเทพธิดาจื่อเว่ยโดยมีกระดานหมากรุกคั่นอยู่ตรงกลาง

กระดานหมากรุกนี้มีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะกลุ่มดาว เทพอมตะกลุ่มดาวเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาและนี่เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของแผ่นดิน

เทพธิดาจื่อเว่ยมีคุณสมบัติเพียงพอ แต่หลังจากราชันมังกรตื่นขึ้น เขาได้รับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของวังสวรรค์ทันที สำหรับคฤหาสน์วิญญาณอมตะในตำนาน มันถูกมอบให้กับเทพธิดาจื่อเว่ย นี่ทำให้ความสามารถในการอนุมานของนางบรรลุถึงระดับที่น่ากลัว

เมื่อได้ยินข้อสงสัยของเทพธิดาจื่อเว่ย ราชันมังกรเผยรอยยิ้มบาง “เราไม่สามารถพึ่งพาจ้าวเหลียนหยุน แต่ข้าก็ไม่คิดที่จะพึ่งพานาง”

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องประกายขึ้น “ท่านราชันมังกรต้องการกล่าวถึงวิญญาณแห่งความรัก?”

“ถูกต้อง” ราชันมังกรพยักหน้า “วิญญาณแห่งความรักมีความพิเศษมาก มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้า วิญญาณอมตะทั่วไปมีพลังอำนาจเพียงหนึ่งเดียว แต่วิญญาณแห่งความรักสามารถทำทุกสิ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือวิญญาณแห่งความรักสามารถต่อต้านโชคชะตาและโชค”

“ต่อต้านโชคชะตา?” เทพธิดาจื่อเว่ยพึมพำด้วยความตกใจเล็กน้อย

“ถูกต้อง ความรักสามารถต่อต้านโชคชะตา มิฉะนั้นเทพปีศาจบัวแดงจะสามารถทำร้ายวิญญาณชะตากรรมได้อย่างไร?” ราชันมังกรกล่าวความลับที่น่าตกตะลึงออกมา เมื่อเขากล่าวถึงเทพปีศาจบัวแดง น้ำเสียงของเขากลายเป็นเคร่งขรึมและซับซ้อน

เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจเล็กน้อย “อันใด? ย้อนกลับไปเทพปีศาจบัวแดงได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรักเช่นนั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” ราชันมังกรยืนยันเรื่องนี้ “เทพปีศาจบัวแดงไม่ใช่ปีศาจต่างโลก แล้วเขาจะทำลายวิญญาณชะตากรรมได้อย่างไรหากปราศจากความช่วยเหลือจากวิญญาณแห่งความรัก”

“หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน กองกำลังพันธมิตรผีดิบถูกกำจัดออกไป เหลือสมาชิกนิกายเงาเพียงไม่กี่คนและเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ถูกขังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้คนที่หลบหนีจากโชคชะตาจำนวนมากถูกทำลาย วิญญาณชะตากรรมจึงฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เป็นตัวช่วยที่ดี”

ราชันมังกรหยุดพักก่อนกล่าวต่อ “อย่างไรก็ตามกระทั่งวิญญาณชะตากรรมจะฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่วังสวรรค์ของเรายังไม่สามารถกู้คืนความรุ่งโรจน์ในอดีต”

“นี่…เป็นเพราะเทพอมตะตะวันเดือดงั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยอนุมานและได้รับคำตอบทันที

ราชันมังกรสูดหายใจลึก “ถูกต้อง ในอดีตโชคชะตาไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ตราบเท่าที่พวกเรามีวิญญาณชะตากรรม วังสวรรค์จะมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ แต่ตอนนี้มีเส้นทางแห่งโชคเกิดขึ้นเนื่องจากเทพอมตะตะวันเดือด โชคเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน”

“แม้วิญญาณชะตากรรมจะฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่เราไม่สามารถควบคุมความไม่แน่นอน มีเพียงการควบคุมเส้นทางแห่งโชคเท่านั้นที่จะทำให้วังสวรรค์กลายเป็นกฎของห้าภูมิภาคอย่างแท้จริง”

“ดังนั้นท่านราชันมังกรจึงถ่ายทอดคำสั่งให้ผู้อมตะระดับสูงจากสิบนิกายโบราณเดินทางไปภาคเหนือและช่วงชิงวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ หากพวกเราได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้ วังสวรค์จะสามารถควบคุมโชค?” เทพธิดาจื่อเว่ยถาม

ราชันมังกรพยักน้าและส่ายศีรษะ “เทพอมตะตะวันเดือดมีมรดกที่แท้จริงสามอย่าง โชคของตนเอง โชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และโชคแห่งสวรรค์พิภพ วิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์เป็นหนึ่งในมรดกโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด มันจะดูดซับโชคจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบๆ”

“ลองมองไปที่หม่าหงหยุน ผลกระทบของวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ส่งผลกระทบต่อผู้คนรอบข้างเขา มันดูดซับโชคจากผู้คนเหล่านั้นและนำมาให้หม่าหงหยุน นั่นเป็นเหตุผลที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นวิญญาณอมตะระดับแปด โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมมันต่ำมาก”

“วิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์อาจเป็นวิญญาณอมตะระดับแปดแต่พลังอำนาจของมันถือเป็นกึ่งระดับเก้า หากวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์มีเวลาดูดซับโชคจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบๆมากพอ มันจะมอบโชคที่ยิ่งใหญ่ให้กับคนผู้หนึ่ง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เทพอมตะตะวันเดือดตั้งชื่อมันว่าโชคชะตาท้าทายสวรรค์ มันเป็นสิ่งที่สามารถท้าทายสวรรค์พิภพอย่างแท้จริง!”

“เป็นเช่นนั้น” ได้ยินคำกล่าวของราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ยเกิดความเข้าใจมากขึ้น

แม้ราชันมังกรจะมาจากยุคดึกดำบรรพ แต่ระหว่างการจำศีล เขาได้ตื่นขึ้นหลายครั้งและได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่สูญหายไปแล้วตามกาลเวลา

ราชันมังกรกล่าวต่อ “หากเราได้รับวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ มันก็เหมือนกับเราได้รับการบ่มเพาะครึ่งชีวิตของเทพอมตะตะวันเดือด”

“ในอนาคตหากเรามีโอกาส เราต้องค้นหาโชคแห่งสวรรค์พิภพเพื่อควบคุมเส้นทางแห่งโชคทั้งหมด”

“เมื่อวิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ วังสวรรค์จะกลายเป็นผู้ปกครองโลกอย่างแท้จริง”

“หากพวกเราสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งโชคกับวิญญาณชะตากรรม พวกเราอาจสามารถสร้างวิญญาณอมตะระดับสิบ พรหมลิขิต! ด้วยวิธีนี้วังสวรรค์จะเข้าใจเจตจำนงสวรรค์อย่างลึกซึ้ง เราจะเป็นผู้ปกครองจักรวาลทั้งหมด!”

ราชันมังกรกล่าวอย่างแผ่วเบาแต่ในตอนท้ายดวงตาของเขากลับส่องประกายด้วยความคลั่งไคล้และร้อนแรง

“วิญญาณอมตะระดับสิบ!?” กระทั่งผู้อมตะระดับเทพธิดาจื่อเว่ยก็ยังรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อได้ยินความลับดังกล่าว

“เหนือระดับเก้ามีระดับสิบอยู่จริงงั้นหรือ?” เทพธิดาจื่อเว่ยถามด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท