เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1236

ตอนที่ 1236

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1236 การบ่มเพาะเป็นเรื่องสนุก

แปลโดย iPAT

ทัศนคติของเหยากวงมั่นคงมาก

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูหัวเราะ “ไม่จำเป็นต้องกังวล ชูตู๋เข้าใจเรื่องนี้และได้พูดคุยกับข้าแล้ว เขาสามารถยอมรับประเด็นนี้”

“ดีแล้ว” เหยากวงพยักหน้า

ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่พวกเขาจะบินลงมาจากสวรรค์สีขาว

จากนั้นพวกเขาก็ประกาศว่าเหยากวงชนะการต่อสู้อย่างฉิวเฉียด งานประลองทุ่งโลหิตจบลงด้วยชัยชนะของตระกูลฮวงจิน

ใบหน้าของผู้อมตะนิกายชูและเผ่าไป่ซูกลายเป็นน่าเกลียด มีเพียงชูตู๋ที่ยังสงบนิ่ง เขาคาดเดาสิ่งไว้แล้วตั้งแต่แรก

ในทางตรงข้ามผู้อมตะตระกูลฮวงจินอยู่ในอารมณ์ที่สนุกสนาน

ไม่มีการกล่าวถึงรายละเอียด แต่งานประลองทุ่งโลหิตก็ทำให้ความโกลาหลในภาคเหนือจนสิ้นลง

…..

ภาคใต้ อาณาจักรแห่งความฝัน

ลึกลงไปในทะเลที่มืดมิด

ฟางหยวนเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลจากฝูงมังกรใต้ทะเล

มังกรทะเลแต่ละตัวมีพลังการต่อสู้เท่ากับสัตว์อสูรเดียวดาย

มีมังกรทะเลหลายร้อยหรือหลายพันตัวเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ

ตอนนี้ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เผชิญหน้ากับมังกรทะเลฝูงนี้ เขาไม่สามารถทำสิ่งใด

‘สิ่งที่ยากลำบากที่สุดคือข้าต้องสังหารมังกรทะเลทั้งหมดเพื่อผ่านฉากที่เก้าของอาณาจักรแห่งความฝัน’

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น

หากนี่เป็นความจริง มันก็ยังไม่แน่ชัดว่าเขาจะสามารถหลบหนีจากสถานการณ์นี้หรือไม่

แต่ในอาณาจักรแห่งความฝันมีกฎที่เฉพาะเจาะจงมาก หากฟางหยวนต้องการหลบหนี เขาจะล้มเหลวในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้

ฟางหยวนไม่มีทางเลือก!

‘การสังหารมังกรทะเลทั้งหมดโดยพื้นฐานของข้าในอาณาจักรแห่งความฝันแห่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้!’

ดังนั้นสิ่งเดียวที่ฟางหยวนสามารถทำได้มีเพียงท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

‘แต่มังกรทะเลมีมากเกินไป ตอนนี้ข้าสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้ไม่เกินสิบครั้ง มันไม่สามารถแก้ปัญหานี้’

‘ดูเหมือนฉากนี้จะเป็นฉากสุดท้ายของอาณาจักรแห่งความฝัน’

ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจน

อาณาจักรแห่งความฝันส่วนใหญ่เป็นสถานการณ์จำลองประสบการณ์ของเจ้าของความฝัน อย่างไรก็ตามอาจมีบางอาณาจักรแห่งความฝันที่แปลกประหลาดและต่างออกไป

ฟางหยวนกำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันที่มาจากประสบการณ์จริงของเจ้าของความฝัน แต่ความรุนแรงของมันดูเหมือนจะเกินความเป็นจริงไปมาก

‘ผู้อมตะผู้นี้เคยเป็นผู้ใช้วิญญาณของนิกายเทพยุทธ์อมตะ’

‘เขามีพรสวรรค์ที่ดี แต่หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เขาก็ไม่น่าทึ่งอีกต่อไป’

‘นิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลางจะสนับสนุนผู้อมตะที่โดดเด่น แต่คนผู้นี้ยังห่างไกลจากจุดนั้น โดยปราศจากความแข็งแกร่งหรือวิธีการที่ทรงพลัง มันยากที่จะได้รับแต้มผลงานของนิกาย ดังนั้นเขาจึงได้รับทรัพยากรไม่มากนักและเป็นเหตุผลที่เขาต้องออกมาสำรวจทะเลตะวันออก’

‘หลังจากก้าวข้ามกำแพงภูมิภาค มิติช่องว่างของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากนั้นเขาได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังมังกรและเดินทางมาที่นี่ สุดท้ายเขาตายจากการโจมตีของฝูงมังกรทะเล’

คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเลือกที่จะยอมแพ้

เขาออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน

โดยปกติแล้วยิ่งลึกเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน ผลประโยชน์ของมันก็จะมากขึ้นหลังจากผ่านฉากนั้นๆ

แต่ฟางหยวนเลือกที่จะล่าถอยอย่างชาญฉลาด

เขาจะไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันอย่างไร้ประโยชน์ที่นี่

ฟางหยวนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงและใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณของตน

กึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี!

ระดับความสำเร็จของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง

แต่มันเพียงพอแล้วสำหรับการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ที่อยู่ในเมืองจิ๋วเพราะพวกมันเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเท่านั้น

‘มันจะดีที่สุดหากข้าสามารถยกระดับความสำเร็จทุกเส้นทางอย่างน้อยก็ระดับผู้เชี่ยวชาญ’

‘ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกทั้งหมด’

‘แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกจะช่วยเพิ่มการบ่มเพาะของข้าเพียงเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ของมันยังถือว่าโดดเด่นมาก’

ฟางหยวนคิด

จากนั้นเขาก็เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองและหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันอีกครั้ง

แน่นอนว่าเขาแบ่งเวลาในการอนุมานสิ่งต่างๆเช่นกัน

หลายวันที่ผ่านมาเขาได้รับแรงบันดาลใจที่จะผสานท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเข้ากับท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบ

การอนุมานของฟางหยวนเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากทั้งหมดเขาไม่ขาดแคลนความสำเร็จบนเส้นทางความแข็แกร่ง เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง หรือเส้นทางแห่งปัญญา แม้ทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาจะขาดไปเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา

เทพธิดากระต่ายขาวมาพบฟางหยวนเพื่อรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาสรวมถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเขาตลอดเวลา

ตอนนี้นางก็อยู่ที่นี่

ฟางหยวนนั่งอยู่บนเบาะ เขากล่าวโดยไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้น “ข้ากำลังฟังอยู่”

ฟางหยวนฟังรายงานจากเทพธิดากระต่ายขาวและอนุมานเกี่ยวกับสถานการณ์ของตนเองในเวลาเดียวกัน

เขาทำงานหลายอย่างพร้อมกัน!

ในฐานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดาย

เทพธิดากระต่ายขาวกล่าวรายงานขณะที่นางมองใบหน้าของฟางหยวนด้วยความรักอันสุดซึ้ง

แต่ฟางหยวนไม่เคยเปิดเปลือกตาขึ้นมามองนาง นี่ทำให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

‘เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว’ ฟางหยวนกล่าวเบาๆ

เทพธิดากระต่ายขาวทำได้เพียงจากไปอย่างช้าๆเท่านั้น

นอกห้อง วูอันรออยู่นานแล้ว

“เทพธิดาเชิญทางนี้” ทัศนคติของวูอันที่มีต่อเทพธิดากระต่ายขาวสุภาพมาก

เทพธิดากระต่ายขาวได้รับอนุญาตให้เข้าพบฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่าเขายังชื่นชอบนางอยู่ ดังนั้นวูอันจึงให้ความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก เพราะนางเป็นความหวังของธุรกิจซื้อขายโอกาส

เทพธิดากระต่ายขาวรู้สึกกังวลเล็กน้อย นางถามวูอัน “วูอัน ท่านวูอี้ไห่บ่มเพาะตลอดเวลาเลยงั้นหรือ?”

วูอันตะลึง “ท่านหมายถึงสิ่งใด?”

เทพธิดากระต่ายขาวถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง “ท่านวูอี้ไห่บ่มเพาะอย่างหนัก เขาไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว แม้เขาจะฟังรายงานของข้า เขาก็ยังไม่หยุดบ่มเพาะ เขาเป็นเช่นนี้ตลอดเลยหรือ?”

วูอันกระพริบตา “เทพธิดา ข้าขอกล่าวตามความจริง แม้ข้าจะไม่เคยเห็นท่านวูอี้ไห่บ่มเพาะ แต่ข้าก็สามารถบอกได้หลายสิ่ง ท่านวูอี้ไห่เป็นผู้ฝึกตนที่ขยันที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาตลอดชีวิต ท่านไม่สนใจสิ่งอื่นใดและบ่มเพาะอยู่ในห้องตลอดเวลาโดยไม่ออกมา นี่เป็นไปไม่ได้สำหรับข้า”

เทพธิดากระต่ายขาวกังวลมากขึ้น “ถูกต้อง แต่ข้าเป็นห่วงท่านวูอี้ไห่ การฝึกหนักอาจทำให้ท่านได้รับอันตราย หากฝืนตนเองมากเกินไป สภาพจิตใจของท่านอาจพังทลายลง วูอัน หากมีโอกาส เจ้าต้องพูดคุยกับท่านวูอี้ไห่”

วูอันคิดก่อนตอบ “ท่านได้พบกับเขามากกว่าข้า แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้”

แต่เขายังพยักหน้า “หากข้ามีโอกาส ข้าจะคุยกับท่านวูอี้ไห่เกี่ยวกับเรื่องนี้”

ฟางหยวนวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากเทพธิดากระต่ายขาว

เขาเข้าใจสถานการณ์ของภาคใต้อย่างชัดเจนเพราะเหตุนี้

สรุปแล้วภาคใต้ค่อนข้างสงบ

แม้วูตู๋ซิ่วจะเสียชีวิตและตระกูลวูจะเหลือผู้อมตะระดับแปดเพียงหนึ่ง แต่วูหยงยังแสดงความแข็งแกร่งและทักษะทางการเมืองที่ยอดเยี่ยมหลังจากกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูล

แม้ตระกูลปาและตระกูลอื่นๆจะเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด

ค่ายกลวิญญาณยังเงียบสงบ ธุรกิจซื้อขายโอกาสดำเนินต่อไปและทำกำไรอย่างลับๆ ผู้คนที่มีส่วนร่วมรู้สึกมีความสุข นอกจากนั้นกลุ่มคนที่ไม่ได้เข้าร่วมก็สามารถเพียงเฝ้ามองอยู่ในระยะไกลเท่านั้น

‘งานประลองทุ่งโลหิตของภาคเหนือสิ้นสุดลงแล้ว นิกายชูกลายเป็นเผ่าชู เผ่าไป่ซูยังคงอยู่ ขณะที่กองกำลังตระกูลฮวงจินได้รับชัยชนะรวมถึงทรัพยากรมากมาย’

‘ด้วยวิธีนี้ภาคเหนือจึงเกิดเสถียรภาพเช่นกัน’

‘ทะเลตะวันออก ทะเลทรายตะวันตก และภาคกลางมีข้อมูลเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ข้าได้รับข้อมูลเหล่านี้มาจากสวรรค์สีเหลือง แต่ตอนนี้พวกมันก็ค่อนข้างสงบ’

ในความเป็นจริงสถานการณ์ที่สงบสุขพบได้บ่อยที่สุด

หลังจากทั้งหมดผู้ใดจะต้องการต่อสู้เสี่ยงตายหากมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข?

สำหรับความสับสนวุ่นวายของภาคเหนือ มันมีต้นเหตุมาจากการพังทลายลงของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง

มีเพียงสงครามห้าภูมิภาคเท่านั้นที่จะทำให้โลกทั้งใบตกสู่ความโกลาหลอย่างแท้จริง

สถานการณ์ปัจจุบันยังสงบมาก

นี่เป็นเรื่องดีสำหรับฟางหยวน

เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันของตนเองและหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันต่อไป

ท่ามกลางภูเขาสีเขียว ขบวนสินค้าพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว

“บึม!”

แสงจันทร์เสี้ยวเคลื่อนผ่านก้อนหินด้านหน้าและปะทะกับกิ่งไม้ด้านหลังอย่างแม่นยำ

กิ่งไม้ถูกตัดออกทันที

“หลังจากฝีกฝนมาหลายวันในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จ” ร่างกายของฟางหยวนปกคลุมไปด้วยเหงื่อแต่เขาแสดงออกอย่างมีความสุข

“เด็กน้อย ไม่เลว” ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาเดินเข้ามาหาฟางหยวน

“ลุงเครา ขอบคุณที่สอนสิ่งนี้!” ฟางหยวนยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาสดใสราวกับเด็กน้อย

ผู้ใช้วิญญาณเคราหนาเกือบตาบอดด้วยแสงสว่างที่ส่องประกายออกมาจากดวงตาของฟางหยวน เขาถามด้วยความสับสน “คนทั่วไปต้องฝึกฝนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้นก่อนจะประสบความสำเร็จ แต่เจ้าตื่นเช้าและนอนดึก เจ้าฝึกฝนอย่างหนัก เพียงไม่กี่วันเจ้าก็บรรลุถึงจุดนี้ น่าสนใจ”

ฟางหยวนกำหม้ดแน่นและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “แน่นอน ท่านลุง ท่านไม่คิดว่ามันน่าอัศจรรย์และน่าเหลือเชื่องั้นหรือ? มนุษย์สามารถโจมตีโดยการปล่อยคลื่นจากฝ่ามือ การบ่มเพาะเป็นเรื่องสนุกจริงๆ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท