เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1241

ตอนที่ 1241

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1241 การเดินทางในสวรรค์สีดำ

แปลโดย iPAT

จ้าวเหลียนหยุนยืนอยู่ชั้นบนสุดของหอคอยวายุและกำลังมองออกไปด้านนอกเพียงเพื่อที่จะเห็นสวรรค์สีดำอันมืดมิด

แต่มันยังมีแสง

จุดแสงเล็กๆจำนวนมากปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของจ้าวเหลียนหยุน

สวรรค์สีดำมีขนาดใหญ่โตมาก มันมีพื้นที่เท่ากับห้าภูมิภาครวมกัน

“ในที่สุดเราก็ผ่านกำแพงสวรรค์และเข้าสู่สวรรค์สีดำ”

“นี่คือสวรรค์สีดำงั้นหรือ? มันดูเงียบสงบมาก”

ผู้อมตะที่อยู่รอบๆเริ่มสนทนา

มีผู้คนอยู่บนชั้นนี้มากกว่าจ้าวเหลียนหยุนและปู้เจิ้งซือ

“เราเข้าสู่สวรรค์สีดำแล้ว” เว่ยหลิงหยางถ่ายทอดเสียงไปยังผู้อมตะระดับแปดอีกสองคน

ตอนนี้คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังสลับตำแหน่งกันอีกครั้ง

ค่ายนักรบเป็นผู้นำโดยมีศาลานกขมิ้นและหอคอยวายุติดตามอยู่ด้านหลังตามลำดับ

ผู้อมตะระดับหกและเจ็ดไม่เคยเข้าสู่สวรรค์สีดำมาก่อน พวกเขาไม่รู้ถึงอันตราย แต่เว่ยหลิงหยาง นักรบหมื่นมังกร และไป่เฉินเทียนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

สวรรค์ทั้งเก้าเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะระดับแปดเท่านั้นที่สามารถเข้าไปและสำรวจทรัพยากร

ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นฟงจิวเก้อหรือชูตู๋อาจเข้ามาได้แต่ยังมีความเสี่ยงสูง

โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังยังเคลื่อนที่ได้ช้าลงมาก

นอกจากนี้พวกมันยังไม่สว่างไสวเช่นก่อนหน้าแต่ดูเหมือนหินสีเทาที่ไร้ชีวิตชีวา

การสนทนาของกลุ่มผู้อมตะหยุดลงในที่สุด

หอคอยวายุตกอยู่ในความเงียบ

“ดูเหมือนเราจะโชคดีทีเดียว” ไป่เฉินเทียนกล่าว

“เราต้องระวังตัวตลอดเวลา” นักรบหมื่นมังกรยังระวังตัว

เว่ยหลิงหยางกล่าว “มีฝูงสัตว์อสูรอยู่ด้านหน้า!”

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามเคลื่อนที่ช้าลง แม้จะมีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน แต่พวกเขายังต้องระวังตัว

เสียงดังเข้าหูจ้าวเหลียนหยุนในไม่ช้า

“พวกมันคือสิ่งใด?”

“พวกมันดูเหมือนหมูป่า!”

ผู้อมตะหลายคนยืนพิงหน้าต่างและมองออกไปด้านนอก

ในไม่ช้าผู้อมตะทั้งหมดก็อ้าปากค้าง

พวกเขาเห็นหมูป่าฝูงใหญ่อยู่ด้านหน้า หมูกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า? ผู้อมตะเกิดความรู้สึกที่แตกต่าง แต่ทั้งหมดล้วนตกตะลึง

“นี่คือหมูป่าเหินเวหา สวรรค์ ช่างมีมากมายนัก”

“หมูป่าเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด มันหาได้ยากในห้าภูมิภาค แต่ที่นี่กลับมีพวกมันอยู่หลายร้อยตัว”

“โชคดีที่สัตว์อสูรมีสติปัญญาต่ำ พวกมันไม่ฉลาดเหมือนมนุษย์”

ผู้อมตะรู้สึกดีใจท่ามกลางความตกใจ

หมูป่าเหล่านี้ส่งเสียงดังขณะบินอยู่บนท้องฟ้า ภายใต้การจ้องมองของกลุ่มผู้อมตะ ราชาหมูป่าเหินเวหาที่มีร่างกายใหญ่โตที่สุดกระทืบเท้าของมันและพุ่งเข้าไปในกำแพงสวรรค์

หลังจากนั้นฝูงหมูป่าที่เหลือก็ติดตามราชาของพวกมันไปอย่างรวดเร็ว

พวกมันว่องไวเหมือนปลาที่บินอยู่บนท้องฟ้า

ในไม่ช้าฝูงหมูป่าก็หายไปจากมุมมองสายตาของทุกคน

ปู้เจิ้งซือที่ยืนอยู่ด้านข้างจ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ “ธรรมชาติเป็นสิ่งมหัศจรรย์และน่าเหลือเชื่อ พวกเราเดินทางข้ามกำแพงสวรรค์อย่างยากลำบาก แต่หมูป่าเหล่านั้นกลับเคลื่อนไหวในกำแพงสวรรค์ได้ราวกับปลาในมหาสมุทร”

เสียงสายหนึ่งดังแทรกเข้ามา “แท้จริงแล้วผู้อมตะในอดีตตระหนักถึงสิ่งนี้มาก่อน พวกเขาใช้ร่างกายของหมูป่าเหินเวหาหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณเพื่อช่วยผู้อมตะในการเดินทางผ่านกำแพงสวรรค์”

ปู้เจิ้งซือและจ้าวเหลียนหยุนหันไปรอบๆเพื่อพบกับผู้อมตะหนุ่มที่ดูงดงามเหมือนผู้หญิงยืนอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ

ดวงตาของปู้เจิ้งซือส่องประกายขึ้น เขาจำคนผู้นี้ได้

ผู้อมตะหนุ่มป้องหมัดขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้ม “ข้าคืออวี๋อี้เย่ซือจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล คารวะผู้อาวุโสปู้เจิ้งซือและผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณเทพธิดาจ้าว”

“อวี๋อี้เย่ซือ เจ้าอาจเป็นผู้อมตะระดับหก แต่ความสามารถของเจ้าสูงมาก ผู้อมตะระดับเจ็ดยังต้องไปหาเจ้าเพื่อขอให้เจ้าหลอมรวมวิญญาณหรือแก้ไขเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ เจ้าเป็นผู้อมตะระดับหกบนจุดสูงสุดอย่างแท้จริง” ปู้เจิ้งซือกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม แต่สิ่งสำคัญที่สุดเขากำลังบอกข้อมูลเหล่านี้แก่จ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนไม่ค่อยรู้จักผู้อมตะภาคกลางมากนัก

“ท่านอวี๋อี้เย่ซือ” จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าให้ผู้อมตะหนุ่มก่อนถาม “จากคำกล่าวของท่าน เหตุใดเราไม่ใช้วิญญาณอมตะเหล่านั้นเพื่อเดินทางข้ามกำแพงสวรรค์?”

อวี๋อี้เย่ซือหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะยุคของพลังปราณและความแข็งแกร่งสิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเหล่านั้นสูญหายไปตามกาลเวลาและไม่มีวัสดุที่สามารถหลอมรวมพวกมัน นอกจากนั้นเพียงวิญญาณอมตะดวงเดียวจะทำให้ผู้คนสามารถเข้ามาสำรวจสวรรค์ทั้งเก้างั้นหรือ? เหตุใดจึงมีเพียงผู้อมตะระดับแปดที่สามารถเข้ามา?”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของผู้อมตะบางคนที่อยู่ริมหน้าต่างดังขึ้นอีกครั้ง

จ้าวเหลียนหยุนหันกลับไปมองและเห็นก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

“เมฆสีดำพบเห็นได้ทั่วไปในสวรรค์สีดำ แท้จริงแล้วในก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ยังมีสัตว์อสูรหรือพืชอสูรที่น่ากลัวอาศัยอยู่” อวี๋อี้เย่ซืออธิบาย

กระทั่งเมฆสีดำขนาดเล็กเหล่านี้ยังใช้เวลาหลายนาทีก่อนที่มันจะเคลื่อนที่ผ่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังไป

อวี๋อี้เย่ซือมีความรู้ที่กว้างขวาง แม้แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นปู้เจิ้งซื่อยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่อวี๋อี้เย่ซื่กลับต้องคำถามของจ้าวเหลียนหยุนได้เกือบทั้งหมด

ทั้งสองสนทนากันมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปบรรยากาศจึงเริ่มผ่อนคลายลง

หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามยังพบกับเมฆสีดำอีกมากมายระหว่างทาง โดยปราศจากท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่ทรงพลัง คนผู้หนึ่งอาจบินเข้าไปหาพวกมันโดยไม่รู้ตัว

เมฆสีดำเหล่านี้เหมือนเกาะโดดเดี่ยวที่อยู่กลางมหาสมุทร

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามคนเฝ้ามองพวกมันอย่างใกล้ชิกและพยายามไม่นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะของพวกเขาเข้าไปในเมฆสีดำเหล่านี้

กล่าวได้ว่าพวกเขาต้องใช้ทางอ้อมและใช้เวลาเดินทางมากขึ้น

อย่างไรก็ตามกระทั่งผู้คนจะต้องการหลีกเลี่ยงปัญหา แต่บางครั้งปัญหาก็เข้ามาหาพวกเขาด้วยตัวของมันเอง

เสียงดังขึ้นก่อนที่ฝูงอสรพิษสีดำจะบินออกมาจากเมฆสีดำและพุ่งเข้าโจมตีคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสาม

อสรพิษสีดำเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย ผู้นำฝูงของพวกมันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล

“เป็นไปได้อย่างไร? พวกเราไม่ควรอยู่ในระยะการโจมตีของฝูงอสรพิษทมิฬเหล่านี้” เว่ยหลิงหยางรู้สึกประหลาดใจ

“สู้หรือถอย?” ไป่เฉินเทียนถาม

เว่ยหลิงหยางคิดก่อนกล่าว “ถอย เราควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้เพื่อรักษาความแข็งแกร่ง”

“แต่การถอยกลับไม่ใช่เรื่องง่าย นี่คืออสรพิษทมิฬ” นักรบหมื่นมังกรถ่ายทอดเสียง

เมื่ออสรพิษทมิฬออกล่าเหยื่อ พวกมันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามบินอย่างรวดเร็วแต่ฝูงอสรพิษทมิฬยังติดตามมาอย่างไม่ลดละ

ไม่เพียงเท่านั้นแต่จำนวนของพวกมันยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“อสรพิษมากมายนัก!”

“เมฆสีดำนั่นคือถ้ำอสรพิษ!”

“ข้าสงสัยว่าผู้อมตะระดับแปดทั้งสามจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”

“ในความคิดเห็นของข้า เราควรต่อสู้ เรามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะถึงสามหลัง!”

“ถูกต้อง อสรพิษทมิฬเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพิษ นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นวัสดุในการหลอมรวมที่สามารถใช้หลอมรวมวิญญาณอมตะสายรักษา”

กลุ่มผู้อมตะในคฤหาสน์วิญญาณอมตะพูดคุยและแสดงความคิดเห็น

แต่สามผู้อมตะระดับแปดยังคงหลบหนี พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้

พวกเขาบินต่อไปเช่นนี้

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามพยายามถอยหลังแต่อสรพิษทมิฬอีกฝูงกลับปรากฏขึ้น นอกจากนี้ยังมีฝูงยุงหมีเพิ่มเข้ามาก

ยุงเหล่านี้มีร่างกายใหญ่โตเหมือนหมี พวกมันมีปากที่น่ากลัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือจำนวนของพวกมัน! พวกมันมีจำนวนมากกว่าฝูงอสรพิษทมิฬอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังถูกปิดล้อมโดยฝูงยุงหมีเอาไว้อย่างสมบูรณ์

ยุงหมีแต่ละตัวเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย

สัตว์อสูรเดียวดายหลายหมื่นตัว! หากพวกมันโจมตีพร้อมกันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?

น่ากลัวมาก!

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้ แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาต้องหุบปากลงและตระหนักถึงอันตรายของสวรรค์สีดำ

โชคดีที่พวกเขามีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังและได้รับการปกป้องจากผู้อมตะระดับแปด มิฉะนั้นพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือกระทั่งล้มตายเพราะการโจมตีของฝูงยุงหมีเหล่านี้

หลังจากบินต่อมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาเริ่มเห็นแสงดาวอยู่ด้านหน้า

เหนือเมฆสีดำมีทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวพร้อมกับฝูงแมลงจำนวนนับไม่ถ้วน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหยุดลงเป็นครั้งแรก ผู้อมตะหลายคนถูกส่งออกไปเก็บเกี่ยวหญ้าสะเก็ดดาวและทรัพยากรอื่นๆ

“ทุกคนรู้สึกหรือไม่?” เว่ยหลิงหยางถ่ายทอดเสียง

“อืม การเดินทางในสวรรค์สีดำครั้งนี้ราบรื่นเป็นพิเศษ ข้าไม่เคยพบสถานการณ์เช่นนี้” ไป่เฉินเทียนถอนหายใจ

นักรบหมื่นมังกรกล่าวต่อ “บางทีสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยหม่าหงหยุนก็คือการดำรงอยู่ของจ้าวเหลียนหยุน มันส่งผลต่อโชคของพวกเรา เมฆเหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไร้รูปแบบ กระทั่งเจตจำนงสวรรค์ก็ไม่สามารถแทรกแซง ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโชค”

เว่ยหลิงหยางพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท