เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1244

ตอนที่ 1244

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1244 พายุเมฆาดาว

แปลโดย iPAT

กองทัพมดขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถม ท่ามกลางพวกมันยังมีอสูรวิญญาณปะปนอยู่ด้วย

สิ่งสำคัญที่สุคดคือมันมีกระทั่งอสูรวิญญษณระดับสัตว์อสูรบรรพกาลและสัตว์อสูรแรกกำเนิด กลุ่มผู้อมตะยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะป่าอีกมากมาย

“อสูรวิญญาณแรกกำเนิดห้าตัว!”

“พวกเราพึ่งพบโคมทมิฬแต่ตอนนี้พวกเขากลับพบกองทัพสัตว์อสูรอีกครั้ง!”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามลอบสนทนา

พวกเขารู้สึกสังหรณ์ร้าย โชคของพวกเขาเลวร้ายเกินไป นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัยมาก

เว่ยหลิงหยางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดูเหมือนนับจากนี้เป็นต้นไปพวกเราต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้”

“บัดซบ!” ไป่เฉินเทียนกำหมัดแน่น “ตั้งแต่เทพปีศาจบัวแดงทำลายวิญญาณชะตากรรม ดวงวิญญาณจำนวนมากสามารถหลบหนีจากประตูแห่งชีวิตและความตายและกลับสู่โลกใบนี้ หลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณปกครองโลก ดวงวิญญาณจำนวนมากกลายเป็นอสูรวิญญาณ ตอนนี้สวรรค์สีดำเต็มไปด้วยอสูรวิญญาณ เมื่อใดกันที่พวกเราจะสามารถกวาดล้างพวกมันและทำให้โลกกลับสู่รูปแบบที่ควรจะเป็น!?”

“เร็วๆนี้!” นักรบหมื่นมังกรกล่าว “หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ผีดิบอมตะส่วนใหญ่ถูกกำจัดไปแล้ว นั่นทำให้วิญญาณชะตากรรมฟื้นตัวขึ้นมาก ตอนนี้ยายชากำลังรักษามันอยู่และมีความคืบหน้าไปมากแล้ว”

เว่ยหลิงหยางส่ายศีรษะ “อย่าพึ่งพูดคุย กองทัพอสูรวิญญาณกำลังมา สิ่งสำคัญที่สุดคือพยายามหลบหนีจากพวกมัน!”

นักรบหมื่นมังกรถอนหายใจ “วิธีที่ดีที่สุดคือท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ ผนึกศักดิ์สิทธิ์ หรือผนึกภูตผีสามารถซ่อนตัวจากการตรวจจบของอสูรวิญญาณ แต่ตอนนี้มาลองใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรล่องนภาของข้ากันเถอะ”

“แต่ในกรณีนี้ข้าต้องนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังและผู้อมตะอีกมากมายไปพร้อมกันด้วย ดังนั้นเมื่อข้าใช้ท่าไม้ตายนี้ ข้าจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกสามวัน”

ทั้งสามพูดคุยและตัดสินใจใช้วิธีของนักรบหมื่นมังกร

เสียงมังกรคำรามดังขึ้น

ภูตมังกรจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกไปและโอบล้อมคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังเอาไว้

จากนั้นพวกมันก็นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังออกเดินทาง

กองทัพอสูรวิญญาณส่งเสียงคำรามอย่างดุเดือด พวกมันพยายามปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของฝ่ายตรงข้าม

แต่ท่าไม้ตายอมตะของนักรบหมื่นมังกรยอดเยี่ยมมาก มันนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะทะลวงฝ่าวงล้อมของอสูรวิญญาณและสามารถหลบหนีได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามกองทัพอสูรวิญญาณยังไล่ล่าอย่างไม่ยอมแพ้ พวกมันติดตามไปอย่างใกล้ชิด

นักรบหมื่นมังกรไม่กล้าหยุดใช้งานท่าไม้ตายอมตะมังกรล่องนภา เขาต้องกัดฟันและกระตุ้นใช้งานมันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสองฝ่ายไล่ล่ากันเป็นเวลาหกชั่วโมงกระทั่งกองทัพอสูรวิญญาณยอมแพ้ไปในที่สุด

“หลังจากนี้ข้าต้องพักเป็นเวลาเจ็ดวัน ระหว่างนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว” ใบหน้าของนักรบหมื่นมังกรกลายเป็นซีดขาว ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับเขาใช้พลังงานเกินขีดจำกัด

หลังจากหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะ นักรบหมื่นมังกรก็ทิ้งตัวลงและเข้าสู่ห้วงนิทรา

ดวงตาของเขาปิดแน่นและยังกรนเสียงดัง

เสียงกรนของเขาเหมือนเสียงมังกรคำราม

ในขณะที่เขาหลับมีหมอกหนาทึบปรากฏขึ้นรอบตัวเขา

หมอกหนาเริ่มก่อตัวเป็นรังไหม สองชั่วโมงต่อมา รังไหมเปลี่ยนเป็นไข่มังกรสีขาวซีด

“เราสามารถหลบหนีจากกองทัพอสูรวิญญาณ”

“มันอันตรายจริงๆ”

“ท่าไม้ตายก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมาจากหนึ่งในสามผู้อมตะระดับแปดท่านนักรบหมื่นมังกร มันช่างยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามอย่างแท้จริง ข้ารู้สึกอัศจรรย์ใจนัก”

ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสาม กลุ่มผู้อมตะโห่ร้องและยกย่อง

แต่ไป่เฉินเทียนและเว่ยหลิงหยางกลับมีการแสดงออกที่น่ากลัว

นักรบหมื่นมังกรหลับสนิท พวกเขาสูญเสียหนึ่งในสามผู้อมตะระดับแปด แต่พวกเขายังมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามชะลอความลงเร็วขณะที่กลุ่มผู้อมตะช่วยกับซ่อมแซมพวกมัน

ภายในเวลาสองชั่วโมง พวกเขาพบกับจิ้งจอกจิตวิญญาณอีกหลายฝูงและยังมีฝูงยุงหมี พวกเขาต่อสู้และล่าถอยโดยใช้พลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

ทันใดนั้นริมฝีปากของไป่เฉินเทียนกลับยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ท่านเว่ยหลิงหยาง ข้าพบทุ่งราสวรรค์ขนาดใหญ่อยู่ห่างออกไปประมาณสามพันลี้จากที่นี่”

“โอ้ เช่นนั้นพวกเราจะไปพักที่นั่น” เว่ยหลิงหยางถอนหายใจ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหันหลังกลับและบินไปยังทุ่งราสวรรค์

“ที่นี่คือที่ใด? พวกเราปลอดภัยแล้วงั้นหรือ?” จ้าวเหลียนหยุนมองออกไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้อมตะหลายคนออกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและเดินเข้าสู่ทุ่งราสวรรค์

อวี๋อี้เย่ซื่อยิ้มและอธิบาย “สวรรค์ทั้งเก้ามีจุดพิเศษของตัวมันเองเช่นเดียวกับปรากฏการณ์โคมทมิฬซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสวรรค์สีดำ แต่ในสวรรค์ทั้งเก้าก็มีบางสิ่งที่เหมือนกันเช่นหมูป่าเหินเวหาหรือทุ่งราสวรรค์”

“ทุ่งราสวรรค์จะก่อตัวขึ้นในสวรรค์ทั้งเก้า ทุ่งราสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะระดับหก สิ่งสำคัญที่สุดคือมันจะเติบโตขึ้นด้วยตัวของมันเองโดยไม่พึ่งพาพลังงานแห่งเต๋าหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ แม้แต่หินก็ไม่มีอยู่ที่นี่ ดังนั้นทุ่งราสวรรค์จึงถือเป็นสถานที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับการพักผ่อน เอาล่ะ ข้าต้องออกไปเก็บเกี่ยวเล็กน้อย นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก”

อวี๋อี้เย่ซื่อออกจากหอคอยวายุอย่างรวดเร็ว

จ้าวเหลียนหยุนไม่สนใจสิ่งนี้ นางพึ่งกลายเป็นผู้อมตะและยังไม่รู้ถึงความสำคัญของทรัพยากรในการบ่มเพาะ นางคิดเพียงว่าจะช่วยหม่าหงหยุนได้อย่างไร

ตอนนี้ไม่มีผู้อมตะคนใดเหลืออยู่ในหอคอยวายุอีก

“ท่านไม่ไปเก็บเกี่ยวราสวรรค์งั้นหรือ?” จ้าวเหลียนหยุนมองปู้เจิ้งซือและถาม

ปู้เจิ้งซือยิ้ม “นิกายสั่งให้ข้าปกป้องเจ้า ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าแม้แต่วินาทีเดียว”

จ้าวเหลียนหยุนเข้าใจสิ่งนี้ “หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะลงไปเช่นกัน”

ปู้เจิ้งซือส่ายศีรษะ “ขอบคุณสำหรับความคิด แต่กระทั่งเราจะยืนอยู่บนทุ่งราสวรรค์ ข้าก็จะไม่เก็บเกี่ยวพวกมัน นั่นจะทำให้ข้าเสียสมาธิ หากเกิดบางสิ่งขึ้น มันอาจสายเกินไป”

จ้าวเหลียนหยุนได้ยินสิ่งนี้และรู้สึกอบอุ่นอยู่ในหัวใจ นางกล่าวเบาๆ “ขอบคุณ”

ปู้เจิ้งซือส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก เจ้าคือผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ มันเป็นหน้าที่ของข้า”

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจและมองออกไปนอกหน้าต่างขณะกล่าวด้วยความเศร้าหมอง “สวรรค์สีดำอันตรายมาก แต่มันยังมีสถานที่ปลอดภัยเช่นนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าสวรรค์มอบทางออกให้เราสายหนึ่งเสมอ เราจะประสบความสำเร็จในการเดินทางครั้งนี้อย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”

ปู้เจิ้งซือไม่ลังเลที่จะตอบ “แน่นอน…”

แต่ในจังหวะนี้เขากลับลากเสียงยาวอย่างแปลกประหลาด

ในเวลาเดียวกันจ้าวเหลียนหยุนเห็นแสงดาวส่องประกายมาจากระยะไกล

นี่ไม่ใช่แสงที่เกิดจากโคมทมิฬ มันแตกต่างออกไป แสงชนิดนี้เหมือนแสงสะท้อนจากเพชรท่ามกลางความมืดมิด

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ “งดงามนัก”

“อันตรายมาก! ตามบันทึก มันคือ…” ปู้เจิ้งซือหน้าซีดและกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

จ้าวเหลียนหยุนเริ่มตื่นตระหนก “อันใด?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงเตือนของผู้อมตะระดับแปดดังขึ้น

กลุ่มผู้อมตะที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งกลับมาด้วยความโกลาหล

เว่ยหลิงหยางมองไปยังแสงดาวด้านหน้าและกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม “พายุเมฆาดาวขนาดใหญ่!”

ดวงดาวนับล้านดวงกำลังบินอยู่กลางอากาศเหมือนดาวตกบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน

ท่ามกลางกลุ่มดาวเหล่านี้ยังมีประกายสายฟ้าแลบลั่นอยู่รอบๆ

พายุเมฆาดาวเป็นปรากฏการณ์ที่มักเกิดขึ้นในสวรรค์สีน้ำเงิน แต่เมื่อสวรรค์สีน้ำเงินพังทลายลง ดวงดาวจำนวนมากจึงร่วงหล่นลงสู่สวรรค์สีดำ

ดังนั้นพายุเมฆาดาวจึงเกิดขึ้นในสวรรค์สีดำเช่นกัน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเคยพบเห็นพายุเมฆาดาวขนาดใหญ่โตเช่นนี้!” ใบหน้าของไป่เฉินเทียนกลายเป็นน่าเกลียด “ดูเหมือนทุ่งราสวรรค์จะป็นกับดักล่อลวงให้พวกเราเข้ามาพักผ่อนที่นี่!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท