เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1245

ตอนที่ 1245

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1245 ฝนดาวตก

แปลโดย iPAT

พายุเมฆาดาวทั้งรวดเร็วและทรงพลัง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังของภาคกลางไม่สามารถหลบหนีได้ทันเวลา

ดวงดาวจำนวนมากร่วงหล่นลงมาพร้อมกับเสียงสายฟ้าที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันเป็นภาพที่งดงามแต่ผู้คนกลับรู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นปรากฏการณ์นี้

“ข้าจะนำค่ายนักรบไปก่อน พวกเจ้าตามมาด้านหลัง” ในช่วงเวลาสำคัญเว่ยหลิงหยางตัดสินใจ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามบินเข้าสู่พายุเมฆาดาว

ต่อหน้าพายุใหญ่ คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามราวกับมดตัวน้อย

เสียงท้องฟ้าคำรามอย่างดุเดือด

“ครืน…”

หอคอยวายุสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

จ้าวเหลียนหยุนไม่สามารถยืนอยู่ได้ นางล้มลงบนพื้นและรู้สึกหวาดกลัวมาก แม้นางจะมีพลังการต่อสู้ของผู้อมตะแต่นางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากพึ่งพาคฤหาสน์วิญญาณอมตะและผู้อมตะระดับแปดเท่านั้น

แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือหนึ่งในสามผู้อมตะระดับแปดนักรบหมื่นมังกรกำลังหลับใหล โชคดีที่หอคอยวายุอยู่ภายใต้การควบคุมของไป่เฉินเทียน ดังนั้นสถานการณ์ขอมันจึงถือว่าดีกว่าศาลานกขมิ้น

อย่างไรก็ตามหน้าผากของไป่เฉินเทียนยังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาไม่กล้าผ่อนคลายแม้แต่วินาทีเดียว

เขานำหอคอยวายุเคลื่อนที่ไปในพายุเมฆาดาวและพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับดาวขนาดใหญ่

ภายใต้สถานการณ์นี้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของหอคอยวายุลดลงอย่างมาก หากมันพุ่งชนดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน มันอาจพังทลายลงในที่สุดและทุกคนจะตาย

“ผู้อมตะแข็งแกร่งและคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็มีประโยชน์ แต่เปรียบเทียบกับสวรรค์พิภพ พวกเรายังไร้นัยสำคัญ” ไป่เฉินเทียนกัดฟันแน่น “โอ้ ไม่!”

เขาไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ในที่สุดหอคอยวายุก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง

แม้การปะทะจะทำให้ดวงดาวแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่หอคอยวายุก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย มันถูกส่งลอยออกไปจากกลุ่ม

“ไป่เฉิน…เร็ว…” เสียงของเว่ยหลิงหยางดังขึ้น

แต่ท่ามกลางพายุเมฆาดาว พลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาวขัดขวางการถ่ายทอดเสียงบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่เว่ยหลิงหยางส่งไปยังไป่เฉินเทียน

ไป่เฉินเทียนได้รับข้อความที่ไม่สมบูรณ์

แต่เขารู้ว่าเว่ยหลิงหยางต้องการกล่าวสิ่งใด

เว่ยหลิงหยางต้องการให้เขาติดตามคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลังไปอย่างรวดเร็วที่สุด

ไป่เฉินเทียนไม่มีกำลังเสริม เว่ยหลิงหยางต้องปกป้องค่ายนักรบและศาลานกขมิ้น

สุดท้ายไป่เฉินเทียนก็สามารถพึ่งพาเพียงตนเองเท่านั้น

“มาดูกัน!” ไป่เฉินเทียนตะโกนและระเบิดกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมา

หอคอยวายุส่องแสงสีเขียวก่อนที่มันจะพุ่งไปข้างหน้าราวกับสายลมกรรโชกแรง

หอคอยวายุเกิดเสถียรภาพขึ้นอีกครั้ง ดวงดาวที่อยู่รอบๆถูกผลักออกไปโดยสายลมที่ห่อหุ้มหอคอยวายุเอาไว้

“นี่คือพลังอำนาจที่แท้จริงของหอคอยวายุ!” ดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือส่องประกายขึ้น

หอคอยวายุกลับสู่ความสงบ

นี่ทำให้เสียงโห่ร้องของผู้อมตะที่อยู่ภายในปะทุขึ้น

จ้าวเหลียนหยุนคลานขึ้นจากพื้นและสามารถมองเห็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนที่ผ่านไป

เมื่อดาวขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะกำแพงสายลมของหอคอยวายุ กลุ่มผู้อมตะจะกรีดร้องราวกับมนุษย์ที่กำลังประสบภัยธรรมชาติ

หอคอยวายุเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก

แม้มันจะปลดปล่อยพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้มันมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย

หอคอยวายุยังต้องหลบเลี่ยงดาวขนาดใหญ่ โชคดีที่ผู้ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้คือผู้อมตะระดับแปดไป่เฉินเทียน มิฉะนั้นมันจะยากลำบากมากขึ้น

แต่ถึงกระนั้นไป่เฉินเทียนก็ยังต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล

‘พายุเมฆาดาวลูกนี้ใหญ่โตเกินไป ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดที่พวกเราจะสามารถข้ามผ่านมันไป!’ ไป่เฉินเทียนคิดและยังส่งพลังงานอมตะให้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะทั้งหมดพยายามสนับสนุนเขารวมถึงจ้าวเหลียนหยุน

นางมีมิติช่องว่างเทียม แต่นางได้รับหินวิญญาณอมตะมาจำนวนหนึ่ง

“บึม บึม บึม”

หอคอยวายุสามารถหลบเลี่ยงดวงดาวส่วนใหญ่ แต่มันยังถูกโจมตีเป็นครั้งคราว

ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยวายุ กลุ่มผู้อมตะไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก พวกเขาทำได้เพียงส่งพลังงานอมตะของตนให้กับหอคอยวายุเท่านั้น

บรรยากาศตึงเครียดมาก

ทุกครั้งที่ดาวขนาดใหญ่ปะทะหอคอยวายุ ร่างของผู้อมตะที่อยู่ภายในจะสั่นสะท้านขึ้น

หัวใจของจ้าวเหลียนหยุนเต็มไปด้วยความกังวล นางไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายระดับนี้มาก่อน นางไม่แปลกใจหากนางจะเสียชีวิตในวินาทีต่อไป

‘หงหยุน หงหยุน…’ นางนึกถึงชื่อของชายคนรักและพึมพำอยู่ในใจ

หลังจากพึมพำชื่อของหม่าหงหยุนนับครั้งไม่ถ้วน สภาพจิตใจของนางก็เริ่มสงบลง

‘หงหยุน เจ้าเคยเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าก็กำลังทำสิ่งเดียวกัน’

‘ต่อให้ข้าตายที่นี่ ข้าก็ไม่รู้สึกเสียใจเพราะข้ามาเพื่อช่วยเจ้า!’

‘เมื่อข้าพบเจ้า ข้าจะบอกเจ้าว่าดวงดาวที่นี่ดุร้ายและอันตรายเพียงใด มันไม่โรแมนติกเลย’

ในความงุงงง จ้าวเหลียนหยุนนึกถึงอดีตของนาง

บิดาของจ้าวเหลียนหยุนเสียชีวิตในสนามรบและทิ้งนางไว้เพียงลำพัง นางถูกบังคับให้แต่งงานกับบางคน สุดท้ายนางต้องพึ่งพาหม่าหงหยุน

ค่ำคืนบนเนินดินขนาดเล็ก

หม่าหงหยุนนอนอยู่บนทุ่งหญ้ากับนาง

“คุณหนูเสี่ยวหยุน ดูนั่นเร็วเข้า มันคือฝนดาวตก!”

“น่าเบื่อ เจ้าพาข้ามาที่นี่เพื่อดูสิ่งนี้งั้นหรือ?” จ้าวเหลียนหยุนกลอกตาประชด “ช่างยอดเยี่ยมนัก”

“ฮ่าฮ่า” หม่าหงหยุนเกาศีรษะของเขา “ข้าก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่? แต่พวกเขาบอกว่าหากต้องการทำให้ผู้หญิงมีความสุข ให้พานางมาดูฝนดาวตก ที่ภาคเหนือพวกเราสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้บ่อยครั้ง”

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจและคิด ‘ข้าแก่แล้ว ข้าเกรงว่ามีเพียงเด็กผู้หญิงเท่านั้นที่จะชอบสิ่งนี้ หือ? เดี๋ยว! ร่างกายของข้ายังเด็ก ข้ายังเป็นเด็กผู้หญิง!’

หม่าหงหยุนถาม “คุณหนูเสี่ยวหยุน ฝนดาวตกเหล่านี้ทำให้อารมณ์ของท่านดีขึ้นหรือไม่?”

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจอีกครั้ง นางกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ารู้สึกดีมาก ข้ามีความสุขมาก ดูสิ ฝนดาวตกเหล่านี้ช่างงดงามนัก อา…”

ร่างกายของหม่าหงหยุนสั่นสะท้านขึ้น เขาเร่งโบกมือ “คุณหนูเสี่ยวหยุน อย่ากล่าวเช่นนั้น ข้าขนลุก!”

จ้าวเหลียนหยุนลุกขึ้นยืนและกระทืบหม่าหงหยุนทันที “ฮืม! งี่เง่า คิดแต่เรื่องผู้หญิง คิดจะจีบข้างั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!”

หม่าหงหยุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตะโกน “คุณหนูเสี่ยวหยุน หยุด! หยุด! การจีบคือสิ่งใด? ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งนั้น หากข้าทำผิดไป ข้าจะเปลี่ยนแปลง โอ้ว…หยุด! หยุดเตะข้า!”

จ้าวเหลียนหยุนเพิกเฉยต่อหม่าหงหยุนและเตะเด็กหนุ่มกลิ้งลงจากเนินเขา นางยกมือขึ้นเท้าเอวและมองไปที่หม่าหงหยุนพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ

หม่าหงหยุนได้ยินเสียงหัวเราะของนางและคิดว่า ‘ในที่สุดคุณหนูเสี่ยวหยุนก็หัวเราะ ดังคาด ฝนดาวตกทำให้นางอารมณ์ดีขึ้น อา…แต่มันเจ็บปวดมากสำหรับข้า’

ความทรงจำของจ้าวเหลียนหยุนปรากฏขึ้นในใจของนางและทำให้นางเผยรอยยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

‘หงหยุน หลังจากที่ข้าช่วยเจ้า ข้าจะเตะเจ้านับครั้งไม่ถ้วนเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง’ จ้าวเหลียนหยุนคิด

เป็นเพียงเวลานี้ที่วิญญาณแห่งความรักที่อยู่ในรูม่านตาของจ้าวเหลียนหยุนปลดปล่อยกลิ่นอายของมันออกมาด้วยความตั้งใจของตัวมันเอง

พลังงานลึกลับอันไร้รูปแบบแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ แต่ร่างกายของไป่เฉินเทียนกลับสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยความเฉลียวฉลาด เขาคิด ‘นี่คือพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก?’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท