เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1246

ตอนที่ 1246

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1246 อุโมงค์มิติ (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT

ช่วงเวลาในพายุเมฆาดาวเต็มไปด้วยความยากลำบาก

แต่หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ผู้อมตะที่อยู่ในหอคอยวายุเริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง บางคนกล่าว “ทุกคน…ไม่มีดาวตกพุ่งเข้าปะทะพวกเรามาสักพักแล้ว”

เป็นเพียงเวลานี้ที่พวกเขาพบว่ากระแสลมที่ปกป้องหอคอยวายุอยู่ได้หายไปแล้ว

ท่ามกลางความมืดมิด พวกเขาเห็นหอคอยวายุเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น

หลังจากชั่วครู่เสียงโห่ร้องยินดีจึงระเบิดขึ้นภายในหอคอยวายุ

“เราทำได้!”

“เกือบไปแล้ว แม้จะได้รับการปกป้องจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่การอยู่ในสวรรค์สีดำก็ทำให้พวกเราเกือบตาย”

“ต้องขอบคุณท่านไป่เฉินเทียน มิฉะนั้นพวกเราคงตายอยู่ในพายุเมฆาดาว”

กลุ่มผู้อมตะกล่าวด้วยความยินดี

ไป่เฉินเทียนคิด ‘พวกเราสามารถหลบหนีจากพายุเมฆาดาวเพราะพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก’

ในช่วงเวลาสำคัญ พลังงานลึกลับจากวิญญาณแห่งความรักชี้นำเส้นทางที่ถูกต้องให้กับไป่เฉินเทียน

ไป่เฉินเทียนนำหอคอยวายุเคลื่อนที่ไปตามทิศทางนั้นและสามารถหลบหนีจากพายุเมฆาดาวได้อย่างรวดเร็ว

แต่การแสดงออกของไป่เฉินเทียนยังคงมืดมน

‘พวกเราสามารถหลบหนีจากอันตราย แต่เว่ยหลิงหยางไม่มีวิญญาณแห่งความรัก ข้าเกรงว่าพวกเขาจะพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก’

หลังจากขาดการติดต่อกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสองหลัง ไป่เฉินเทียนยังไม่ได้เดินหน้าต่อแต่เคลื่อนที่ไปรอบๆเพื่อค้นหาพวกเขา

โชคดีที่ครึ่งวันต่อมาเขาสามารถติดต่อกับเว่ยหลิงหยางได้สำเร็จ

เว่ยหลิงหยางนำค่ายนักรบและศาลานกขมิ้นทะลวงผ่านพายุเมฆาดาวมาอย่างยากลำบาก นอกจากนั้นพวกเขายังถูกซุ่มโจมตีโดยฝูงสัตว์อสูร

หลังจากได้รับแจ้งเรื่องนี้ ไป่เฉินเทียนนำหอคอยวายุกลับไปช่วยพวกเขา

อย่างไรก็ตามพวกเขากลับต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นค่ายนักรบและศาลานกขมิ้นอีกครั้ง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสองหลังอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง นอกจากนั้นพวกเขายังอยู่ภายใต้การปิดล้อมของฝูงอสูรฟ้า

อสูรฟ้าอาศัยอยู่ในสวรรค์ทั้งเก้า อสูรฟ้าแต่ละตัวเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย ผู้นำของพวกมันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล

ท่ามกลางพวกมันมีอสูรฟ้าเดียวดายหลายพันตัวและยังมีอสูรฟ้าบรรพกาลอีกนับร้อยตัว

ค่ายนักรบและศาลานกขมิ้นได้รับความเสียหายอย่างหนักและตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ไป่เฉินเทียนรีบเข้าไปช่วยและทำให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่

ท่าไม้ตายอมตะจำนวนนับไม่ถ้วนถูกส่งออกไปราวกับดอกไม้ไฟ

อสูรฟ้าเดียวดายค่อยๆเสียชีวิตลงแต่ตัวอื่นยังเข้ามาแทนที่อย่างไม่รู้จบสิ้น

ในช่วงเวลาสำคัญค่ายนักรบต้องระเบิดพลังอำนาจที่แท้จริงของมันออกมาและปลดปล่อยเงาดำพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง

ฝูงอสูรฟ้าไม่สามารถต่อต้านการโจมตีนี้ กระทั่งผู้นำของพวกมันก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง

หอคอยวายุสร้างกระแสลมขึ้นมาอีกครั้งขณะที่เสียงขับร้องของนกนับพันตัวดังขึ้นจากศาลานกขมิ้น

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามทำงานร่วมกันและสามารถหลบหนีออกมาได้ในที่สุด

“สถานการณ์เลวร้ายมาก!” ไป่เฉินเทียนกับเว่ยหลิงหยางลอบสื่อสารกันด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามได้รับความเสียหายอย่างหนัก ศาลานกขมิ้นพังทลายลงกว่าครึ่ง เราต้องพักและกู้คืนความแข็งแกร่ง นักรบหมื่นมังกรยังไม่ตื่นขณะที่พลังงานอมตะของข้าถูกใช้ไปเกินครึ่งแล้ว”

พลังงานอมตะจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของผู้อมตะ

ไป่เฉินเทียนใช้พลังงานอมตะไปมากกว่าครึ่งเช่นเดียวกับเว่ยหลิงหยาง

แม้คฤหาสน์วิญญาณอมตะจะทรงพลัง แต่ค่าใช้จ่ายของพวกมันก็สูงมาก

นี่คือเหตุผลที่ฟางหยวนไม่เคยวางแผนที่จะสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

แม้เขาจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลรวมถึงเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่มีพลังงานอมตะของเทพอมตะตะวันเดือดอีกต่อไป ด้วยพลังงานอมตะของเขา มันไม่เพียงพอที่จะควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คฤหาสน์วิญญาณอมตะพึ่งพาพลังงานอมตะมากเกินไป มีเพียงผู้อมตะระดับแปดเท่านั้นที่สามารถดูแลค่าใช้จ่ายชนิดนี้

กลับมาที่คณะเดินทางจากภาคกลาง ตอนนี้พวกเขาพึ่งมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น

“ดูเหมือนตอนนี้เรามีเพียงต้องใช้อุโมงค์มิติเท่านั้น” เว่ยหลิงหยางกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ไป่เฉินเทียนตะลึงก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พวกเราสามารถเดินทางไกลและไปถึงจุดหมาย”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ยิ่งพบกับความยากลำบากมากเท่าใด จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น พวกเขาไม่คิดที่จะถอยกลับ

แม้การเดินทางของพวกเขาจะไม่เป็นไปตามความคาดหวัง แต่เทพธิดาจื่อเว่ยเตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้ว

อุโมงค์มิติคือหนึ่งในนั้น!

…..

วังสวรรค์แห่งโชค

เหยากวงมองเห็นการเคลื่อนไหวของคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลังของภาคกลางได้จากสถานที่แห่งนี้

“วังสวรรค์แห่งโชคส่งผลกระทบต่อโชคแห่งสวรรค์พิภพ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสวรรค์สีดำไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจตจำนงสวรรค์แต่มันเป็นการแทรกแซงของวังสวรรค์แห่งโชค นี่เป็นพลังอำนาจอันไร้เทียมทาน ด้วยการคงอยู่ของวังสวรรค์แห่งโชค ผู้ใดยังกล้าบุกภาคเหนือ!” เหยากวงรู้สึกตื่นเต้นมาก น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อเทพอมตะตะวันเดือด

เหยากวงมองราชันใต้และกล่าวต่อ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านถึงสามารถสงบจิตใจ ด้วยการคงอยู่ของวังสวรรค์แห่งโชค ไม่มีผู้ใดสามารถบุกรุกภาคเหนือ!”

ราชันใต้หัวเราะ “วังสวรรค์แห่งโชคประจำการอยู่ที่นี่มาเป็นเวลามากกว่าสามแสนปี มันส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสวรรค์สีดำ กระทั่งสวรรค์สีขาวก็ยังได้รับอิทธิพลจากมัน นี่คือพลังอำนาจของโชคแห่งสวรรค์พิภพ!”

เหยากวงคิดถึงหม่าหงหยุนและกล่าว “โชคแห่งสวรรค์พิภพยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจึงไม่สามารถเปรียบเทียบ แต่ตอนนี้วิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์อยู่ในมือของปีศาจอมตะเซี่ยหู”

เหยากวงเห็นพลังอำนาจของวังสวรรค์แห่งโชคที่สามารถกำหราบคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามของภาคกลางและต้องการปลุกปั่นให้ราชันใต้ใช้มันจัดการปีศาจอมตะเซี่ยหู

แต่ราชันใต้กลับส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้ม “หม่าหงหยุนมีสายเลือดตระกูลฮวงจินของเราและเป็นทายาทของบรรพชนตะวันเดือด ไม่มีปัญหาหากเขาได้รับวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ สำหรับปีศาจอมตะเซี่ยหู มันจะไม่ง่ายหากเขาต้องการฉกชิงวิญญาณอมตะดวงนี้ไป”

เหยากวงยังกังวล “ปีศาจอมตะเซี่ยหูหลอมรวมมันมาเป็นเวลานานแล้ว เพียงพลังอำนาจของวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์จะทำให้เขาล้มเหลวตลอดไปได้งั้นหรือ?”

ราชันใต้ส่ายศีรษะ “แน่นอนว่าไม่ กระทั่งวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์จะมีพลังอำนาจกึ่งระดับเก้า มันก็ยังไม่สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด นอกจากนั้นเขายังมีท่านหญิงหว่านซู หนึ่งในสี่ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของภาคเหนือ แต่เจ้าคิดว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ทำสิ่งใดเลยงั้นหรือ? พวกเราจะไม่ปล่อยให้วิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ตกอยู่ในมือของคนนอก พวกเราเตรียมตัวมานานแล้ว หากปีศาจอมตะเซี่ยหูไม่พบมัน เขาจะไม่ประสบความสำเร็จในการหลอมรวม”

เหยากวงเข้าใจในที่สุดว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรลงมือไปนานแล้วแต่ไม่มีผู้ใดตระหนักถึงสิ่งเหล่านั้น

“ยอดเยี่ยม! เปรียบเทียบกับถ้ำสวรรค์นิรันดร ปีศาจอมตะเซี่ยหูก็ไม่ต่างจากลิงที่วิ่งอยู่บนฝ่ามือของพวกเรา!” เหยากวงรู้สึกประทับใจมาก

สายตาของเขาที่มองราชันใต้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขารู้สึกว่าราชันใต้ผู้นี้ช่างลึกลับเกินกว่าจะหยั่งถึงและเหมือนรุ่นพี่ที่น่าเคารพ

แต่ในเวลาต่อมาใบหน้าของราชันใต้กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

ราชันใต้รู้สึกสับสนและตะโกนออกมา “เกิดสิ่งใดขึ้น? ผู้อมตะภาคกลางหายตัวไปอย่างกะทันหัน!?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท