เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1248

ตอนที่ 1248

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1248 เป้าหมายของอิงอู๋เซี่ย

แปลโดย iPAT

วังสวรรค์แห่งโชค

“ไม่อยู่ที่นี่!”

“ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน!”

“แปลก เหตุใดผู้อมตะภาคกลางจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย?”

ราชันใต้ไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป รอยยิ้มของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์ หน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เขาควบคุมวังสวรรค์แห่งโชคและตรวจสอบทุกแห่งแต่ยังไม่พบตำแหน่งที่อยู่ของกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง

เหยากวงรู้สึกงุนงง เขาเร่งถาม “ท่านราชันใต้ ข้าต้องทำสิ่งใดหรือไม่?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของผีดิบอมตะตะวันเดือดดังขึ้น “มันคืออุโมงค์มิติ”

ราชันใมต้ตกใจกว่าเดิม “ผู้อมตะภาคกลางมีท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์งั้นหรือ?”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดปฏิเสธ “ไม่ พวกเขาเพียงใช้อุโมงค์มิติที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์ทิ้งเอาไว้”

อุโมงค์มิติ!

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ

ในอดีตเทพปีศาจปล้นสวรรค์พยายามหาทางกลับบ้าน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทพปีศาจปล้นสวรรค์เดินทางมากที่สุดหากเปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ เทพปีศาจปล้นสวรรค์รู้จักเกือบทุกซอกทุกมุมของห้าภูมิภาคและสองสวรรค์

เทพปีศาจปล้นสวรรค์รู้สึกถึงความไร้นัยสำคัญของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับโลกผู้ใช้วิญญาณ ดังนั้นเขาจึงสร้างอุโมงค์มิติขึ้นมา

ท่าไม้ตายอมตะนี้ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางไปได้มาก

แม้เทพปีศาจปล้นสวรรค์จากไปนานแล้ว แต่อุโมงค์มิติบางแห่งยังถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจนถึงปัจจุบันและดูเหมือนพวกมันจะสามารถคงอยู่ตลอดไป

สิบนิกายโบราณของภาคกลางไม่เคยหยุดค้นคว้าเกี่ยวกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์

เนื่องจากเทพปีศาจปล้นสวรรค์แตกต่างจากผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆเพราะเขาเป็นปีศาจต่างโลก จากจุดนี้ วังสวรรค์จึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อเขา

นิกายคฤหาสน์วิญญาณมีมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ จ้าวเหลียนหยุนสามารถรับมรดกนี้เพราะผลงานวิจัยของวังสวรรค์

เมื่อผู้อมตะภาคกลางค้นพบอุโมงค์มิติแห่งนี้ พวกเขาจึงสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

“อุโมงค์มิตินี้นำไปสู่ที่ใด?” ราชันใต้ตระหนักถึงจุดสำคัญของปัญหานี้

ผีดิบอมตะตะวันเดือดตอบ “ข้าไม่รู้เรื่องนี้ มันเป็นฝีมือของเทพปีศาจปล้นสวรรค์”

ในช่วงเวลาที่เทพอมตะตะวันเดือดยังมีชีวิต เขาพบกับความยากลำบากในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เทพอมตะตะวันเดือดเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งโชค แต่เปรียบเทียบกับเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เทพอมตะตะวันเดือดไม่มีวิธีการที่สามารถรับมือวิธีการของฝ่ายหลัง

ราชันใต้เงียบ เหยากวงตะลึง

แล้วพวกเขาจะทำสิ่งใดได้?

ผีดิบอมตะตะวันเดือดตอบ “เมื่อพวกเขาใช้อุโมงค์มิติ พวกเราก็ทำได้เพียงรอให้พวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง”

เหยากวงถาม “นี่หมายความว่าผู้อมตะภาคกลางสามารถปรากฏตัวได้ทุกที่งั้นหรือ? หากพวกเขาปรากฏตัวขึ้นในภาคเหนือโดยตรง เราจะทำอย่างไร?”

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง พวกเขาสูญเสียความแข็งแกร่งไปมาก แต่โดยรวมแล้วพวกเขาก็ยังเป็นกองทัพที่ทรงพลัง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง ผู้อมตะระดับแปดสามคน ตลอดจนผู้อมตะระดับหกกับเจ็ดอีกมากมาย และต้องไม่ลืมวิญญาณแห่งความรักระดับเก้า!

หากพวกเขาปรากฏตัวขึ้นในฐานทัพของตระกูลฮวงจิน ฝ่ายหลังต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

‘หากผู้อมตะภาคกลางปรากฏขึ้นในเผ่าเหยาของข้า…’ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่เหยากวงจะรู้สึกไม่สบายใจ

“ท่านบรรพชนโปรดชี้แนะพวกเราด้วย” ราชันใต้ขอความช่วยเหลือ

ผีดิบอมตะตะวันเดือดหัวเราะ “บุตรหลานของข้า โชคลาภและภัยพิบัติมาพร้อมกันเสมอ นี่อาจเป็นหายนะของภาคเหนือแต่มันสามารถเปลี่ยนเป็นพรได้เช่นกัน ร่างหลักของข้าตายไปแล้ว นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของข้า ไปและทำงานอย่างหนักเพื่ออนาคตโดยไม่ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ เปลี่ยนหายนะให้เป็นพรด้วยตัวของพวกเจ้าเอง”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดกล่าวก่อนกลับสู่การจำศีล

ราชันใต้และเหยากวงมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้

…..

ภาคใต้ ภายในค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนโยนทรัพยากรชิ้นหนึ่งลงไปในหม้อ

เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นแต่มันกลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่หนาวเย็นออกมา

มันคือไฟเย็น

ไม่นานหลังจากนั้นเปลวเพลิงที่เย็นยะเยือกก็ดับลงโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เบื้องหลัง

วิญญาณดวงหนึ่งบินออกมาจากหม้อ

วิญญาณดวงนี้มีรูปลักษณ์เหมือนยุงสีน้ำตาลที่ดูบอบบางมาก ขณะที่มันบินเข้าไปหาฟางหยวน ร่างกายของมันหดและขยายสลับกัน

นี่เป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นวิญญาณระดับมนุษย์

ชื่อของมันคือดึงแม่น้ำ

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำอยู่แล้ว มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหก

วิญญาณดึงแม่น้ำระดับมนุษย์อนุญาตให้ผู้ใช้วิญญาณจัดการกับกระแสน้ำ แน่นอนว่าพลังอำนาจของมันด้อยกว่าวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ

แต่ฟางหยวนก็ดีใจมากที่ได้รับมัน

เพราะเหตุใด?

ประการแรกวิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากฟางหยวนต้องการใช้ท่าไม้ตายอมตะสองท่าที่พึ่งพาวิญญาณอมตะดึงแม่น้ำเช่นเดียวกัน แล้วเขาจะทำอย่างไร? ด้วยวิญญาณระดับมนุษย์ ฟางหยวนสามารถใช้มันทดแทนวิญญาณอมตะได้ชั่วคราว ดังนั้นกระทั่งผู้อมตะจะมีวิญญาณอมตะอยู่แล้ว พวกเขาก็ยังต้องการวิญญาณระดับมนุษย์ชนิดเดียวกันเพื่อใช้ในบางสถานการณ์

ประการที่สอง เนื่องจากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของฟางหยวนบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ นั่นทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจใหม่ๆ

วิญญาณดึงแม่น้ำอาจเป็นวิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งวารีเช่นกัน ในอดีตแม้ฟางหยวนจะเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่เขายังขาดความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารี ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดึงแม่น้ำระดับมนุษย์

แต่เมื่อเขากลายเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี เขาแทบไม่ต้องคิดและสามารถสรุปรายละเอียดต่างๆได้จากสัญชาตญาณ

ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

‘ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งวารี’ ฟางหยวนรู้สึกถึงประโยชน์ของสิ่งนี้

นอกจากนั้นในคลังความทรงจำจากชีวิตแรกของฟางหยวนยังเก็บสะสมท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งวารีเอาไว้มากมาย

ตอนนี้เขารู้สึกเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับพวกมันมากขึ้น

‘ไม่เพียงความสำเร็จของข้าจะยกระดับขึ้น ความแข็งแกร่งของข้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน’

‘โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อข้าเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายอยู่แล้ว เส้นทางเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันและสนับสนุนกัน พวกมันทำให้ข้าได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก’

‘ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนต่างต้องการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน’

ฟางหยวนคิดถึงชีวิตแรก เวลานั้นเขาให้ความสำคัญกับเส้นทางแห่งเลือดเท่านั้น

แน่นอนว่าฟางหยวนมีเหตุผลสำหรับการกระทำของเขา

หนึ่ง สถานการณ์ในเวลานั้นของเขาค่อนข้างเลวร้าย เขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งตลอดเวลา เขาต้องยกระดับพลังการต่อสู้อย่างรวดเร็วที่สุด

สอง ฟางหยวนไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งความฝัน เขาไม่มีวิธีสำรวจมัน โดยปราศจากวิธีการพิเศษ การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก

สาม เมื่อฟางหยวนไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เขาพบว่าในเวลานั้นเจตจำนงสวรรค์ได้เข้าแทรกแซงชีวิตของเขา

ขณะที่ฟางหยวนกำลังตรวจสอบความสำเร็จบนเส้นทางแห่งวารีของตน ตระกูลวูได้ส่งผู้อมตะระดับเจ็ดคนใหม่เข้ามาในค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนดำเนินการส่งต่อภารกิจและจากไปอย่างรวดเร็ว

เขาบินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือโดยไม่หยุดพัก

ข้ออ้างที่เขาบอกวูหยงคือเขามีเหตุผลส่วนตัวที่ต้องกลับไปยังทะเลตะวันออกเพียงลำพัง

ทุกคนต่างมีความลับเป็นของตนเอง หากเขาเป็นผู้อมตะทั่วไปของตระกูลวู วูหยงจะสอบถามเพิ่มเติม แต่นี่คือวูอี้ไห่ แม้วูหยงจะถาม เขาก็จะไม่ได้รับคำตอบ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ถามอย่างชาญฉลาด

ฟางหยวนเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคและไปถึงทะเลตะวันออก เขาวางมิติช่องว่างลงและพักอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว

ขณะที่เขาอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขายังฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะและทำความคุ้นเคยกับวิญญาณอมตะดวงใหม่ที่หยิบยืมมาจากตระกูลวู

ฟางหยวนต้องเตรียมตัวอย่างเพียงพอ เขาต้องใช้โอกาสนี้สังหารอิงอู๋เซี่ย!

หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฟางหยวนเก็บมิติช่องว่างจักรพรรดิและเดินทางต่อ

สัมผัสแห่งโชค!

ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคและพบว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ที่ภาคใต้แต่กลับมายังทะเลตะวันออกอีกครั้ง

‘ดี มันง่ายกว่าสำหรับข้าที่จะโจมตีพวกเขาในทะเลตะวันออก’ ฟางหยวนบินไปหาเป้าหมายโดยไม่ลังเล

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกำลังบินอยู่เหนือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

ไป่หนิงปิงรวมอยู่ในกลุ่มนี้

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้นางกลายเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม

ไม่กี่วันก่อนอิงอู๋เซี่ยนำวิญญาณกงล้อหยินหยางออกมาและสามารถหยุดเจตนาสังหารของไป่หนิงปิง

อิงอู๋เซี่ยใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความร่วมมือกับไป่หนิงปิงอีกครั้ง

แต่ไป่หนิงปิงไม่เหมือนก่อนหน้า นางบอกว่านางยอมสละวิญญาณกงล้อหยินหยางเพื่อกำจัดกลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยพยายามโน้มน้าวไป่หนิงปิงและสามารถสร้างข้อตกลงใหม่ได้สำเร็จในที่สุด

ไป่หนิงปิงได้รับวิญญาณกงล้อหยินหยาง แต่นางรู้ว่าฟางหยวนยังเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่

ดังนั้นพวกนางจึงไม่ควรอยู่ในถ้ำสวรรค์ไป่เซียง

เนื่องจากอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของฟางหยวนสามารถทะลวงเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย หากไป่หนิงปิงและคนอื่นๆยังอยู่ที่นั่น ฟางหยวนอาจพบเบาะแสและปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ

ในเวลานี้ไป่หนิงปิงมองทะเลสีฟ้าและเริ่มขมวดคิ้ว นางถ่ายทอดเสียงอย่างลับๆ “อิงอู๋เซี่ย เจ้าบอกว่าเจ้ามีวิธีจัดการฟางหยวน แต่ตอนนี้เราอยู่ในทะเลตะวันออก เรากำลังเดินทางไปที่ใด เจ้ามีแผนการใดกันแน่?”

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “เพื่อจัดการพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาต้องมีพลังการต่อสู้ระดับแปดเช่นกัน ทะเลตะวันออกไม่ใช่จุดหมายของเรา พวกเราจะไปภาคเหนือ”

“เจ้าหมายว่ากองกำลังพันธมิตรผีดิบของภาคเหนือมีพลังการต่อสู้ระดับแปดอยู่งั้นหรือ?” ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นเย้ยหยัน

หากพวกเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เหตุใดพวกเขาไม่ใช้มันในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน?

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มขมขื่น “ย้อนกลับไปมันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”

“แล้วเวลาที่เหมาะสมคือเมื่อใด?”

“ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี ภาคเหนือและภาคกลางกำลังเข้าสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ หากเรามุ่งหน้าไปยังจุดศูนย์กลางของความโกลาหล แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ เราจะสามารถหยิบยืนพลังการต่อสู้ระดับแปดเพื่อกำจัดฟางหยวนและนำร่างทารกอมตะกลับคืนมา!” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะแต่ในจังหวะนี้เขากลับหันหน้าไปด้านหลังอย่างกะทันหัน

“โอ้ ฟางหยวนกำลังมา!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท